รีวิวหูฟัง Plantronics BackBeat Pro 2 ดีไซน์สวย เสียงแจ่ม ราคาเป็นมิตร เหมาะที่จะเป็นคู่ชิดในการร่วมทาง !!!

Plantronics BackBeat Pro 2_1

 เดินทางมาถึง Gen ที่ 2 สำหรับเฮดโฟนไร้สายของทางค่าย Plantronics หลังจาก BackBeat Pro รุ่นแรกสร้างชื่อเสียงและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้งานทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดค่าย Plantronics ก็ได้ฤกษ์ปล่อย BackBeat Pro 2 ออกมาตอบโจทย์แฟน ๆ กันอีกครั้ง โดยในรอบนี้ มีการปรับดีไซน์และขัดเกลาเรื่องคุณภาพเสียงให้ดูลงตัวมากขึ้น ส่วนทางด้านฟีเจอร์นั้นยังคงให้มาแบบอัดแน่นเหมือนเช่นเคย ไม่ได้ถูกตัดทอนออกไปแต่อย่างใดเลยครับ

 

 

คีย์ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Plantronics BackBeat Pro 2

⦁ เชื่อมต่อได้ไกลสูงสุดถึง 100 เมตร เมื่อต่อกับอุปกรณ์หลักที่รองรับบลูทูธ Class 1 ด้วยกัน

⦁ ระบบประหยัดพลังงานที่ถูกออกแบบไว้อย่างดี ทำให้ฟังเพลงต่อเนื่องได้นานสูงสุดถึง 24 ชั่วโมง ต่อการชารจ์หนึ่งครั้ง สแตนท์บายขณะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลักได้นาน 21 วัน และ นานถึง 6 เดือน ถ้าเป็นการสแตนท์บายโดยไม่มีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดๆในโหมด deep sleep

⦁  ฟีเจอร์ On-demand active noise-cancellation (ANC) ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบตัวได้ทุกเวลาที่ต้องการ

⦁  ฟีเจอร์ open-listening mode เพื่อคุยกับคนรอบข้างได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก

⦁ ฟิเจอร์ Smart Sensor ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะดูหนังหรือฟังเพลงอยู่ ถ้าคุณต้องถอดหูฟังออกเพื่อไปทำกิจธุระอื่น ระบบนี้จะหยุดเล่นเพลงหรือไฟล์นั้นอัตโนมัติ แล้วกลับมาเล่นต่อที่จุดเดิมให้ทันทีที่คุณสวมหูฟังอีกครั้ง

⦁ สลับฟังเพลง ดูหนังและสนทนาโทรศัพท์ จากอุปกรณ์หลัก ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง

⦁ นอกจากคุณภาพเสียงเพลงที่เยี่ยมยอดแล้ว  Plantronics ยังได้นำระบบไมโครโฟนสองตัวที่ได้รับการชื่นชมจากผู้ใช้งานทั่วโลกมานาน  มาช่วยเพิ่มความคมชัดของเสียงพูดของคุณ และตัดเสียงรบกวนรอบตัวออกไปก่อนที่จะส่งไปยังปลายทาง

⦁ ด้วยคำนึงถึงนักธุรกิจที่ต้องเดินทางบ่อยๆ จึงออกแบบให้พับเก็บที่ครอบหูพับได้ พร้อม protective sleep เพื่อการพกพา

⦁ ภายในแพ็คเก็ต มีสายออดิโอ ขนาด 3.5 มม. สำหรับใช้ต่อหูฟังเพื่อฟังเพลง เมื่อแบตเตรี่หูฟังหมดได้อีกด้วย

 

Backbeat Pro2 วางจำหน่ายในประเทศไทยสองรุ่น ได้แก่

⦁ Backbeat Pro2 สี Black Tan บรรจุในชุดพร้อม soft carrying case ราคา 7,890 บาท วางจำหน่ายในหน้าร้าน Mobile IT & Gadgets ทั่วไป

⦁ Backbeat Pro2 SE สี Graphite Grey ซึ่งสามารถเชื่อมต่ออัตโนมัติผ่านระบบ NFC ได้ พร้อม Hard Carrying Case จำหน่ายในราคา 9,890 บาท โมเดลนี้จำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น

 

สเปคเบื้องต้นของ Plantronics BackBeat Pro 2

2017-03-02_211400

 

