6 กันยายน 2560 : เอไอเอส จัดงานสัมมนาใหญ่เพื่อองค์กรธุรกิจ เผยวิสัยทัศน์และนโยบาย “AIS Business Cloud 2017” พร้อมให้บริการ Business Cloud แบบ End-to-End และประกาศพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ด้าน Cloud กับทุกธุรกิจที่ต้องการมีระบบ Cloudของตัวเองเริ่มตั้งแต่ให้คำปรึกษา วางแผน ปฏิบัติ ตลอดจนการให้บริการแบบ Managed Service ที่ครบวงจร ได้มาตรฐานและความปลอดภัยระดับโลก ด้วยทีมงานบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมช่วยดูแลและให้บริการตลอดการใช้งาน เพื่อให้ทุกธุรกิจแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุค Thailand 4.0
บริการ End-to-End Cloud Services ประกอบด้วย
1. Network for Business จากการที่เอไอเอสมีความแข็งแกร่งด้าน Network เป็นอันดับ 1 โดยมีโครงสร้างพื้นฐานของ Cloud Infrastructure และ DATA CENTER ของเอไอเอสเอง ทำให้เราสามารถให้บริการ Cloud ได้แบบ End-to-End Service Provider อย่างครบวงจร หนึ่งเดียวในไทย และพร้อมที่จะปรับรูปแบบให้ยืดหยุ่นได้ตามที่ต้องการ
ล่าสุด เป็นครั้งแรกของเมืองไทย กับ บริการBandwidth on Demand ให้ลูกค้า AIS ที่ใช้บริการ Internet และ MPLS สามารถเข้ามาปรับเพิ่ม Bandwidth ได้ด้วยตัวเองผ่านหน้า portal โดยสามารถปรับเพิ่มเป็นรายวัน แบบชั่วคราวได้ ด้วยความเข้าใจพฤติกรรมการใช้งาน Cloud ของลูกค้าองค์กร ที่อาจจะต้องการเพิ่ม Bandwidth ในการใช้งาน
2. Infrastructure/ Platform as a service ที่เอไอเอสได้ร่วมกับพันธมิตรผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกให้บริการ Cloud ที่ได้มาตรฐานและเหนือชั้นยิ่งกว่า ล่าสุดกับบริการ Azure and Hybrid Cloud ร่วมกับ Microsoft โดย AIS ได้นำระบบ cloud ระดับโลก จาก Microsoft Azure มาให้บริการในระดับที่ Advance ขึ้น ให้กับลูกค้าเอไอเอส โดย AIS Cloud จะทำงานประสานอย่างไร้รอยต่อ กับ Microsoft Azure ด้วยการระบบ Hybrid Cloud platform สามารถบริหารจัดการ resource ถึงระดับ insight analytic ทั้งบน on-premise cloud และ Azure จาก console เดียวกัน โดยนำความสามารถ platform Machine learning, Big data analytic, IoT suite, Web app platform, Data lake analytics และอีกมากมาย ตลอดจน บริการ Backup on cloud ร่วมกับ Veeam, Disaster recovery, Database Platform ร่วมกับ TMaxsoft และ Enterprise Cloud power by VMware เป็นต้น
3. Security Service โดยร่วมกับ Palo Altoให้ บริการ Centralized Firewall เพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตให้ปลอดภัย โดยเฉพาะบริษัทที่มีสาขาต่างๆ ทำให้ประหยัดต้นทุนมากขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ Firewall ไปติดตั้งแต่ละสาขาอีกต่อไป
4. Software as a service ได้แก่ บริการ AIS Unified Communication เพิ่มประสิทธิภาพของระบบโทรศัพท์สำนักงาน โดยองค์กรไม่ต้องลงทุนทรัพยากรในการติดตั้ง และดูแลรักษาระบบตู้ PBX ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโทรหากัน, AIS mForm สำหรับสร้างแบบฟอร์มการทำงานภายในองค์กร พร้อมใช้งานบน Cloud Platform ของ AIS โดยที่องค์กรไม่ต้องใช้เวลาไปกับการพัฒนาโปรแกรม software รวมถึงไม่ต้องดูแลรักษาระบบ hardware ที่รัน software โปรแกรมนั้นๆ ด้วย
5. Managed Cloud Services ที่พร้อมให้บริการ Cloud ได้แบบ End-to-End เริ่มตั้งแต่ให้คำปรึกษา, ติดตั้งระบบ, ย้ายระบบ, ดูแลรักษาระบบเครือข่าย รวมถึงความปลอดภัยของระบบ ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการจัดเวิร์กช็อปให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและภาคธุรกิจไทย เจาะลึกการนำเทคโนโลยี Cloud มาใช้ประโยชน์ในองค์กร, ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Trend ของเทคโนโลยี Cloud จากทั่วโลก พร้อมกลยุทธ์การใช้ Cloud ในการพัฒนาให้องค์กรประสบความสำเร็จ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับโลก รวมไปถึงจัดแสดงโซลูชั่นส์ใหม่ๆ ของ Cloud ให้ผู้ประกอบการที่มาร่วมงานได้สัมผัสและทดลองใช้บริการอีกด้วย
โดย นายปรัธนา ลีลพนัง รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอสมีความภูมิใจและมีความพร้อมในการเป็น End-to-End service provider ที่ครบวงจรเพียงหนึ่งเดียว สำหรับธุรกิจในยุค Thailand 4.0 เพื่อช่วยองค์กรต่างๆเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น พร้อมวางใจได้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย อันจะเป็นการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนองค์กรของท่านสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Business Transformation) รวมถึง เป็น Open Cloud Platform ที่เปิดกว้างให้พาร์ทเนอร์ใน Ecosystem มาร่วมกันสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ที่หลากหลาย ทำให้พร้อมรองรับอนาคตได้อย่างดี”
“ปัจจุบัน เทคโนโลยี Cloud เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญขององค์กรทั้งขนาดใหญ่และ SME เพราะเป็นเสมือนศูนย์กลางที่ทำให้ระบบหลังบ้านมี Infrastructure ทันสมัย พร้อมก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา เทคโนโลยี Cloud จึงเป็นอีกหนึ่งโซลูชั่นส์ที่เอไอเอสมุ่งเน้นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการผสานเข้ากับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เอไอเอสมีอยู่ อาทิ Mobile, Internet of Things (IoT), Fixed Network ฯลฯ เพื่อสร้างบริการใหม่ๆ ที่แตกต่าง และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ”
“อีกทั้งด้วยขีดความสามารถของบุคลากรที่ได้พัฒนาความรู้ และความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีดิจิทัล ผสมผสานเข้ากับหัวใจบริการ และทัศนคติที่มุ่งช่วยเหลือลูกค้า ตลอดจนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการนำพาทุกธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรดิจิทัล พร้อมขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 อย่างแข็งแกร่ง ลูกค้าองค์กรทุกกลุ่ม ทุกขนาด จึงมั่นใจได้ว่า ท่านจะได้รับบริการที่มีคุณภาพสูงสุด โดยเราพร้อมอยู่เคียงข้าง สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ท่านเพื่อการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” นายปรัธนากล่าวสรุป
สำหรับลูกค้าองค์กรที่สนใจใช้บริการ AIS Business Cloud สามารถติดต่อได้ที่ ทีมงานของ AIS ที่ดูแลลูกค้าองค์กร, AIS Corporate Call Center 1149 หรือที่ business.ais.co.th
You must be logged in to post a comment.