มาสเตอร์การ์ดเผย 6 เคล็ดลับ การทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน โมบาย แบงก์กิ้ง ให้ปลอดภัยมากที่สุด

Mobile Banking 2

 กรุงเทพฯ (13 กันยายน 2560) – การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟน หรือโมบายแบงก์กิ้ง ถือเป็นเครื่องมือจัดการทางการเงินที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนยุคใหม่ และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในเมืองใหญ่หลายเมืองทั่วโลก ผลสำรวจการซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือของมาสเตอร์การ์ดในเอเชีย พบว่าในประเทศไทยมีผู้ใช้แอพพลิเคชั่นธนาคารบนสมาร์ทโฟนคิดเป็นร้อยละ 30.1%

 

 

Mobile Banking 1 

แอพพลิเคชั่นธนาคารบนสมาร์ทโฟนหรือโมบาย แบงก์กิ้ง ทำให้คุณสามารถซื้อขาย โอนเงิน และรับเงินได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เพียงแค่คุณมีสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย คุณก็จะสามารถโอนเงินได้ทุกที่ทุกเวลาทั่วโลก ธนาคารหลายแห่งเสนอให้ลูกค้าดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นโมบาย แบงก์กิ้ง ทำให้การเดินทางไปธนาคาร หรือการเข้าคิว ATM เป็นเรื่องไม่จำเป็นอีกต่อไป

คุณไม่ต้องกังวล หากคุณต้องการตรวจสอบการใช้จ่ายที่ผ่านมาของคุณ แต่หาบิลธนาคารของเดือนที่แล้วไม่เจอ  เพราะแอพพลิเคชันโมบาย แบงก์กิ้ง จะบันทึกการทำธุรกรรมทั้งหมดของคุณ และยังสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็วด้วยการสัมผัสหน้าจอเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ดังนั้นในครั้งต่อไปถ้าคุณเห็นใครบางคนกำลังก้มหน้ากดสมาร์ทโฟนของพวกเขา อย่าเพิ่งคิดว่าพวกเขากำลังเล่นเกมส์อยู่ เพราะพวกเขาอาจจะกำลังทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโมบาย แบงก์กิ้ง อยู่ก็ได้!

เพียงคุณถือสมาร์ทโฟนในมือก็เหมือนคุณกำเงินไว้ในมือด้วยเช่นกัน ซึ่งเราคิดว่าคุณเองคงไม่อยากจะปล่อยให้มันหลุดหายไปอย่างแน่นอน ดังนั้นทั้งคุณและธนาคารของคุณ ต่างมีบทบาทเท่าเทียมกันในการสร้างความเชื่อมั่นเพื่อให้เงินของคุณปลอดภัย เราขอแนะนำเคล็ดลับ 6 ข้อที่จะช่วยให้คุณใช้โมบาย แบงก์กิ้ง ได้อย่างปลอดภัย และช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานโมบาย แบงก์กิ้ง ของคุณ ดังนี้

1.       เมื่อใช้แอพพลิเคชันธนาคารผ่านมือถือ ห้ามเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยใช้ไวไฟสาธารณะ
หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลของคุณสู่สาธารณะ การใช้งานอินเตอร์เน็ตโดยเชื่อมกับไวไฟสาธารณะนั้น เปิดโอกาสให้สมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่นของคุณ เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมจากแฮกเกอร์และมิจฉาชีพบนอินเตอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น

2.       เข้าเว็บไซต์ธนาคารที่คุณใช้บริการโมบาย แบงก์กิ้ง เพื่อตรวจสอบรูปแบบการป้องกันสำหรับ แอพพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง บนสมาร์ทโฟนของคุณ
การทราบถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่ธนาคารมี จะช่วยให้คุณสามารถทำธุรกรรมกับธนาคารได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณทราบว่าควรจะติดต่อใครและทำอย่างไร ในกรณีที่คุณพบกิจกรรมที่น่าสงสัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน

3.       เปิดใช้งานบริการยืนยันตัวตนในบัญชีผู้ใช้ของคุณ
ธนาคารส่วนใหญ่ให้บริการยืนยันตัวตนก่อนการทำธุรกรรมทางการเงินหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น ระบบพาสเวิร์ดสำหรับการทำธุรกรรมครั้งเดียว หรือ One-Time-Passwords เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการทำธุรกรรมทางการเงิน การเปิดใช้งานบริการเหล่านี้จะเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนของการตรวจสอบความปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินของคุณ

4.       อัพเดตแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีระบบรักษาความปลอดภัยล่าสุดบนโทรศัพท์มือถือ
การอัพเดตแอพพลิเคชันโมบาย แบงก์กิ้ง บนมือถือของคุณอย่างสม่ำเสมอนั้นอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่จะทำให้คุณได้รับสิทธิประโยชน์ และฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีให้ในเวอร์ชันล่าสุด บ่อยครั้งการอัพเดตเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยในแอพพลิเคชั่น ดังนั้นจะช่วยทำให้อุปกรณ์ของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย

5.       ไม่ควรเจลเบรคสมาร์ทโฟนของคุณ
การเจลเบรคสมาร์ทโฟนของคุณ ทำให้ให้แอพพลิเคชั่นของบริษัทอื่นๆ สามารถเข้าถึงระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์และข้อมูลส่วนตัวของคุณได้

6.       เปิดเข้าใช้งานโทรศัพท์ของคุณ ด้วยระบบรหัสผ่าน หรือใช้งานฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยแบบไบโอเมตริก เพื่อป่องกันให้ผู้อื่นไม่สามารถเข้าถึงโทรศัพท์ของคุณได้
สมาร์ทโฟนที่ถูกโจรกรรมหรือสูญหาย ถือเป็นของล้ำค่าสำหรับแฮ็กเกอร์และโจร เพราะโทรศัพท์มีข้อมูลสำคัญที่ทำให้การเข้าถึงบัญชีธนาคารของคุณเป็นไปอย่างง่ายดาย

ถูกใจบทความนี้  0