 

ปล. คลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

 

Packaging & Accessories

Plantronics BackBeat Pro 2_3

Plantronics BackBeat Pro 2_4

กล่องแพจเกจของ Plantronics BackBeat Pro 2 จะมีขนาดที่ย่อมเยาลงมาเมื่อเทียบกับรุ่นแรก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ BackBeat Pro 2 ได้มีการปรับปรุงทั้งในส่วนของดีไซน์และขนาดโดยรวมลงมาถึง 35% นั่นเองครับ

ภาพรวมตัวกล่องนั้นใช้โทนสีเดียวกับตัวหูฟัง โดยด้านหน้าโชว์รูปตัวหูฟัง BackBeat Pro 2 แบบเต็ม ๆ ส่วนด้านหลังจะมีรูปอุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาและสเปคเบื้องต้นที่แปะมาให้อ่านกันพอสังเขป

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_5

Plantronics BackBeat Pro 2_6

มีกล่องด้านในอีก 1 ชั้น และห่อหุ้มด้วยกระดาษอย่างดี ดูเรียบขรึมให้ฟิลลิ่งคลาสสิคมากครับ

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_7

สำหรับตัวหูฟังและอุปกรณ์เสริมที่ให้มาจะอยู่ใน Soft carrying case หรือซองถุงผ้านั่นเอง โดยตัวถุงผ้ามีซิปล็อคและสายคล้องมาให้ด้านที่บน ทำให้การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่นั้นถือว่าสะดวกคล่องตัวในระดับหนึ่งเลยครับ

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_8

Plantronics BackBeat Pro 2_9

อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องประกอบไปด้วย

1. คู่มือการใช้งานฉบับย่อ ซึ่งมีภาษาไทยมาให้ด้วยนะ
2. สาย Micro USB สำหรับชาร์จไฟ
3. สาย 3.5 dual cable ใช้ต่อตรงกับอุปกรณ์ เวลาที่แบตเตอรี่หมด หรือผู้ใช้งานอยากจะเชื่อมต่อกับแหล่ง source ต่าง ๆ ที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ

 

 

Design & Hardware

Plantronics BackBeat Pro 2_13

ดีไซน์ของ Plantronics BackBeat Pro 2 ยังคงเป็นเฮดโฟนแบบฟูลไซส์ แต่มีการปรับดีไซน์และขนาดโดยรวมลง 35% จึงทำให้ดูมีความเพรียวบางลงเมื่อเทียบกับรุ่นแรก นอกจากนี้ยังเบาลงกว่าเดิมถึง 15% อีกด้วยครับ

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_10

วัสดุหลักเป็นโพลีคาร์บอเนตเกรดพรีเมี่ยม ผสานด้วยการหุ้มหนังทั้งในส่วนของก้านหูฟังและตัวเอียร์คัพ

ภาพรวม ๆ เมื่อแรกจับลองสัมผัส

หูฟัง Backbeat Pro2 มีงานประกอบเรียบร้อย และเก็บรายละเอียดได้ดี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันบึกบึนแข็งแรงออกแนวสายฮาร์ดคอร์สักเท่าไหร่ เพราะฟิลลิ่งของ Plantronics BackBeat Pro 2 จะให้อารมณ์ที่เรียบหรูแฝงความพรีเมี่ยมเสียมากกว่า อีกทั้งตัวเอียร์คัพนั้นสามารถพับเก็บได้ จึงทำให้รู้สึกว่าตัวหูฟังนั้นเน้นไปที่ความยืดหยุ่นทั้งในการใช้งานและพกพา มากกว่าออกแนวลุย ๆ หรือใส่ทำกิจกรรมประเภทออกกำลังกาย

 

 

มาสำรวจภาพรวมทางด้าน Hardware ภายนอกกันครับ

Plantronics BackBeat Pro 2_14

ตัวก้านหูฟังมีขนาดที่ไม่ใหญ่เทอะทะ ความยืดหยุ่นถือว่ากำลังดี ใส่แล้วไม่บีบหรือหลวมคลอนจนรู้สึกรำคาญ

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_15

ตัวก้านหูฟังของ Backbeat Pro2 นั้นหุ้มด้วยหนังสีน้ำตาล และมีป้าย Label Pro กำกับความเป็นรุ่นโปร ไว้อยู่ที่ฝั่งซ้ายของตัวก้านหูฟัง

