ถึงแม้ว่า Tablet หรือ Smartphone จะครองตลาดไปเยอะ แต่สิ่งที่ยังเห็นใน Office ทั่วๆ ไป ก็ยังหนีไม่พ้น Windows ที่มีความยืนหยุนมากกว่า พวก iPad หรือ Tablet Android ก็ยังพบว่าคนทำงานส่วนใหญ่ ยังจำเป็นต้องใช้โปรแกรม MS Office หรือ พวกโปรแกรมที่พัฒนาเฉพาะองค์กรต่างๆ ซึ่งก็คงไม่พ้น Windows ซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นมันก็คงดีไม่น้อยที่จะมี Windows10 ที่สามารถทำงานได้เต็มที่ และอยู่บน Tablet ที่ทำงานได้เหมือน Desktop ที่ทำงาน หรือ Notebook ตัวใหญ่ แต่สามารถเอาไปทำงานที่ไหนก็ได้พร้อมด้วยแบตเตอรี่อยู่ได้นานต่อเนื่องถึง 13.5 ชั่งโมง ดังนั้น Surface Pro 2017 ก็เป็นทางเลือกที่ดีเครื่องหนึ่งทีเดียว ไปลองดูครับว่า ในกล่องมีอะไรมาบ้าง
Surface Pro 2017 เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อมาจาก Surface Pro 4 ซึ่งถึงแม้นว่าหน้าตาจะไม่แตกต่างไปมากแต่ ความสามารถของ Surface Pro 2017 หรือ Surface Pro รุ่นที่ 5 นั้นได้มีการพัฒนามากขึ้น สามารถปรับแต่งตามความต้องการได้มากขึ้น ทำงานได้งานขึ้น พร้อมประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงการแสดงผลที่เหนือกว่า
คุณสมบัติเด่นๆ ของ Surface Pro 2017 นั้นก็จะมี
– ขนาดเครื่อง 292มม. x 201มม. และ หนาเพียง 8.5มม. และเป็น Surface ที่มีน้ำหนักเบาที่สุด
– แบตเตอรี่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 13.5 ชั่วโมง
– หน้าจอสัมผัส PixelSense ขนาด 12.3 นิ้ว ความละเอียดที่ 2736×1824 (267PPI) ที่สามารถสัมผัสแบบ multitouch ได้ถึง 10 จุด และสามารทำงานกับ Surface Pen ได้อย่างดี
– ตัวเครื่องทำมาจากแมกนีเซียมที่มีความทนทานสูงและมาพร้อมกับขาตั้ง kickstand ที่สามารถปรับได้ถึง 165 องศา
– ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใหม่มาพร้อมกับ Windows 10 Creators Update และสามารถทำงานกับโปรแกรมเสริมต่างๆ ได้่อย่างสมบูรณ์ รองรับทั้ง Microsoft Office , Skype, Line
– รองรับการเข้าสู่ระบบด้วยการสแกนใบหน้าผ่าน Windows Hello
– กล้องหน้า 5 ล้านพิเซล พร้อมด้วยวีดิโอความละเอียด 1080p
– กล้องหลัง 8 ล้านพิเซล ออโต้โฟกัส พร้อม วีดิโอ ความละเอียด 1080p
– ระบบเสียง ลำโพงสเตริโอระบบ Dolby Audio Premium เสียงดังไพเราะดูดังได้มันส์ๆ
โดยที่ Microsoft Surface Pro 2017 นั้นจะมีกันทั้งหมด 6 รุ่นให้เลือก
– Intel Core M3 , 128GB SSD , 4GB RAM, intel HD Graphics 615 ราคาอยู่ที่ 30,900 บาท
– Intel Core i5, 128GB SSD, 4GB RAM, intel HD Graphics 620 ราคาอยู่ที่ 38,900 บาท
– Intel Core i5, 256GB SSD, 8GB RAM, intel HD Graphics 620 ราคาอยู่ที่ 49,900 บาท
– Intel Core i7, 256GB SSD, 8GB RAM, intel Iris Plus Graphics 640 ราคาอยู่ที่ 59,900 บาท
– Intel Core i7, 512GB SSD, 16GB RAM, intel Iris Plus Graphic 640 ราคาอยู่ที่ 82,900 บาท
