วันนี้มาแนะนำและรีวิว Xiaomi อีกอย่างนึงก็คือ Android TV โดยงานนี้เป็น Mi Box 3 ตัวล่าสุดที่ออกมาได้สักพักแล้วล่ะ เราจะเห็นว่าปัจจุบัน Android TV เริ่มอยู่ในทีวีหลายแบรนด์ หลายยี่ห้อให้เลือก อยากจะใช้ต้องทำไง ก็ต้องซื้อใหม่ แต่ว่าวันนี้ Android TV 6.0 อย่าง Mi Box 3 มาตอบโจทย์คนที่มีทีวีเก่า เราอาจจะมี Android Box อยู่ที่บ้าน แต่เชื่อเลยว่าเวอร์ชั่นเก่า และส่วนใหญ่ไม่ได้เป็น Android TV ที่พร้อมใช้งานซะด้วย วันนี้พามาแนะนำให้รู้จักกับ Mi Box 3 ทั้งเป็น Android TV 6.0 พร้อม Chrome Cast ในตัวอีกต่างหาก ซื้อ1 ได้ถึง 2
ขอบคุณ gearbest ที่สนับสนุนอุปกรณ์ทดสอบ
สเปคมีตามนี้เลยครับ
Brand: Xiaomi
Model: Mi Box 3
Type: TV Box
System: Android 6.0
CPU: Cortex A53
Core: 2.0GHz,Quad Core
GPU: Mali-450
RAM: 2G
RAM Type: DDR3
ROM: 8G
Maximum External Hard Drives Capacity: No
Color: Black
Decoder Format: H.265
Video format: 4K x 2K,H.264,H.265,VP9 Profile-2
Audio format: DTS
Support 5.1 Surround Sound Output: No
5G WiFi: Yes
WIFI: 802.11 a/b/g/n/ac
Bluetooth: Support
Power Supply: Charge Adapter
Interface: AV,DC Power Port,HDMI,SPDIF,USB2.0
Language: English
DVD Support: No
HDMI Version: 2.0
Other Functions: Others
External Subtitle Supported: No
HDMI Function: HDCP
Power Comsumption: No
RJ45 Port Speed: No
System Bit: 64Bit
WiFi Chip: 802.11a / b / g / n / ac
KODI Pre-installed: No
KODI Version: No
Product weight: 0.3000 kg
Package weight: 0.5400 kg
Product size (L x W x H): 15.00 x 15.00 x 6.00 cm / 5.91 x 5.91 x 2.36 inches
Package size (L x W x H): 20.00 x 20.00 x 10.00 cm / 7.87 x 7.87 x 3.94 inches
Package Contents: 1 x Xiaomi Mi Android TV Box, 1 x Remote Control, 1 x Power Adapter
แกะกล่องเป็นพิธีสักหน่อย
จริงๆ ก็เป็นกล่องในแบบฉบับ Xiaomi นั่นล่ะครับ มีสเปคและรายละเอียดบอกอยู่ครบ ฟีเจอร์เด็ดๆ อยู่ด้านหลังกล่อง
อุปกรณ์ที่มีในกล่อง ก็มาตรฐาน ตัว Mi Box 3 พร้อมรีโมท ที่สามารถใช้เสียงพูดออกคำสั่งได้ และสาย HDMI พร้อม adapter นั่นเอง
รีโมทเหมือนกับรีโมท Android ทั่วๆ ไป แต่อย่างที่เห็นว่ามีปุ่ม voice command ด้วย
ข้อดีก็คือมี bluetooth ในตัวครับ ใส่ถ่านก้อนเล็ก AAA สองก้อนแค่นั้น ใช้งานได้ยาวๆ
