เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย Wiko UPulse เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง ๆ ที่มาพร้อมความโดดเด่นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งดีไซน์และสีสัน รวมไปถึงสเปคและกล้องที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้ และที่สำคัญ Wiko UPulse นั้นทำราคาได้เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์มาก ๆ เพราะเคาะราคาออกมาเพียง 4,990 บาทเท่านั้นเองครับ
Wiko UPulse Specifications
● ระบบปฏิบัติการ: Android OS, v7.0 (Nougat)
● จอแสดงผล: ชนิด IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 1280 x 720 pixels (~267 ppi pixel density) กระจกโค้ง 2.5D, Full Lamination, 500 nits brightness
● หน่วยประมวลผล: Mediatek MT6737 Quad-Core 1.3 GHz,
● หน่วยประมวลผลกราฟฟิค: Mali™ T720
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง: 32GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุด 128GB
● แรม: 3GB
● การเชื่อมต่อ 2G: 850/900/1800/1900 MHz
● 3G: 850/900/1900/2100 MHz
● 4G LTE: 900/1800/2100
● รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด , Micro SIM + Micro SIM
● การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/, Bluetooth V. 4.0, FM radio, OTG
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0, แฟลช LED 1 ดวง
● กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อมไฟแฟลชกล้องหน้า
● ขนาดตัวเครื่อง: 153.5 x 77.5 x 8.5 มิลลิเมตร
● น้ำหนัก: 167 กรัม
● แบตเตอรี่: 3,000 mAh
● สีที่มีวางจำหน่าย: Black, Gold, Cherry Red
ราคาวางจำหน่าย 4,990 บาท
ดีไซน์มาทรงยอดนิยมครับ เราจะเห็นแพทเทิร์นนี้ในสมาร์ทโฟนหลาย ๆ แบรนด์ แต่สิ่งที่ทำให้ Wiko UPulse นั้นดูโดดเด่นก็คือ ตัวฝาหลังที่เลือกใช้วัสดุแบบผสมระหว่างอะลูมิเนียมปัดลายผสานไปด้วยการตัดขอบที่ดูโฉบเฉี่ยว นอกจากนี้ยังมีสี Cherry Red ที่ต้องบอกว่าดูสวยเด่นสะดุดตาจริง ๆ เหมาะและตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบสีสันสดใสได้เป็นอย่างดีเลยครับ
จอแสดงผลของ Wiko UPulse มีขนาด 5.5 นิ้ว ให้ความละเอียดมาที่ HD 1280 x 720 pixels (~267 ppi pixel density) และเป็นกระจกโค้ง 2.5D ตามสมัยนิยม อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ Full Lamination ที่ช่วยลดแสงสะท้อน แถมยังมีความสว่างถึง 500 nits จัดว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีจอสว่างให้ให้คุณภาพดีมาก
เมื่อเทียบกับสนนราคาค่าตัว
สำหรับจุดขายอีกหนึ่งอย่างของ Wiko UPulse ก็คือกล้องหน้าครับ โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ในโหมด “พอตเทรต” ที่สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือที่เรียกว่าการละลายฉากหลังได้ในสไตล์กล้องใหญ่นั่นเอง แต่ทั้งนี้จะเป็นการใช้ตัว Software ในการประมวลผลนะครับ เพราะฉะนั้นเรื่องความเนียนความสมจริงยังไงก็ยังสู้การละลายหลังจากทางด้าน Hardware ไม่ได้ครับ
สเปคของกล้องหน้านั้นให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อมไฟแฟลชกล้องหน้า ส่วนสามปุ่มเนวิเกเตอร์ จะเป็นแบบ On Screen ที่รวมอยู่ในหน้าจอแสดงผล
ด้านบนของตัวเครื่องจะมีเพียงช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ส่วนด้านล่างประกอบไปด้วย ไมค์สนทนา, พอร์ต Micro USB และร่องบากสำหรับการแกะเพื่อถอดฝาหลังของตัวเครื่อง
ฝั่งขวามือของตัวเครื่อง จะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์ ส่วนทางฝั่งซ้ายจะเรียบ ๆ โล่ง ๆ ครับ
ฝาหลังของ Wiko UPulse นั้นสามารถถอดได้ครับ (แต่ไม่สามารถถอดแบตได้) ตัววัสดุของฝาหลังจะเป็นการผสานระหว่างอะลูมิเนียมและพลาสติก โดยตรงขอบจะเป็นพลาสติก เพื่อความยืดหยุ่นในการถอดประกอบนั่นเอง