– Intel Core i7, 1TB SSD, 16GB Ram, intel Iris Plus Graphic 640 ราคาอยู่ที่ 101,900 [าท
ส่วนรุ่นที่ผมได้มาแกะกล่องรีวิวก็จะเป็นรุ่น i5, 256GB SSD, 8GB RAM, intel HD Graphics 620 พร้อมด้วย Surface Pro Signature Type Cover พร้อมด้วย Surface Pen และ Surface Arc Mouse ไปดูกันเลยครับ
หน้ากล่อง Microsoft Surface Pro
รุ่นที่ผมได้มาแกะกล่องรีวิวก็จะเป็นรุ่น i5, 256GB SSD, 8GB RAM, intel HD Graphics 620 ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 10 ถูกต้องตามกฏหมายมาให้เลย
หลังกล่องบอก สเปกและรายละเอียดคร่าวๆ
แกะกล่องออกมาก็จะเจอ Surface Pro โชว์หราตามสไตล์ Packaging สมัยนิยมไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากค่ายไหนๆ
อุปกรณ์ที่มาในกล่องก็จะมีคู่มือ และ Adapter พร้อมหัวเสียบแบบ กลม 2 หัว
ในคู่มือก็จะมีบอกรายละเอียดว่ามี port อะไรบ้าง กล้องหรือปุ่มต่างๆ อยู่ตรงไหนบ้าง
ที่ Adapter จะเป็น 44w Power Supply พร้อมรูเสียบสายชาร์จ USB เผื่อต้องการจะเสียบสายชาร์จโทรศัพท์มือถือไปด้วย สะดวกดีมากๆ ไม่ต้องไปเสียบชาร์จที่ตัวเครื่อง
หัวปลั้กไฟเป็นแบบ 2 หัวกลม
ต่อไป เราไปดูที่ตัวเครื่องดูเลยครับ ว่าสวยงามน่าใช้แค่ไหน
กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลรองรับการเข้าสู่ระบบด้วยการสแกนใบหน้าผ่าน Windows Hello
ต่อด้วยด้านขอบซ้ายบนของตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ทำงานไปด้วยฟังเพลงไปด้วยไปต้องไปรบกวนใคร
ด้านขอบบนของตัวเครื่องจะมีปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียง และ ปุ่ม power เปิด/ปิดเครื่อง
กล้องหลัง 8 พิกเซล ออโต้โฟกัส พร้อมถ่ายวีดิโอความละเอียด 1080p
ด้านขอบล่างของตัวเครื่องจะเป็น Cover Port เอาไปเชื่อมต่อกับ Surface Type Cover
ด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นช่องเสียบ Mini Display Port และ ช่องเสียบ Full-SizeUSB 3.0
ถัดลงมาจาก ช่อง USB ก็จะเป็นช่อง Surface Connect เอาไว้เสียบสายชาร์จ และ รูเล็กแอบอยู่หลัง Kickstand ก็จะเป็นช่องเสียบ MicroSDXC Card Reader เพื่มความจุของตัวเครื่องได้อีกเยอะเลย
ดูความบางของตัวเครื่องที่ 8.5มม ยังไม่ถึงเซนต์เลย
มาดูขาของ Kickstand ครับ ที่สามารถปรับได้ถึง 165 องศา คือแทบจะสามารถพับนอนได้เลย ดัดแล้วมีความแข็งแรงมากๆ
ต่อไป เราไปดูที่ Surface Pro Signature Type Cover ครับ ตัว Type Cover นั้นได้ออกแบบมาใหม่ พร้อมการสัมผัสที่นุ่มสบาย โดยด้านนอกหุ้มด้วยวัสดุ Alcantara จาก อิตาลี ทำให้ Surface Pro 2017 มีความสวยงาม ทนทาน และ ดูแลรักษาง่าย
หน้ากล่องเห็นของ Type Cover สี Alcantara
หลังกล่องบอกรายละเอียดคร่าวๆ
ตัว Type Keyboard พร้อม Mouse Pad
ภายในกล่องแสดงการจัดตั้งการวางตำแหน่งของหน้าจอได้ 3 ระดับ
ด้านหน้าของ Type Cover วัสดุ Alcantara
เมื่อเปิดกางออกมาแล้วก็สามารถทำงานได้เหมือน notebook ปกติทั่วไปได้เลย