ตัว Mi Box 3 มีขนาดไม่ใหญ่มาก เท่าฝ่ามือที่เห็นนั่นล่ะ วางไว้บนกล่องหรือตู้ที่บ้านเป็นเครื่องประดับอีกชิ้นยังได้เลยนะ
ด้านหน้าเป็นช่องไฟ LED แสดงผลเวลาเปิด และการใช้งานรีโมท
สองด้านเรียบๆ ไม่มีอะไร ถามว่าบางไหมก็ระดับนึง แต่จริงๆ ดีไซน์ขอบบางแต่ตัวตรงกลางหนา จะเห็นว่ามีฐานด้านล่างรองอยู่ด้วย
ตรงส่วนฐานด้านล่างครับ อันนี้ดีไซน์มาให้วางกับพื้นผิดเรียบๆ ติดหนึบพอสมควร
ส่วนด้านหลังมีพอร์ท USB มาให้ 1 พอร์ทเท่านั้น และสา HDMI พร้อมช่องเสียบ adapter แต่ว่าไม่มีช่องเสียบ LAN แต่ก็ทดแทนด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5GHz แทน
ว่าแล้วก็ลองเสียบใช้งานดูเลยครับ พอดีมีทั้ง AIS Playbox ทั้ง Android Box 5.0 ความบางนี่ผิดกันเลย
หน้าจอบู้ทเข้าเครื่อง ก็ Android TV 6.0 ดีๆ นี่เอง
จริงๆ มีหน้าจอตั้งค่า แต่ผมติดตั้งครั้งแรกไปแล้ว แต่ว่าคราวนี้เอารีโมทมาใช้ครั้งแรก ก็กดตามที่หน้าจอบอกเลย เป็นการจับคู่ใช้งานครั้งแรกเท่านั้นนะครับ
ที่บ้านใครมี Android TV ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนอยู่ ก็คงคุ้นหน้าตาแบบนี้ดี อันนี้คือ Android TV จาก Google ตรงๆ เต็มๆ มีเซอร์วิสครบ มีแอพสโตร์ที่รองรับบน Android TV ซึ่งมีการแสดงผลอย่างถูกต้อง แต่จริงๆ แล้ว หากมีแอพที่ต้องการใช้งานเพิ่มเติม ก็สามารถลง .apk ได้ตามปกตินะ
การตั้งค่าต่างๆ ก็ไม่มีอะไรมากครับ Android ทั่วๆ ไปนี่ล่ะ แค่เพียงออกแบบ UI มาให้รองรับกับขนาดของทีวี เชื่อว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่น่าจะคุ้นเคยกันหมดแล้ว และอย่าลืมว่าเมนูภาษาไทยเสียด้วย แต่ก็มีบางเมนูที่ยังเป็นทับศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่ เรียกว่ายังไม่ 100% นะ
สิ่งที่ Mi Box 3 มีให้ก็คือเป็น Google Cast ในตัว ซึ่งตอนนี้เราจะเห็นว่าขาดตลาด ที่ AIS เอามาทำตลาดเวอร์ชั่น 2 งานนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อแยก ซื้อมาแค่ 1 ได้ถึง 2 เลยครับ
พื้นที่ภายในมีใช้งานได้ 5.1GB ก็คงไม่พอ คงต้องหาบรรดา flash drive มาเสียบเพิ่มเติม ซึ่งไม่พอหรอกอีกอย่างนึงที่ต้องมีเลยก็คือ USB Hub
ความละเอียดต่างๆ ปรับได้แล้วแต่ทีวีของเราเลยครับ
มีแอพให้โหลดพอสมควร แต่ต้องบอกว่าไม่เยอะพอกับที่เคยใช้งานอยู่ ยังไงก็ต้องลง .apk เพิ่มอยู่ดี