กล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.0, และมีไฟแฟลช LED 1 ดวง ถัดลงมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือและโลโก้ Wiko
ส่วนด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของลำโพงหลัก ซึ่งให้คุณภาพที่ใช้ได้เลยครับ ทั้งความดังและความใสกังวาน
รองรับการใช้งานในแบบ 2 ซิมการ์ด โดยเป็น Micro SIM ทั้งคู่ สำหรับช่องใส่หน่วยความจำภายนอก Micro SD Card จะอยู่ด้านข้างช่องซิม 1
Software
ตัว Software ของ Wiko UPulse จริง ๆ ต้องบอกว่าไม่มีอะไรใหม่หรือมีความเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นอื่น ๆ ภายในค่ายครับ เพียงแต่ข้อดีของ UPulse คือเปิดเตัวมาพร้อมกับ Android 7.0 ซึ่งได้ความสดใหม่นั่นเอง ในด้านการใช้งานผมขอละไว้ เพราะรีวิวสมาร์ทโฟนจากค่าย Wiko มาเยอะมาก ๆ สามารถอ่านบทความเก่า ๆ ได้ที่นี่ครับ >>> https://goo.gl/UiiXio
ด้าน Performance อยู่ในเกณฑ์ปานกลางครับ เรียกว่าไม่หนีไปจากรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ชิปเซ็ท MediaTek MT6735 สักเท่าไหร่ ด้านการใช้งานจริงก็แอบมีหน่วง ๆ เป็นบางจังหวะ แม้จะให้แรมมาถึง 3GB ก็ตาม ตรงนี้น่าจะมีปัญหามาจากตัว Software ที่ปรับแต่งมายังไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ และอีกสิ่งทีสัใมผัสได้ก็คือ Respond การตอบสนองของหน้าจอแสดงผลยังไม่น่าประทับใจครับ ส่วนภารรับสัญญาญก็อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง คือไม่แย่แต่ก็ไม่โดดเด่น สิ่งที่น่าชื่นชมก็คือให้เซ็นเซอร์มาค่อนข้างครบ โดยเฉพาะ Gyroscope ซึ่งบางรุ่นในเรทราคาเดียวกันก็มักจะตัดออกไป
สุดท้ายด้านการจัดสรรพลังงาน Wiko UPulse แม้จะมาพร้อมจอใหญ่ 5.5 นิ้ว แต่ด้วยความละเอียดที่ไม่ใช่ Full HD ก็ส่งผลให้ใช้พลังงานไม่มากนัก ในภาพรวม ๆ การใช้งานปรกติทั่วไปก็ถือว่าพอเอาตัวรอดได้ คือใช้งานได้พ้น 1 วันแบบปริ่ม ๆ ครับ
Camera & Sample
มาพร้อมกับ UI ใหม่ ที่ใช้งานง่านขึ้น มีไฮไลท์คือโหมดซุปเปอร์พิกเซลที่ขยายความละเอียดของภาพให้สูงขึ้นเป็น 52 ล้านพิกเซล แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ฟีเจอร์พวกนี้ถือว่าเป็น Gimmick ที่ไม่ได้ส่งผลในแง่คุณภาพหรือเนื้อไฟล์จริง ๆ ของกล้องเลยครับ ฉะนั้นทุกบทความรีวิวของผมจะเน้นไปที่โหมด Auto เป็นหลัก เพราะกล้องติดมือถือที่ดี ต้องใช้งานง่ายและให้คุณภาพที่ดี อีกทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ชนิดที่ว่ายกขึ้นมาแล้วถ่ายได้เลย ตรงนี้คือสิ่งที่ผมให้น้ำหนักที่สุด
สำหรับกล้องหน้าที่นอกจากจะมีไฟแฟลชเป็นตัวชูโรง ยังมีโหมด “พอตเทรต” ที่สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือที่เรียกว่าการละลายฉากหลังได้ในสไตล์กล้องใหญ่นั่นเอง แต่ทั้งนี้จะเป็นการใช้ตัว Software ในการประมวลผลนะครับ ในโหมด พอตเทรต สามารถปรับการละลายฉากหลังได้ตั้งแต่ 0-100 ซึ่งมีความยืดหยุ่นดีครับ ส่วนโหมดบิวตี้สามารถปรับได้ 3 พร้อมกับโหมดปรับตาโตหน้าเรียวมาให้ใช้งานกันเหมือนเช่นเคย
จากนี้ไปชมภาพจริงจากกล้องของ UPulse กันได้เลยครับ
HDR Off
HDR On
Auto Mode
Night Mode
กล้องหน้าโหมด Auto
โหมดพอตเทรต ปรับการละลายหลังที่ 100% และ 50%
โหมดบิวตี้ระดับ 1
โหมดบิวตี้ระดับ 2 และ 3
สรุป Wiko UPulse
ข้อดี
1. สี Cherry Red สวยงามสะดุดตา
2. ราคาสมเหตุสมผล
3. กล้องหน้าและหลังยังรักษาคุณภาพของทางค่ายไว้ได้
สิ่งที่ต้องพิจารณา
1. งานประกอบยังไม่เนี๊ยบ เท่าที่ควรจะเป็น
2. ไม่รองรับ VolTE
3. การใช้งานมีอาการหน่วง ๆ อยู่บ้าง คงต้องรอการอัพเดตเฟิร์มแวร์
4. กล้องหลังในที่แสงน้อยยังทำผลงานได้ไม่ค่อยดี ส่วนกล้องหน้าโหมดพอตเทรต การประมวลยังทำได้ไม่ค่อยเนียนตา โดยเฉพาะการปรับละลายหลังสูง ๆ จะเห็นผลชัดเจนมาก
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามรับชมกันนะครับ
You must be logged in to post a comment.