ทักทาย วันจันทร์ มันส์เดย์ – Fitbit Ionic ผู้ครองโลกแห่ง Smartwatch+Sport

Wearable อีกตัวนึงที่น่าสนใจไม่น้อย และเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา จนล่าสุดเปิดตัวในเมืองไทยไปเมื่อเดือนที่แล้ว Fitbit Ionic ซึ่งเจ้า Fitbit ต้องบอกว่ามาจากสายการแทรคแอคทิวิตี้ต่างๆ จนมีบางแบรนด์อย่างเช่น Up จาก Jawbone ก็อยู่ในตลาดไม่ได้ เพราะไม่ได้ปรับตัว แต่สำหรับ Fitbit คือยังมีรุ่นที่เน้นขึ้นมาสาย Sport ด้วยเช่น Fitbit Surge มี GPS ในตัว ซึ่งราคาไม่แรงมากนักเมื่อเทียบกับสาย GPS Sport ในตลาดขณะนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีส่วนแบ่งตลาดมากมายอะไร แต่ก็มีคนใช้จำนวนไม่น้อยเหมือนกัน ปัจจุบันผมก็ยังติดไว้ใช้งานอยู่ และต่อยอดด้วย Fitbit Blaze ตัด GPS ออกและมีฟังก์ชั่นแจ่มๆ เพิ่มขึ้นมา สุดท้ายเจ้า Fibit Ionic ก็กลับมาทำให้สมบูรณ์อีกครั้งด้วยการเพิ่ม GPS ในตัว พร้อมยังมีฟังก์ชั่นมากมาย และกำลังเข้าสู่ตลาดของ Smartwatch ซึ่งคำว่า Smart มาบวกกับ watch ตีความตามความเข้าใจผมง่ายๆ เลยก็คือ มันลงแอปได้ ส่วนความสามารถอื่นๆ ไม่ต้อง Smartwatch ก็มีหมด พวกสั่นเตือน เป็นรีโมทชัทเตอร์ มีสายเข้า รับสายได้ อะไรแบบนี้ ก็ขึ้นอยู่กับรุ่นของ Smartband ด้วยว่าจะรองรับมากแค่ไหน หลักๆ ของ Smartwatch เลยก็คือลงแอปได้ และจุดอ่อนสุดๆ ของ Smartwatch อีกเช่นกันก็คือเรื่องแบตเตอรี่

ผมบอกได้เลยว่า Fitbit มีดีกว่าที่คิด ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ Smartwatch ที่มีแพลตฟอร์มหลักอย่าง Android Wear หรือ Apple Watch ก็ตาม แต่ผมว่าสู้ได้สบาย Android Wear ที่ได้ความสวยงามและดีไซน์ แต่เอาเข้าจริง การใช้งานแอปต่างๆ มันก็สู้บนมือถือไม่ได้ และการใช้งานทั่วๆ ไปเราก็ต้องหยิบมือถือติดตัวอยู่แล้ว จะมีประโยชน์ก็เฉพาะบางช่วงเวลา หรือช่วงกิจกรรม แต่หากเอามาใช้งานด้านกิจกรรมสุขภาพแล้ว Smartwatch ในฝั่งของ Android Wear ผมว่ายังมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่อีกมาก และดูสถานการณ์ตอนนี้แล้วก็เดายากว่าจะอยู่หรือจะไป ในขณะเดียวกันฝั่งของ Apple Watch มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน การที่จะชนะก็ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปนัก ซึ่งก็เป็นเรื่องแบตเตอรี่อีกเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่ารุ่นหลังๆ จะมีการจัดการที่ดีก็ตามที แต่ทว่าก็ยังมีเรื่อง UI และ แอปที่ดูดีกว่าฝั่ง Android แต่ถ้าเทียบกันเรื่อง แอปออกกำลังกาย จะเห็นว่า Apple จับมือกับ Nike จนออกรุ่นเฉพาะ ซึ่งคนที่เน้นออกกำลังกาย เอาวิ่งเป็นหลักก็มีใช้งานจำนวนนึง แต่ก็ไม่มาก ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ที่สู้สาย Sport เต็มๆ ไม่ได้เ ถึงแม้ว่าจะลงแอปเพิ่มได้ก็ตาม หากจะเอา Apple Watch ไปวิ่งสัก 42 กิโลบวกเปิดเพลงฟังไปด้วย จะรอดไหม? ผมว่าก็ยาก

ซึ่งสายคนออกกำลังกาย อาทิเช่นการวิ่ง ก็คงเน้น Garmin ส่วน SUUNTO ก็คงมีบ้าง และ Fitbit เองก็มีไม่น้อย แต่คงไม่ใช่บรรดา Pro ที่ใช้กัน แต่สำหรับคนทั่วๆ ไป ที่รักการวิ่งเอาสักชิลๆ 10 กิโล หรือแม้กระทั่ง 42 กิโลผมว่า Fitbit Ionic จัดได้สบายๆ เพราะเรื่องแบตเตอรี่ที่อยู่ได้ประมาณ 5 วัน จะเปิดเพลงฟังไปด้วยผมว่าก็ยังรอดนะ ผมว่าด้าน Sport Fitbit Ionic กิน Android และ Apple ขาดแน่นอน ถ้ามีแอปรองรับพอๆ กับสองค่าย ในปัจจุบันก็มีในระดับนึง เช่น Strava อนาคตหากมีแอปพวก endomodo หรือ อื่นๆ เพิ่มเติมผมว่าก็ไม่ต่างจาก Smartwatch แล้วล่ะครับ การเพิ่งเข้ามาในตลาด Smartwatch ในครั้งนี้ ผมเชื่อว่า รุ่นหน้าจะมีความสมบูรณ์มากกว่านี้ แต่แค่ Fitbit Ionic ก็ถือว่าแจ่มแล้ว รองรับกิจกรรมทั้งปั่น ทั้งว่ายน้ำ แต่ยังไม่มีโหมดไตรกีฬานะ มีแอปลงเพิ่มรับเทนนิสได้อีก ทั้งหมดนี้ในราคาหมื่นต้นเท่านั้น ผมถึงบอกว่า งานนี้ Fitbit ครองโลก Smartwatch+Sport ได้ไม่ยากเลย แต่จะครองโลกของ Smartwatch นี่ไม่ง่าย แต่ถ้ามีแอปรองรับเยอะๆ อันนี้ก็ไม่แน่



ถูกใจบทความนี้  7