ก่อนหน้านี้ได้รีวิวแกะกล่อง Xiaomi Mi 5S Plus สมาร์ทโฟนกล้องคู่จากแดนมังกรที่มาพร้อมสเปคแรงสุดๆ แต่ราคานั้นกลับถูกเหลือเชื่อไปเป็นที่เรียบร้อย บทความนี้ก็จะเป็นการรีวิวในส่วนของซอฟต์แวร์และกล้องถ่ายรูปกันล่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง และกล้องคู่ที่มีขาวดำด้วยเนี่ยจะถ่ายภาพมาได้สวยถูกใจหรือไม่
Xiaomi Mi 5s Plus Specs:
– หน้าจอ IPS ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD
– Qualcomm Snapdragon 821 Quad-core (2×2.35GHz และ 2×1.6GHz)
– Ram 4GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 64GB
– ไม่รองรับ Micro SD Card
– กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (RGB+Monochrome) ค่ารูรับแสง (F) 2.0 มุม พร้อมไฟแฟลช LED 2 ดวง (Dual Tone), PDAF
– กล้องหน้าความละเอียด 4 ล้านพิกเซล (Ultra Pixel) ค่ารุรับแสง (F) 2.0 มุมมองกว้าง 80 องศา
– รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K, Slow Motion 720p@120fps
– Fingerprint Scanner
– Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, DLNA, hotspot
– Bluetooth 4.2
– รองรับ 4G/3G Standby
– Nano Sim (2 SimX
– แบตเตอรี่ขนาด 3,800mAh
– ขนาดตัวเครื่อง 154.6 x 77.7 x 8 mm.
– น้ำหนัก 168 กรัม
– Android 6.0 Marshmallow (MIUI8)
– ราคา 13,500 บาท
Software
ในส่วนของซอฟต์แวร์ Xiaomi เองจะมีการปรับเปลี่ยนไปจากแอนดรอยด์เดิมๆ โดยครอบด้วย MIUI Rom ซึ่งในอดีตกาลที่ผ่านมาใครที่เป็นสาวกจะรู้จักกันดีอยู่แล้วกับดีไซน์น่ารักๆ ดูแล้วสบายตาในการใช้งานของหน้าตา User Interface ซึ่งสำหรับบน Mi 5s Plus นี้ตัว Launcher จะมีความคล้ายคลึง iOs คือไม่มีการแยกหน้า Home กับหน้า App Drawer เลย และจะมี Notification Badge คอยบอกจำนวนการแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นของแต่ละแอปพลิเคชั่นด้วย
ในส่วนของ Notification Bar ก็ดูง่ายคือลากหนึ่งครั้งเพื่อดูแถบการแจ้งเตือนและลากอีกครั้งเพื่อใช้งานทางลัดต่างๆ ทั้งหมด
แน่นอนว่าไหนๆ ก็ครอบตัว UI มาแล้วหลายคนอาจขี้เบื่อก็สามารถเลือกโหลด Theme มาเปลี่ยนได้ตามใจชอบเช่นกัน
ในส่วนของล็อคสกรีนหรือล็อคหน้าจอยังมีคำสั่งคลาสสิคต่างๆ คล้ายแบรนด์อื่นให้ใช้ อาทิเช่น การกดปุ่มลดเสียงสองทีเพื่อเปิดกล้องขึ้นมาเลย (ขณะจอดับ) หรือจะตั้งให้หน้าจอติดเมื่อกดปุ่มเพิ่มลดเสียงก็ได้เช่นกัน
Battery Saver หรือโหมดประหยัดพลังงานก็มีมาให้สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้งานอะไรหนักมากและกลัวแบตเตอรี่หมดระหว่างวันจะมาเปิดโหมดนี้ขณะใช้งานก็ได้ แต่ไม่มีโหมดโคตรประหยัดแบตเหมือนคนอื่นเค้านะ
การทำแอปพลิเคชั่นสองตัวหรือ Dual Apps ก็มีมาให้เช่นกัน อันนี้ใครที่มี Line หรือ Facebook หลาย Account น่าจะชอบนะ ไม่ต้องมาพกหลายเครื่องให้ปวดหัว แต่อย่าพลาดส่งข้อความผิดอันล่ะ เดี๋ยวจะงานเข้าไม่รู้ตัว
ในเรื่องของความปลอดภัยในการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นก็สามารถตั้งค่าได้เช่นกัน โดยสามารถตั้งรหัสผ่านไว้สำหรับการเข้าแอปฯ ต่างๆ เผื่อเวลาใครหยิบเครื่องเราไปเล่นจะได้เข้าไปดูข้อมุลต่างๆ ไม่ได้ จะต้องใส่รหัสหรือจะตั้งให้สแกนลายนิ้วมือเราก่อนอีกครั้งก็ได้เช่นกัน
ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องผ่านแอปฯ Benchmark ต่างๆ ได้คะแนนแรงตามคาดจากสเปค Snapdragon 821 ดังนี้
– Antutu: 114743
– Quadrant: 32253
– Geekbench 4: Single Core 1876, Multi-Core 4228
– Multitouch 10 จุด
Camera
Mi 5S Plus มีสเปคกล้องคือ
– กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (RGB+Monochrome) ค่ารูรับแสง (F) 2.0 มุม พร้อมไฟแฟลช LED 2 ดวง (Dual Tone), PDAF
– กล้องหน้าความละเอียด 4 ล้านพิกเซล (Ultra Pixel) ค่ารุรับแสง (F) 2.0 มุมมองกว้าง 80 องศา
โหมดถ่ายรูปมีไม่มากแต่สามารถถ่ายรูปขาวดำแยกได้เพราะมีเลนส์ขาวดำเฉพาะเสมือนแบรนด์จีนอีกแบรนด์หนึ่ง แน่นอนมีโหมดโปรซึ่งในแบรนด์นี้เรียกว่า Manual (จริงๆ มันถูกต้องนะเพราะกล้องเค้าก็ใช้ตัวย่อว่าโหมด M) ที่สามารถตั้งค่าการถ่ายได้เองทั้ง White Balance, Focus, Speed Shutter และ ISO ด้วย แต่ส่วนมากผมไม่ค่อยมาใช้โหมดนี้เท่าไหร่เพราะใช้กล้องมือถือนี่เน้นเอาเร็วเข้าว่านั่นล่ะ
ต่อไปลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายแบบจัดเต็ม ไม่ย่อ ไม่ลายน้ำทั้งสิ้นกันดูว่าภาพที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง
เริ่มจากสภาพกลางแจ้ง แดดจัดๆ ร้อนโคตรตอนถ่ายรูปเนี่ย
ต่อด้วยท้องฟ้าหม่นหมองหน่อย เหมือนฝนจะตกแต่ยังไม่ยอมตกซักที
อันนี้แสงเย็นราวๆ ห้าโมงกว่า แต่แดดยังพอมีบ้าง
เมื่อตะวันจะลับฟ้า เลยลองถ่ายย้อนแสงดู Auto HDR ทำงานดีใช้ได้เลยทีเดียว
ภาพอาหารกับแสงไฟเหลืองๆ จากร้านบาบีก้อน
แสงไฟกลางคืนกันบ้าง รูรับแสงกว้างพอตัวฉะนั้นเก็บภาพได้สบายๆ
ลองถ่ายวัตถุทั้งแก้วกาแฟ กล้องถ่ายรูปกับแสงไฟสีเหลืองเข้มๆ หน่อย
ลองดูสีผิวของคนดูบ้าง กับไฟร้านสีเหลืองนวล ถือว่าทำได้ดี ส่วนนางแบบก็คนเดิม ค่าจ้างไม่มีอะ ค่าน้ำก็ให้มันจ่ายเอง
ลองมาดูภาพขาวดำจากเลนส์ขาวดำกันบ้าง
มาดูภาพถ่ายจากกล้องหน้าที่ว่าเป็น Ultra Pixel บ้าง โหมดถ่ายรูปไม่ค่อยมีแต่มี Beauty ให้เลือกแบบ Smart, Pro หรือปิดไปเลย ซึ่งอันนี้ใช้ Smart ถ่ายย้อนแสงพอตัว ถือว่าเก็บรายละเอียดแสงเงาได้ดี และไม่ทำหน้าเนียนหลอกตาจนเกินไปนะ ถือว่าดีงามเลยล่ะครับ
สรุป: Xiaomi Mi 5S Plus เป็นสมาร์ทโฟนกล้องคู่ตัวนึงที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยสเปคที่แรงสู้กับสมาร์ทโฟนเรือธงราคาสองสามหมื่นได้สบายๆ รวมถึงเฟิร์มแวร์ที่ลื่นและรองรับภาษาไทยด้วยนะ แต่กลับนำมาขายในราคาเพียงหมื่นกลางเท่านั้น ทั้งยังได้กล้องคู่ที่ถ่ายได้ทั้งภาพสีและขาวดำอีก พร้อมด้วยโหมดถ่ายภาพที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งาน ซึ่งโดยรวมแล้วนับเป็นสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าคุ้มราคามากจริงๆ ณ ขณะนี้ ส่วนข้อเสียที่ยังขัดใจไปหน่อยคือเรื่องของโหมดการถ่ายรูปแบบหน้าชัดหลังเบลอที่ใช้ Software หนักมากจนมันไม่สวยงามเลย จนกลายเป็นฟีเจอร์ที่ติดมาแล้วไม่ได้ใช้งานไปเสียอย่างนั้น
You must be logged in to post a comment.