ก็ใช้งานมาสักระยะนึงละครับ สำหรับเจ้า Garmin Fenix 5 ที่เพิ่งออกมาได้สักเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ต้องบอกว่าเค้ากระแสดีจริงๆ จากงานเปิดตัวที่พรีวิวไปแล้วใน พรีวิว Garmin Fenix 5 ซีรีส์ ปีนี้เปิดตัว Fenix 5s, Fenix 5 และ Fenix 5X และวีดีโอรีวิวกันไปแล้ว วันนี้ก็ขอจับมารีวิวใช้ชมกันอีกรอบนึง คือหลายคนถ้ายังไม่รู้ว่า Fenix นกอมตะของ Garmin เป็นยังไงกันล่ะก็ มาชมกันเลยครับ เพราะว่ามันไม่มีวันตายจริงๆ เพราะเดี๋ยวเค้าก็มี Fenix 7 มาในปีต่อๆ ไป ฮาา
สำหรับ Fenix 5 ในซีรีส์นี้มีทั้ง 5s ที่มีขนาดเล็กลงมา มีทั้งรุ่น Shappire ที่ราคา 25,900 บาท และรุ่นธรรมดาที่ 23,900 บาท และตัวที่ผมจับมารีวิวนี้ก็คือ Fenix 5 ตัวปกติ ซึ่งเป็น Shappire ราคา 25,900 บาท และตัวสุดท้ายคือ Fenix 5X สุดยอดของราคาที่ 27,900 บาท ทั้งหมดนี้คือนกฟินิกซ์ ที่เป็นอมตะจริงๆ สมกับราคา
สเปคทั้งหมดดูจากเว็บ Garmin Thailand นะครับ
มาแกะกล่องกันก่อนเลยครับ
ตัว Fenix 5 เป็นรุ่นกลางที่มีหน้าปัทม์เป็น Sapphire คือกระจกกันรอยที่ไม่เหมือนกับ Smartphone อันนี้กันรอยแบบของจริง บน Smartphone ยังมีรอยขีดข่วนแบบบางตา เวลาสะท้อนแสงจะเห็นชัด แต่สำหรับ Sapphire แล้ว ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ เรียกว่าใช้งานได้ทุกสภาวะจริงๆ แต่ยกเว้นตัวเรือนที่อันนี้ต้องระวังเหมือนกัน
ตัวกล่องมีขนาดกระทัดรัด พอดิบพอดี รวมถึงสีที่บ่งบอกถึงความแกร่ง
ด้านข้างมีตัวเรือนที่มีขนาดพอดีกับของจริง ซึ่งข้อมือเล็กหรือใหญ่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะว่าปรับขนาดสายได้เพียบ
ส่วนสุดท้ายด้านหลังกล่องมีรายละเอียดสเปค เบื้องต้นแปะไว้ครบถ้วนที่สำคัญคือแปลภาษาไทยเอาไว้เรียบร้อยซะด้วย
แกะกล่องด้านในครับ ตัวเรือนของ Fenix 5 มีน้ำหนักเบากว่าเดิม 85 กรัม (Fenix 3 86.1 กรัม) นิดเดียวเท่านั้น หรือเรียกว่าเท่ากันเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าเทียบกับ Fenix 5s แล้ว มีขนาดและน้ำหนักแค่ 67 กรัมเท่านั้น ดังนั้นใครสนใจขนาดน้ำหนักเบาล่ะก็ Fenix 5s ดูจะเหมาะสมกว่า ซึ่งเหมาะกับคุณผู้หญิงนั่นล่ะครับ จริงๆ ผู้ชายก็ใส่ได้ เพราะมีสีดำให้เลือกนะ แต่เอาเป็นว่าผู้ชายส่วนใหญ่คงต้องมา Fenix 5 ปกตินี่ล่ะ
ด้านในมีอุปกรณ์พื้นฐานครับ คู่มือ(ภาษาไทย) และสายชาร์จ
หากเป็นมือใหม่ ยังไงก็แนะนำอ่านคู่มือการใช้งานเบื้องต้นกันก่อน จะได้เข้าใจการทำงาน และใช้งานได้อย่างถูกต้อง
ขั้วของสายชาร์จเป็นแบบนี้นะครับ ถ้าหายไปก็ซื้อใหม่อย่างเดียว หรือไม่ก็ยืมเพื่อนเอาก็แล้วกัน
สำหรับตัวเรือนมีความสวยงามมาก คือไม่เหมือนนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายทั่วๆ ไป แต่ดูแล้วสามารถใส่ได้ทั้งวัน ไม่ว่าจะทำงาน หรือออกกำลังกายก็ลงตัว
ด้านข้างทั้งสองด้านมีปุ่มควบคุมการใช้งาน ทั้งปุ่ม action หรือ enter เพื่อตกลงเลือกเมนูต่างๆ หรือเริ่มออกกำลังกาย และปุ่มย้อนกลับ
