รับชมแกะกล่องและทดสอบคุณภาพเสียงในรูปแบบของคลิปวีดีโอกันไปแล้ว https://goo.gl/hN1BBr คราวนี้มารับชมในรูปแบบของ Full Review ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอกันต่อได้เลยครับผม สำหรับ Xoopar Boy 5 inch เป็นรุ่นที่พกฟีเจอร์และ quality ทางด้านเสียงที่เหนือกว่ารุ่น 3 นิ้วขึ้นมาอีกนิด และรุ่นนี้ไม่ได้เน้นจุดขายด้านการพกพา แต่จะชูไฮไลท์ในแง่คุณภาพเสียงเป็นหลักครับ
กล่องแพ็กเกจในภาพรวมจะไม่แตกต่างจาก Xoopar Boy Mini มากนัก ที่แตกต่างกันจริง ๆ ก็คือขนาดและฟีเจอร์ที่มีการพรีเซนต์ไว้ที่ด้านข้างและด้านหลังของตัวกล่อง
และมาดูกันว่าอุปกรณ์ภายในกล่องของ Xoopar Boy 5 inch จะมีอะไรให้มาบ้างครับ
– คุ่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า
– สาย Micro USB
– สาย Micro USB to Audio 3.5mm.
ดีไซน์ของ Xoopar Boy 5 inch จะมีความแตกต่างจากรุ่น 3 นิ้วก็คือ ในส่วนของหน้ากากจะไม่มีไฟ และตัววัสดุของหน้ากากจะเปลี่ยนจากพลาสติกมาเป็นอะลูมิเนียมครับ ซึ่งให้ฟิลลิ่งที่ดูมีความพรีเมี่ยมขึ้น ทั้งนี้วัสดุหลักของตัวเครื่องจะมีการผสานไปด้วย ซิลิโคนตรงส่วนหัวของตัวหุ่นยนต์และตะแกรงอะลูมิเนียมที่หน้ากาก ส่วนที่เหลือจะเป็นยาง rubber ครับ
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่น 3 นิ้วก็คือ Xoopar Boy 5 inch จะรองรับฟีเจอร์ Hands free speakerphone ทำให้เราสามารถใช้งานด้านการโทรได้นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีปุ่มคอนโทรลต่าง ๆ บนตัวลำโพง และรองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต AUX (Micro USB to Audio 3.5mm. ) ได้อีกด้วย
สำหรับพอร์ตชาร์จจะเป็น Micro USB ส่วนปุ่มพาวเวอร์ จะเป็นแบบสลักที่ใช้งานด้วยการดันขึ้นลง ซึ่งมีความสะดวกที่ดีกว่าการกดค้างมากมายเลยครับ
ที่ฐานของ Xoopar Boy 5 inch หรือจะบอกว่าตรงใต้ขาของหุ่นยนต์ก็จะมีชื่อแบรนด์แปะไว้เหมือนกับรุ่น 3 นิ้วครับ
ลองประกบ Xoopar Boy 5 inch กับรุ่น Mini 3 นิ้วดูบ้าง
น่าเสียดายที่ไม่ได้รุ่น 8 นิ้วมารีวิวพร้อมกันครับ ไม่งั้นจะได้ครบเซ็ทแฟมิลี่ในคราวเดียวเลย ^^
สรุป Xoopar Boy 5 inch
แน่อนอนครับ ตลาดของกลุ่มผู้ใช้งานนั้นถูกแบ่งอย่างชัดเจนระหว่างทั้ง 2 รุ่น โดยรุ่น Mini 3 นิ้ว จะเป็นตลาดที่เจาะกลุ่มวัยรุ่น เน้นพกพาและให้ฟิลลิ่งของความเป็นเครื่องประดับที่พกติดตัวไปได้ในทุกสถานที่ ส่วนในรุ่น Xoopar Boy 5 inch จะเด่นในด้าน Sound quality และหากจะบอกว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งก็ย่อมได้ แต่เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางไว้แบบฟิกเป็นที่เป็นทาง ไม่เหมาะกับการพกพาเท่ากับรุ่น 3 นิ้วสักเท่าไหร่
วกกลับมาพูดกถึงฟีเจอร์ของรุ่น Xoopar Boy 5 inch กันอีกสักนิด นอกจากเรื่องคุณภาพของเสียง ที่มาพร้อมลำโพงสเตอริโอ ที่ให้ซุ้มเสียงน่าประทับใจแล้ว ฟีเจอร์ Hands free speakerphone และการที่มีปุ่มคอนโทรลบนตัวลำโพง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ทั้ง 2 รุ่นแบ่งกลุ่มตลาดอย่างชัดเจน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานแล้วครับ ว่าต้องการลำโพงบลูทูธไปใช้งานโดยเน้นทางด้านใดเป็นพิเศษ หากเน้นแฟชั่นและการพกพา Xoopar Boy Mini 3 นิ้วเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ หากต้องการคุณภาพเสียง และการใช้งานทางด้านโทรศัพท์ควบคู่กันไป รุ่น Xoopar Boy 5 inch คือคำตอบสุดท้ายครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ
You must be logged in to post a comment.