เรื่องนึงที่ลำบากก็คือคีย์บอร์ดภาษาไทย เท่าที่ลองดูมีแต่ภาษาอังกฤษ และการป้อนคำสั่งด้วยเสียงก็ต้องภาษาอังกฤษล้วนๆ นะครับ และอีกอย่างนึงก็คือ ไม่มี browser ของ Google หรือก็คือ Google Crhome นั่นล่ะ คือเค้าไม่เน้นให้เล่นเน็ท เน้นความบันเทิง โดยเฉพาะมีช่อง netflix และ red blue มาให้ชมกัน
มีแอพเว็บบราวเซอร์อยู่นิดนึง แต่ก็ไม่มีคีย์บอร์ดภาษาไทยอยู่ดี ซึ่งบราวเซอร์ที่มีดันกดดาวโหลด .apk ไม่ได้เสียด้วย ดังนั้นหากอยากติดตั้ง .apk ก็ต้องดาวโหลดจากที่อื่นๆ แล้วก๊อปใส่ usb flash drive มาลงต่างหากนะ
จะว่าไปก็เล่นเกมส์ได้ด้วย เกมส์นี้มีอยู่บน Play Store อยู่แล้ว โหลดมาเล่นได้เลย
อย่างเกมส์นี้ Modern Combat หากไม่มีคีย์บอร์ด ก็ไม่สามารถใส่รายละเอียดได้ ก็น่าแปลกเหมือนกันที่ไม่โชว์คีย์บอร์ดขึ้นมาให้พิมพ์ทั้งๆ ที่เป็นเกมส์จากค่ายดังและอยู่บน Google Play Store
มารีวิวฉบับวีดีโอกันครับ ทั้งแกะกล่องและทดสอบใช้งานดูว่าเป็นยังไงบ้าง ยาวหน่อยนะ
สรุปทิ้งท้าย
เจ้า Xiaomi Mi Box 3 คือดีครับ อย่างที่บอกซื้อ 1 ได้ถึง 2 อย่างน้อยก็เป็น Chrome Cast ได้ด้วย ส่วนของการใช้งาน คือยกให้เป็น Multimedia Box ตัวนึงที่สมบูรณ์ในเรื่องของระบบ Android TV 6.0 และ UI รวมถึงการเชื่อมต่อต่างๆ ครบถ้วน Wi-Fi 5GHz ที่ 802.11a / b / g / n / ac รับครบหมดเลย ข้อดีเลยก็ตามนี้ล่ะครับ ความเสถียรต่างๆ ใช้ได้ CPU ถือว่าเร็วนะผมว่า 2.0GHz ส่วนพื้นที่ด้านในให้มาน้อยไปหน่อย เหลือใช้แค่ 5.1 GB เท่านั้นเอง ข้อจำกัดจากการดีไซน์ตัวเครื่อง ทำให้เหลือ port USB ให้แค่ 1 port ทำให้การใช้งานต้องต่อ Hub เพิ่มเติม สิ่งที่ขาดอีกอย่างก็คือ คีย์ภาษาไทย ทั้งที่เมนูรองรับ แบบเต็มๆ แต่ขาดตรงคีย์นี่ล่ะ ใช้เสียงพูดป้อนข้อความลงไปก็ได้ แต่ก็ยังเป็นภาษาอังกฤษอยู่ดี ซึ่งเข้าใจว่า Mi Box 3 ออกแบบมาเพื่อใช้งานความบันเทิงเท่านั้น ไม่เน้นเล่นเว็บ ถึงจะมีบราวเซอร์ให้ดาวโหลด ก็ใช้งานไม่สะดวกนัก ถ้าจะให้สะดวกก็ต้องซื้อ keyboard bluetooth เพิ่มเติมต่างหาก แอพใน Play Store สำหรับ Android TV ยังมีน้อยไปหน่อย แต่ก็หมดปัญหาด้วยการลง .apk ทดแทน ซึ่ง Mi Box 3 ราคาค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 2,800 บาท สั่งจาก Gearbest นะครับ หากใครสนใจก็ลิงค์นี้เลย
สั่งซื้อออนไลน์ได้จาก Gearbest => https://goo.gl/chBQM5 ราคาประมาณ 2800 บาทครับ
You must be logged in to post a comment.