อีกด้านนึงมีถึงสามปุ่ม ปุ่มเปิดไฟที่หน้าปัทม์ ปุ่มเมนู/ปุ่มเลื่อนขึ้น (อยู่ในปุ่มเดียวกัน) และปุ่มเลื่อนลง
ด้านหลัง ยังคงใช้เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ 3 ดวงเหมือนเดิม แต่ส่วนที่ยื่นออกมาจะน้อยลง ทำให้ใส่สบายขึ้น
ส่วนของตัวสายใส่สบาย แถมยังสามารถถอดและใส่ได้ง่ายๆ ด้วยตัวล็อคที่ออกแบบมาเฉพาะเลยล่ะ
รองรับกีฬาเรียกว่าแถบทุกชนิดในโลกนี้ อาจจะมีกีฬาบางอย่างที่ไม่รองรับ แต่ก็เรียกว่าน้อยมาก สำหรับคนส่วนใหญ่ ก็ครบ รวมถึงคนที่ชอบไตรกีฬาด้วย ลองดูภาพด้านล่างหลังจากนี้ประกอบนะครับว่ามีกีฬาอะไรบ้าง
คืออย่างที่บอกแต่ต้นล่ะครับว่า มีครบสูตร อาจจะมีกีฬาทางน้ำแบบจริงจังที่มีแยกไปอีกรุ่นนึง
นอกจากนี้ยังมีสามารถนำทางได้อีกด้วย แต่ไม่มีแผนที่นะ ถ้าจะใช้แผนที่ต้องไปที่ Fenix 5X โน่นแน่ะ แต่เอาจริงๆ ผมว่าแผนที่ก็คงไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก อาจจะเฉพาะนักออกกำลังกายแบบ outdoor ลุยๆ หน่อย หรือไม่ก็วิ่ง trail ในป่าอะไรแบบนี้ น่าจะช่วยได้เยอะเลย
เปรียบเทียบกับกับ Forerunner 235 ที่มีอยู่ในมือแล้ว อย่างแรกที่แตกต่างเลยก็คือ วัสดุ คือ Fenix 5 ดีกว่าเยอะมาก แต่ก็แลกด้วยน้ำหนักที่มากขึ้น สำหรับผมเอง ตัวที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงๆ น่าจะเป็น Fenix 5s หรือ Forerunner 935 ที่เพิ่งออกมามากกว่า เพราะน้ำหนักเพียงแค่ 49 กรัมเท่านั้น
มาดูเรื่อง Garmin Connect กันบ้าง
ถึงแม้ว่าจะใช้งานได้เลยโดยที่ไม่ต้องซฺงค์กับ Smartphone ก็ตาม แต่ยังไงซะก็อย่าลืม Garmin Connect ที่ช่วยเก็บรีพอร์ทต่างๆ เอาไว้ดูภายหลัง รวมถึงเอาไว้แข่งกับเพื่อนๆ ได้ด้วย
เรื่องของการใช้งานระหว่างวัน
Garmin Fenix 5 ทำหน้าที่เป็นนาฬิกาสุดฉลาด หรือเรียกได้ว่าเป็น Smartwatch ที่แจ่มมากๆ เรือนนึงเลยทีเดียว
หน้าปัทม์ สามารถเปลี่ยน watchface หรือหน้าตาของเข็มหรือรายละเอียดที่แสดงบนหน้าปัทม์ได้เพียบ เรียกว่าเลือกได้หลากหลายกว่าทุกรุ่นเลยทีเดียว และยังบสามารถเปลี่ยนเป็นหน้าปัทม์พื้นหลังได้ตามที่ต้องการอีกด้วย
ตัวอย่างนึงของ watch face ที่มีให้เลือกในเลือนได้ทันที ไม่ต้องดาวโหลดเพิ่ม ผมว่าอันนี้ก็สวยดีนะ
ซึ่งการดูระหว่างวันนั้น เราสามารถเลื่อนดูสถานะต่างๆ ได้ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจแบบเฉลี่ย
มีการวัดอตราการเต้นของหัวใจเฉลี่ยแบบ รายสัปดาห์ด้วย ซึ่งสามารถแทรคได้แบบอัตโนมัติทั้งตอนระหว่างวันทำกิจกรรมต่างๆ ประจำวัน เวลาวิ่งหรือออกกำลังกาย รวมถึงเวลานอนอีกด้วย ข้อดีนึงก็คือแบตอึดมากใส่ทั้งวันจนถึงนอนหลับ ตื่นเช้าขึ้นมาสบายๆ แต่อย่างนึงก็คือน้ำหนักอาจจะมากไปสักหน่อยนั่นล่ะ
แต่ถ้าหากได้ซิงค์กับ Smartphone แล้วล่ะก็ สามารถแจ้งเตือนได้เหมือน Smartwatch เรือนนึงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น facebook line
