เพิ่งเปิดตัวกันไปล่าสุดกับ Garmin Fenix 5 ซีรีส์ ที่ปีนี้แก้จุดอ่อนเรื่องน้ำหนัก โดยเปิดให้เลือกถึง 3 รุ่นด้วยกัน Fenix 5s, Fenix 5 และ Fenix 5X ซึ่งเปิดจองไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา และเช่นเคยในช่วงแรกของมีจำนวนจำกัด และจะได้ใช้งานก่อนใครในวันที่ 30 มีนาคมศกนี้ วันนี้มาพรีวิวให้ชมกันครับ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เอาเป็นว่าผมบอกราคากันก่อนเลย Fenix 5s ราคา 23,900 บาท และ 25,900 บาท, Fenix 5 ราคา 23,900 บาท และ 25,900 บาท และ Fenix 5X ราคา 25,900 บาท และ 27,900 บาท แต่อย่าเพิ่มตัดสินใจ เพราะว่ามาดูรายละเอียดแต่ละรุ่นกันหน่อยว่า 5 รุ่นย่อยมีอะไรบ้าง?
ช่วงแรกของเอา slide มาแปะไว้ก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ โดยคอนเซ็ปท์หลักก็คือ Fenix 5 ซีรีส์ทั้ง 5 รุ่น เหมาะกับกีฬาเรียกว่าเกือบทุกประเภท มีฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย ใครที่เคยใช้ Fenix 3 มาก่อน ก็จะรู็ว่าเจ๋งแค่ไหน
สำหรับการใข้งานของ Fenix คือยังไงก็อึด วิ่ง 9 ชั่วโมง จะปั่นเป็น 10 ชั่วโมงก็ยังไหว
แต่ละรุ่นคือมีขนาดตัวเรือนที่ต่างกัน คือคราวนี้เค้าดีไซน์มาเพื่อข้อมือหลายๆ แบบรวมถึงน้ำหนักที่ ไม่หนักจนเกินไปโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีทางเลือกมากขึ้น เพราะรุ่น Fenix 5s มีสีขาวให้เลือกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้นการเปลี่ยนสายคราวนี้ไม่ต้องใช้ไขควงอีกต่อไป ถอดประกอบสายง่ายมาก
เรื่องแอพและการใช้งาน ต้องบอกว่าค่อนข้างแอดวานซ์มาก รองรับการเชื่อมต่อกับ smartphone ผ่าน garmin connect ตัวรุ่นสูงสุดอย่าง Fenix 5X มีแผนที่ติดตัวมาด้วยนะ
ในงานมีนักแสดงที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์การใช้งาน ก็เหมาะกับทุกสไตล์การใช้งานจริงๆ
มาแล้วจ้า Fenix 5X ที่เป็นรุ่นใหญ่ที่สุด โดยมีฟีเจอร์ครบ มี Wi-Fi ในตัวอีกต่างหาก สำหรับซิงค์ข้อมูลได้ทันทีที่เชื่อมต่อกับ network ที่ตั้งค่าไว้ ซึ่งรุ่นนี้จะมีเพียงรุ่นเดียวคือ Shappire หน้าจอกันรอยขีดข่วน
ด้านหลังที่ดูพรีเมี่ยม ตัวเซ็นเซอร์วัดหัวใจอยู่ทางด้านขวามือ จะเห็นว่ามี 3 ดวง ยังคงคอนเซ็ปท์เดิมๆ
น้ำหนักก็ใช้ได้เลยล่ะ ดีไซน์ดูหรูหรา ตามราคา
จุดเด่นของซีรีส์ Fenix 5 นี่คือ สายถอดได้ง่าย และเปลี่ยนสีของสายได้เพียบ แต่ในหมายเหตุคือ ต้องซื้อสายเพิ่มนะ
อย่างที่รู้กันว่ารองรับกีฬาเกือบทุกชนิดในโลกนี้แล้วล่ะครับ อยากจะเล่นอะไรยังไงได้หมด ส่วนใหญ่คนที่ใช้รุ่นนี้ ต้องอย่างน้อยก็ไตรกีฬา คือทั้งวิ่ง ทั้งปั่น ทั้งว่าย นั่นเอง
ลองใส่กับข้อมือหน่อย ข้อมือผมเล็ก เลยเห็นว่าเรือนใหญ่พอตัวเลยทีเดียว
เมื่อเทียบกับ Forerunner 235 ขนาดตัวเรือนไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ความอึดกับน้ำหนักต่างกันชัดเจน รวมถึงฟีเจอร์ด้วย
ตัวสายถอดออกง่ายมาก แค่เลื่อนสลักถอยหลังแล้วดึงออกได้เลย นับว่าเป็นไอเดียที่สร้างความสะดวกในการเปลี่ยนสายอย่างมาก
ถอดเหลือแต่ตัวเรือนก็เหลือเท่านี้ล่ะครับ สำหรับ Fenix 5X เป็นรุ่นที่มีราคาแพงสุด 27,900 บาท
มาดูเจ้า Fenix 5 กันบ้างดีกว่า
ซึ่งมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ก็คือรุ่นที่เป็น Sapphire ที่ราคา 25,900 บาท และ รุ่นปกติที่ 23,900 บาท
จริงๆ ตัวดีไซน์คล้ายกับ Fenix 5X แต่เพื่อกันงง ส่วนของหน้าสัมผัสสำหรับชาร์จจะอยู่ด้านซ้ายมือ
หน้าจอการแสดงผลและฟีเจอร์แทบจะเหมือนกับ Fenix 5X เลย
ลองใส่ดูก็จะเห็นว่าขนาดไม่ต่างสักเท่าไหร่ น้ำหนักก็นะตามสไตล์ของ Fenix นั่นแล
มาดูรุ่นย่อยสุดท้ายบ้างครับ Fenix 5s ที่มีสีขาวและสีดำให้เลือก โดยแบ่งเป็น Sapphire 25,900 บาท และรุ่นธรรมดา 23,900 บาท
สายสีขาวและตัวเรือนสีเงิน นี่ใช่เลย สำหรับคุณผู้หญิง และขนาดเล็กกว่าทั้งสองรุ่นที่ผ่านมา ดูสวยงามและ luxury อย่างมาก
ซึ่งรุ่นสีขาวเป็นรุ่นธรรมดานะ ถ้าอยากได้ Shappire ต้องรุ่นสีดำ
สายสีขาวสวยดี
ส่วนตัวชอบสีดำมากกว่า
ดำดีสีไม่ตก กรณีใช้งานไปนานๆ ยังไงสีขาวก็เลอะง่ายกว่านะ
ลองใส่สายแบบ mix and match ซะหน่อย
ซึ่งจะว่าไป Fenix 5s นี่ดูจะเหมาะสุด น้ำหนักเบากว่าสองรุ่นย่อยที่ผ่านมา
เอาไว้หากมีโอกาสคงได้จับมารีวิวกันล่ะครับ ทั้งหมดนี้ เปิดจองแล้ว และจะปล่อย lot แรกในวันที่ 30 มีนาคม คาดว่าเหมือนเดิม มีจำนวนจำกัด หากไม่จองก็พลาดการใช้งานลำดับต้นๆ ไป นั่นล่ะครับ
ถูกใจบทความนี้ 47
You must be logged in to post a comment.