ทักทายวันพุธ 19/4/2560 – คุณภาพที่สวนทางกับราคาของ Smart Phone

สวัสดีวันพุธครับ

หืม อะไรนะ Samsung ได้เรื่องอีกแล้ว ตามไปอ่านได้เลยที่
เตรียมรับความแดง เมื่อ Samsung Galaxy S8 มีปัญหาเรื่องหน้าจอ พร้อมมีวิธีแก้

Apple จอเหลือง VS Samsung จอแดง
แหม่หยั่งกับ Nikon VS Canon เลย
ขออีกสัก 3 แบรนด์ 3 สี จะได้ครบทีมพาวเวอร์เรนเจอร์

แต่ก็นะ ยังดีกว่าครั้งก่อนที่ Samsung Galaxy Note 7 ไฟไหม้ บาดเจ็บกันไปหลายราย
เพราะแค่จอแดงมันไม่อันตราย

ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมยักษ์ใหญ่ถึงได้ลดต้นทุน Hardware กันเสียจน คุณภาพมันสวนทางกับราคาได้ยกตัวอย่าง iPhone
จากประสบการณ์ที่เล่นมือถือมา บอกได้เลยว่า คุณภาพของ iPhone มันลดลงเรื่อยๆ ทั้งตัว
เกรดอลูมิเนียมที่ใช้ทำ Body ก็ลดลงจนไม่แตกต่างอะไรกับ อลูมิเนียมที่ใช้ทำซึ้งล้างจาน งอกันได้ด้วยมือเปล่าเสียอย่างนั้น

ถ้าใครจำ iPhone 4/4S ได้ ตัว Body iPhone 4/4S นี่สุดยอดโดนใจจริงๆ
ไม่เชื่อก็ลองงอไอโฟนของคุณดู..

จอน่ะหรอ ถ้าขายในไทย ก็ได้จอเหลืองกันจนชิน….
แล้วทำไมเวลาไปซื้อประเทศพัฒนาแล้ว จอมันไม่เห็นจะเหลือง?

หรือ Apple เค้าดูถูกคนไทย คนไทยรับได้ทุกอย่าง?

จอเหลืองตกเกรดก็คัดมาขายคนไทยซะเลย

พอมีคนมาโวย ก็จะมีสาวกผลไม้ออกมาปกป้องอยู่ร่ำไป ว่าคนซื้อไม่รู้จักดูเอง!

โทรศัพท์ราคา 20,000-30,000 บาท ใครจะเชื่อ! เวลาจะไปซื้อต้องพก Check List ไปซื้อ
พนักงานจะบอกลูกค้าที่หลงกลซื้อว่า “เช็คเครื่องให้ดีก่อนออกจากร้านนะคะ”

เพราะอะไรน่ะหรือ เมื่อออกจากร้านแล้ว ถ้าเครื่องมีปัญหา คุณคือโคบาล เอ้ยยย!
ไม่ว่าจะเป็น จอ Dead pixel, จอเหลือง, ปุ่ม home วางไม่ตรง, body มีรอย, จอมีรอยขนแมว
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ แม้ว่ามันจะเกิดมาจากโรงงาน แต่เพียงแค่คุณซื้อกลับบ้าน เค้าไม่รับเปลี่ยนนั่นเอง!
นี่ก็เป็นหนึ่งใน Thailand Only เหมือนกัน

ผู้บริโภคไม่ค่อยจะปกป้องสิทธิของตนเองสักเท่าไหร่ ก็เป็นช่องทางให้ผู้ขาย หรือ Distributor เอาเปรียบคนซื้ออยู่ร่ำไป

กนัยนึงผมก็สงสัยว่า ทำไมหนอ มือถือ Flagship.. ตัว Top.. แรงสุด.. แพงสุด.. ของยักษ์ใหญ่ เค้าถึงได้ลดต้นทุนกันขนาดนี้
จนผู้บริโภคจำเป็นจะต้องได้รับ สิ่งที่ไม่ควรจะได้

สมมุติว่าถ้าขายได้ 30,000 บาท ต้นทุนเครื่อง 11,000 บาท
ทำไมผู้ผลิตไม่เพิ่มต้นทุนแค่ 2,000 บาท? แล้วส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ให้สมกับที่ขายมือถือที่ดีที่สุด
รุ่นตัว Top, รุ่น Flagship, รุ่นไฮโซ ทั้งหลาย

นั่นล่ะครับ ทุกๆท่านคงจะมีคำตอบในใจแล้ว
ผลประกอบการของบริษัท สำคัญกว่า Value ที่ส่งมอบให้กับลูกค้านั่นเอง
แล้วเราจะเป็นสาวกกันไปทำไม? ทั้งๆที่ บริษัทเหล่านี้ก็ไม่เห็นจะแคร์…

ติดตามบทความหน้าแรกย้อนหลังได้ที่นี่