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_16

ส่วนด้านในจะหุ้มผ้าฟองน้ำที่มีรูระบายอากาศ ทำให้ไม่อับชื้นจากเหงื่อของผู้ใช้งาน

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_22

Plantronics BackBeat Pro 2_21

ตัวปรับระดับก้านหูฟัง มีความหนืดที่กำลังดีเลยครับ เวลาที่ดึงออกมาใช้งานและพับเก็บ ไม่รู้สึกว่ามันหลวมคลอนหรือแน่นจนเกินไปนัก

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_20

สำหรับขีดต่าง ๆ ที่อยู่บนตัวก้าน ประโยชน์ก็คือเราสามารถใช้ขีดเหล่านี้เป็นตัววัดระดับความยาวของก้านที่ดึงออกมาให้เท่ากันทั้งสองข้างนั้นเองครับ

 

Plantronics BackBeat Pro 2_17

Plantronics BackBeat Pro 2_11

Plantronics BackBeat Pro 2_12

จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของ Plantronics BackBeat Pro 2 ก็คือสามารถพับเก็บตัวเอียร์คัพได้อีกด้วย ตรงนี้จะช่วยให้การพกพาหรือคล้องคอมีความคล่องตัวที่ดีมาก จากที่ได้ลองใช้งานจริง ผมชอบมาก ๆ เพราะไม่เกะกะทั้งเวลาคล้องคอและไม่กินพื้นที่ ในเวลาที่เราใส่กระเป๋าเดินทางนั่นเอง

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_18

Plantronics BackBeat Pro 2_19

นอกจากนี้ตัวหูฟัง Plantronics BackBeat Pro 2 ยังออกแบบให้ตัวเอียร์คับปรับระดับองศาของตัวหูฟังให้เข้ากับสรีระของผู้ใช้งานด้วยแกนยึดที่เลื่อนระดับได้ในตัว ทำให้มีความยืดหยุ่นและใส่สบายไม่เมื่อยล้า แม้จะใส่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็ตาม

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_28

ด้านในของตัวเอียร์คัพจะเป็นฟองน้ำ พร้อมหุ้มด้วยหนังสีโทนเดียวกับตัวก้านหูฟัง และมีการพิมพ์บอก R-L หรือด้านซ้าย-ขวาของตัวหูฟังไว้ที่ด้านในของตัวเอียร์อัพด้วย

 

 

Feature & Connection

มาถึงฟีเจอร์อันเป็นจุดขายและการเชื่อมต่อคอนโทรลของ BackBeat Pro 2 กันต่อครับ

หูฟัง Plantronics BackBeat Pro 2 มาพร้อม Bluetooth Profiles: Bluetooth® 4.0 และรองรับ EDR, HSP 1.2, HFP 1.6 หากเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่รองรับบลูทูธ Class 1 เหมือนกัน จะสามารถเชื่อมต่อได้ไกลสูงสุดถึง 100 เมตร ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่ได้รองรับ บลูทูธ Class 1 ระยะการเชื่อมต่อก็อยู่ที่มาตรฐานทั่ว ๆ ไป คือมีระยะเชื่อมต่ออยู่ที่ราว ๆ 10 เมตรครับผม

Plantronics BackBeat Pro 2_23

ตัวเอียร์คัพออกแบบดีไซน์ด้วยลวดลาย Texture มองผ่าน ๆ จะคล้ายลายเคฟล่า แต่ให้พื้นผิวสัมผัสที่กระชับและไม่ลื่น

เอียร์คัพทางฝั่งซ้าย ตรงกลางจะมีปุ่มคอนโทรล ที่ใช้งานด้านมัลติมีเดีย หรือารฟังเพลงนั่นเอง โดยประกอบไปด้วย ปุ่ม forward – Backward เล่นเพลงถัดไป-เล่นย้อนแทรคล่าสุด, ปุ่ม Play-Pause เล่น/หยุดเพลง