Notification ต่างๆ ก็จัดมาเต็ม เปิดดูได้เบื้องต้น
เตือนวันเกิดก็ได้ด้วย
ไม่พอครับ ยังรองรับการดูสภาพอากาศได้อีกต่างหาก อะไรจะครบขนาดนั้น
สามารถทำเป็นบารอมิเตอร์ได้
ใช้เป็นเข็มทิศได้อีกต่างหาก วิ่งเทรลได้สบาย เผื่อหลงจะได้หาทางออกเจอ
สามารถควบคุมการเล่นเพลงผ่าน Smartphone ได้ด้วยนะครับ ยังมีฟีเจอร์ Find my Phone และอื่นๆ อีกเพียบ
อย่างการออกกำลังกายก็สามารถดูได้ว่าวิ่งหรือปั่นไปล่าสุดยังไงบ้าง มีรายละเอียดต่างๆ บอกอยู่แทบครบ
และสิ่งที่ชอบอย่างนึงก็คือเรื่องของ Vo2Max ที่สามารถคำวณได้ว่าเราฟิตแค่ไหน จะไปมาราธอนกับเขาได้ไหม
จริงๆ อาจจะหลอกเราหรือเปล่าเนี่ย จบ 10K ที่ 47 นาที ยังไม่เคยทำได้สักครั้ง
การซิงค์ข้อมูล อันเป็นยุคสมัยคือเจ้า Fenix 5 มี Wi-Fi ในตัวทำให้ไม่จำเป็นต้องซิงค์ผ่าน Bluetooth อีกต่อไป หากเรามีการตั้งค่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้งานเชื่อมต่อกับ network ภายในบ้านเรียบร้อยแล้วล่ะก็ ครั้งถัดๆ ไปเมื่อเราเดินเข้าบ้านหรือข้อมูลที่เราเพิ่งออกกำลังกายมาก็จะซิงค์ขึ้นแอคเค้าท์ของเราเก็บไว้บน Garmin Connect โดยอัตโนมัติ นับว่าสะดวกดีครับ
ตัวอย่างรายงานที่ออกกำลังกาย มีวิ่งกับปั่น
ลองถ่ายระหว่างการปั่นภาพออกมาเบลอนิดๆ
สรุปการใช้งาน
สำหรับ Fenix 5 แล้ว ผมได้ทดสอบทั้งวิ่งและปั่น แต่ไม่ได้ทดสอบว่ายน้ำไม่งั้นคงได้ลงไตรกีฬาอย่างแน่นอน ซึ่งเกินความหวังของผมไปเยอะเลย จริงๆ แบบผมแค่ Forerunner ก็คงเอาอยู่แล้ว แต่ Fenix 5 ได้ที่ความสวยงาม และฟังก์ชั่นที่มาแบบจัดเต็ม และกระตุ้นต่อมให้ไปไตรกีฬาโดยพลัน เมื่อของมาก็อยากลองเป็นธรรมดา แต่ทว่างานนี้ไม่ง่ายเพราะฟังก์ชั่นเยอะมากครับ ใช้งานไม่หมดเลยทีเดียว การเชื่อมต่อที่มีมากขึ้น โดยซิงค์ข้อมูลผ่าน Wi-Fi ได้ซึ่งสะดวกในอีกระดับนึงปกติแล้วผ่าน bluetooth ก็โอเคแล้วล่ะ กับแบตที่อึดแบบสุดๆ เลยทีเดียว ใช้งานมาเป็นอาทิตย์แบตยังไม่หมด คือเรียกว่าเหมาะกับการออกกำลังกายและใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างมาก คือบอกข้อดีไม่หมด ด้านดีไซน์ผมว่าโดนใจใครหลายๆ คนแน่นอน เรื่องแทรคเกอร์ก็วัดแอคทิวิตี้ต่างๆ ได้ทั้งวัน การนอนหลับลึก หลับตื้นก็ได้ รวมถึงวัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก บอกควาฟิต และการใช้งานร่วมกับ Smartphone ก็ครบสูตร หรือจะใช้เดี่ยวๆ หลายๆ วันก็ได้ ยังมีเรื่องของการนำทาง ซึ่งอาจจะต้องไปใช้งานบน Garmin connect กันอีกที ผมว่าโดยภาพรวมน่าจัดเป็นอย่างมาก
ส่วนข้อเสียหรือข้อติ ผมว่าน้ำหนักสำหรับรุ่น Fenix 5X ยังเยอะไปหน่อย แม้จะน้อยกว่า Fenix 3 HR ก็ตาม แต่ที่น่าจะเหมาะกับผมเองคงเป็น Fenix 5s และเรื่องของราคาแพงไปนิดนึงนะ ฮ่ะๆ ขอจบ รีวิว Garmin Fenix 5 แต่เพียงเท่านี้ล่ะครับ จริงๆ ฟังก์ชั่นเยอะกว่านี้ หากจะใช้ให้คุ้มต้องเล่นกีฬาทุกอย่างที่มีใน Garmin Fenix 5 นะครับ บาย
You must be logged in to post a comment.