ลักษณะการกางของ Kickstand พร้อม Type Cover ใน องศาต่างๆ
เมื่อปิด type cover แล้วก็ยังรักษาความบางได้อย่างลงตัว
อีกลักษณะเด่นและใหม่ของ Signature Type Cover นี้คือ มีไฟ LED ที่ด้านหลัง ทำให้มองเห็นแป้นพิมพ์ได้ในที่แสงน้อยๆ ด้วย
ต่อไปเราไปดูกันที่ Surface Arc Mouse ใหม่กันครับ
เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะเจอ Mouse นอนแบนเชียวดูแปลกตาดี
เมื่องอ mouse โค้งตามรูป มันก็จะเป็นการเปิดใช้ไปในตัวเลยครับ ถ้าแบนก็คือปิดการใช้งานไปเลย
เมื่ออยู่ในมือก็พอดีมือดีครับ แต่โดยส่วนตัวผมว่า ปุ่มมันน้อยไป ในขณะที่ pad ด้านบนทำงานได้ไม่เยอะ สามารถ scroll ขึ้นลงได้ แต่ไม่สามารถ scroll ซ้ายขวาได้ และก็ไม่สามารถ เลื่อน Forwords กับ Backwards ได้ และไม่สามารถใช้นิ้วถ่างขยายรูปได้ผ่านบน pad ด้านบน
ใส่ถ่าย AAA 2 ก้อนที่ด้านหลังครับ
ต่อไปเราไปดูต่อกันที่ Surface Pen ใหม่กันครับ คุณสมบัติใหม่ของมันคือ การให้ประสบการณ์ ดิจิทัล ink ที่เร็ว ไหลลื่น และแม่นยำมากที่สุดเท่าที่ทำมา และยังรองรับแรงกดมากขึ้น 4 เท่าถึง 4,096 ระดับ ทำให้การเขียนเป็นเรื่องง่ายและ ธรรมชาติที่สุด ยังสามารถเอียงตัวปากกาเหมือนการใช้ดินสอแรงเงาบนกระดาษได้ด้วยซ้ำ
คู่มือบอกรายละเอียดของ Surface Pen
เมื่ออยู่ในมือ
หัว surface Pen ทำหน้าเป็นยางลบโดยอัตโนมัติ เท่ดี
มีปุ่มกดทำงานเป็นเหมือนปุ่ม Click ขวาของ mouse
ใช้ถ่าน AAAA
ลองหัดใช้ Surface Pen เหมือนเขียนบนกระดาษเลย
รูปจากคนที่วาดก่อนหน้านี้ครับ ถ้ามีฝีมือก็คงไม่ยาก 55555
เมื่อมากันครบๆ ก็จะเต็มยศ พร้อมลุยงานแบบนี้ครับ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแน่นอนครับ
ต่อไปดูการทำงานคร่าวๆ ที่ผมว่าน่าสนใจกันครับ จริงๆ Windows พวกเราๆ ก็คุ้นเคยกันอยู่แล้วครับ เพราะใช้กันมานานแสน
บน windows 10 ก็สามารถหน้าจอการทำงานได้เต็มๆ 2 จอพร้อมกันเช่น Line กับ ie
หรือจะเป็นโปรแกรม Facebook กับ ie
หน้าจอ เหมือนเข้า โหมด Tablet และก็สามารถปรับให้เป็น โหมด Desktop ที่เราคุ้นเคยกัน
สิ่งที่มากับ Windows 10 นั้นก็คือ Cortana หรือ Virtual Assistant หรือ ผู้ช่วยที่สั่งงานด้วยเสียง เฉกเช่น Siri หรือ Google Assistant
บน Surface Pro ก็สามารถใช้ Line Video Call ได้อย่างสมบูรณ์เสียงดังฟังชัด ฮ่าๆๆๆ
สรุปแล้ว Surface Pro 2017 ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มองหา Windows Notebook หรือ Windows Tablet เอาไว้ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ สามารถพกพาไปทำงานที่ไหนก็ได้ และด้วยความสามารถของแบตเตอรี่ที่ทำงานต่อเนื่องได้ถึง 13.5 ชั่วโมง ทำให้คุณไม่ต้องพก Adapter ไปหาที่ชาร์จตลอด ต้องบอกเลยว่าสะดวกมากๆ ครับ สำหรับ Surface Pro 2017 เครื่องนี้
ขอบคุณ Microsoft ที่เอื้อเฟื้อเครื่องมาให้รีวิว
ขอบคุณ PDAMobiz สำหรับพื้นที่แห่งการแบ่งปัน