ตัววงแหวนสีดำรอบที่ล้อมคาดปุ่มคอนโทรล จะเป็นวงแหวนที่ใช้ในการปรับระดับเสียง การใช้งานจะไม่ได้เป็นหมุนฟรีแบบ infinity แต่จะใช้การลากลงหรือดันขึ้น ซึ่จะมีระยะฟรีที่ไม่มากนัก แต่เท่าที่ได้ลองใช้งานจริงก็สะดวกดีครับ แถมตัววงแหวนยังออกแบบมาในลักษณะ Dot บนพื้นผิวแบบเล่นระดับ นอกจากสวยงาามมาก ๆ แล้ว ยังช่วยให้การปรับระดับเสียงนั้นมีความกระชับและไม่ลื่น แม้นิ้วมือของเราจะมีเหงื่อหรือเปียกน้ำก็ตามที

 

 

Plantronics BackBeat Pro 2_24

ฟีเจอร์พระเอกของหูฟัง Plantronics BackBeat Pro 2 ก็คือ ฟังก์ชั่น On-demand active noise-cancellation (ANC) ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบตัวได้ทุกเวลาที่ต้องการ สำหรับฟีเจอร์นี้ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด หลาย ๆ แบรนด์เขาก็มีเหมือนกัน ฉะนั้นผมจึงไม่ขอลงลึกในเชิงเทคนิค แต่ขออธิบายคร่าว ๆ  active noise-cancellation คือการตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถราจากการจราจร, เสียงคนพูดคุยอึกทึกครึกโครมที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราออกไป

ซึ่งเราจะได้ดื่มด่ำเข้าไปในโลกของเสียงเพลงเพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้ยินเสียงอื่น ๆ มารบกวน สำหรับฟีเจอร์นี้หากต้องการใช้งาน ให้ทำการดันปุ่มลงมาด้านล่างสุด ก็จะเป็นการเข้าสู่โหมด noise-cancellation (ANC) และในทางกลับกัน หากเราต้องการได้ยินเสียงจากภายนอก หรือต้องการที่จะพูดคุยสนทนากับบุคคลอื่น ๆ  ก็สามารถดันปุ่มนี้ขึ้นไปด้านบนสุดเพื่อเปิดฟังกชั่น open-listening mode เพื่อคุยกับคนรอบข้างได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกครับ

นอกจากนี้ BackBeat Pro 2 ยังีฟิเจอร์ Smart Sensor ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะดูหนังหรือฟังเพลงอยู่ หากเรามีความจำเป็นที่ต้องถอดหูฟังออกเพื่อไปทำธุระอย่างอื่น ตัวหูฟังจะทำการหยุดเล่นเพลงหรือไฟล์นั้น ๆ ให้โดยอัตโนมัติ อัตโนมัติ  และเมื่อเรากลับมาส่วมใส่หูฟังอีกครั้ง ระบบก็จะทำการเล่นต่อที่จุดเดิมให้ทันที

 

Plantronics BackBeat Pro 2_25

เอียร์คัพทางฝั่งขวา ปุ่มวงกลมตรงการทำหน้าที่ในการรับสายโทรศัพท์ หากมีสายเรียกเข้ามา เมื่อทำการกดหนึ่งครั้งจะเป็นการรับสาย หากกด 2 ครั้งติด ๆ กัน จะเป็นการโทรออกไปยังสายล่าสุดที่เราใช้งาน

 

Plantronics BackBeat Pro 2_26

และปุ่มต่าง ๆ ที่อยู่ทางฝั่งขวาของตัวเอียร์คัพ จะประกอบไปด้วย ปุ่ม Power เพื่อใช้ในการเปิด-ปิดเครื่อง และถ้าเป็นการเชื่อมต่อครั้งแรกให้ดันปุ่มค้างไว้เป็นเวลา 15 วินาทีเพื่อเปิดสแตนบายตัวหูฟังให้พร้อมสำหรับการแพร์กับอุปกรณ์ที่ต้องการ และถัดจากปุ่ม Power คือปุ่ม Mute เพื่อปิดเสียงของตัวไมค์

 

Plantronics BackBeat Pro 2_27

ด้านล่างจะมีพอร์ต Micro USB สำหรับชาร์จไฟ และช่องเสียบแจ็ค 3.5มม. เอาไว้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเวลาที่แบตหมดหรืออุปกรณืนั้น ๆ ไม่รองรับการเชื่อมจต่อบลูทูธ

 

 

g

ไฟแจ้งเตือนระดับแบตเตอรี่ อยู่ที่ตัวเอียร์คัพทางฝั่งขวามือ  ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 5 ระดับ นอกจากนี้เมื่อทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เราสามารถเช็คระดับแบตเตอรี่ได้โดยตรงจากตัวสมาร์ทโฟนอีกด้วยนะครับ

 

Plantronics BackBeat Pro 2_29

Plantronics BackBeat Pro 2_30

Plantronics BackBeat Pro 2_31

เมื่อลองสวมใส่จริงก็ประมาณนี้ครับ

ขอขอบคุณนายแบบ แอดมิน นู๋อาร์ต @nuart ของเว็บ PDAMobiz.com ด้วยนะครับ

 

 

Sound Quality

ปิดท้ายกันในเรื่องของซุ่มเสียงครับ ถ้าลองสัมผัสและฟังเสียงหลังจากการแกะกล่องออกมาแล้ว อาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่ พอได้เบิร์นไปประมาณ 100 ชั่วโมงตามมาตรฐาน ผมก็ขอสรุปตามประสาหูตะกั่วคนธรรมดา ๆ ที่ไม่ใช่โปร หรือกูรูทางด้านนี้ไว้แบบคร่าว ๆ นะครับ

เบสไม่ตูมตาม ตุ๊บตั๊บเท่ารุ่นแรกครับ แต่จะให้เบสที่เป็นลูกพอประมาณ มีความกระชับเก็บตัวเร็ว ไม่ยานครางแต่ก็ไม่ได้ลงลึกมากนัก

เสียงกลางคือพระเอกของรุ่นนี้ ให้เสียงร้องชัดใสเคลียร์ เพลงแนว vocal น่าจะถูกจริตกับหูฟังรุ่นนี้เป็นอย่างดี

สำหรับเสียงสูง เป็นแหลมที่สะอาดสะอ้าน อาจจะไม่ได้ทอดปลายเสียงแบบยาว ๆ กรุ๊งกริ๊ง แต่เก็บดีเทลได้ดี และฟังได้ยาว ๆ ไม่บาดหู แต่อย่างใด

สรุปเป็นหูฟัง Overall ฟังได้ทุกแนว ๆ แต่น่าจะตอบโจทย์สาย Jass, vocal , Acoustic  ได้ดีกว่าแนวดุดันอย่างแดนซ์หรือเมทัลครับ

 

สรุป Plantronics BackBeat Pro 2

 จุดขายหลักของ Plantronics BackBeat Pro 2 ผมมองว่าเป็นเรื่องความคุ้มค่า Value of Money ซึ่งหูฟังในเรทเดียวกันนั้น BackBeat Pro 2 ค่อนข้างที่จะโดดเด่นและเป็นตัวเลือกในลำดับต้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่ให้มาแบบอัดแน่น อาทิเช่น active noise-cancellation (ANC) , open-listening mode, Smart Sensor  ฯลฯ

ในเรื่องดีไซน์ วัสดุ งานประกอบ ถ้าเทียบกับรุ่นแรก ตัว Plantronics BackBeat Pro 2 มีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าเดิมครับ ส่วนสิ่งที่จะขัดใจแฟน ๆ ไปบ้าง น่าจะเป็นเรื่องซุ่มเสียง ซึ่ง BackBeat Pro รุ่นแรกนั้นมีเบสที่เป็นจุดขายหลัก แต่ทั้งนี้ในภาพรวม ๆ ด้วย  Signature Audio ของทาง Plantronics ที่ปรับแต่งและจูนมาได้ค่อนข้างลงตัว เชื่อว่ายังไง BackBeat Pro 2 ก็น่าจะครองใจผู้ใช้งานในบ้านเราได้ไม่ยากครับ 

สรุปสั้น ๆ แบบปิดท้าย BackBeat Pro 2 เปิดตัวมาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยม ให้คุณภาพเสียงค่อนข้างดีมากเมื่อเทียบกับสนนนราคาค่าตัว อีกทั้งมีฟีเจร์อัดแน่นทั้งทางด้านการฟังเพลงและสนทนา แถมทำราคาได้สมเหตุสมผล ที่สำคัญบริการหลังการขายและการรับประกันของค่ายนี้ก็โดดเด่นเหนือคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ ในบ้านเราพอสมควรเลยครับ

 

สำหรับรีวิวหูฟัง Plantronics BackBeat Pro 2 ก็ขอลากันไปแต่เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านและรับชมกันมาโดยตลอดนะครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

ถูกใจบทความนี้  1