วันนี้ขอเอาเจ้า Samsung Galaxy S9+ สี Coral Blue มาแกะกล่องกันหน่อย งานนี้มาพร้อมกับเคสถักสุดสวย มาชมกันหน่อยครับว่า สีฟ้า หรือ Coral Blue นี่จะสวยแค่ไหน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเจ้า Samsung Galaxy S9+ นั้นเป็นสุดยอดเรือธงของ Samsung ในช่วงต้นปีที่ยังมีกระแสต่อเนื่อง แม้ว่าคู่แข่งจะมีกล้องสามตัวก็ตาม แต่ Galaxy S9+ ยังมีฟีเจอร์เด่นๆ เพียบ แถมถ่ายภาพก็สวยงามตามท้องเรื่องอีกต่างหาก เอาเป็นว่ามาชมอีกเวอร์ชั่นของ Samsung Galaxy S9+ ก็แล้วกันครับ
มาดูรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับตัวเครื่องกันหน่อย
งานนี้ขอเป็นมาบอกเล่าฟีลลิ่ง หรือความรู้สึกที่ได้จับเค้า Galaxy S9+ สักหน่อย แม้ว่าจะมีหลายสำนักรีวิวกันไปแล้ว มาฟังอีกความเห็นนึงจากผมก็แล้วกันนะ
ตัวกล่องยังออกแบบมาเหมือนเดิม ตามสไตล์ของ Samsung สเปคมีบอกเอาไว้ครบด้าหลัง จะเห็นว่าแม้ว่าความละเอียดกล้องจะไม่ได้มากมายเหมือนใคร แต่ภาพที่ออกมาก็แจ่มถูกใจคนใช้งานโดยส่วนใหญ่แน่นอน อีกฟีเจอร์นึงที่เขียนไว้ก็คือ IP68 ที่จริงๆ มีมาตรฐานกันน้ำลึก 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาที แต่มาคราวนี้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ถูกชูจุดเด่นขึ้นมาเหมือนดังเช่น S7 และ S8 กลายเป็นฟีเจอร์ที่มีเอาไว้เพื่อกันน้ำทั่วๆ ไปเท่านั้น ซึ่งทาง Samsung เองก็ไม่ได้เน้นให้นำไปใช้งานในน้ำ หากเกิดอุบัติเหตุจากน้ำก็ต้องคุยกับศูยน์กันอีกทีนะ
จริงๆ ตัวกล่องของสี Coral Blue ก็จะเป็นสีเดียวกันตัวเครื่อง ในขณะที่ Galaxy S9+ ตัวสีฮีโร่ที่เป็นสีนำในครั้งนี้คือ Lilac Purple หรือสีม่วงนั้นเอง ตามที่มีการแกะกล่องกันไปก่อนหน้านี้ ซึ่งกล่องก็จะเหมือนๆ กันครับ
อุปกรณ์ในกล่องก็มีเท่าที่เห็น ซึ่งงานนี้มีเคสใสแถมให้ด้วย แต่ที่ขาดก็คือฟิล์มกันรอย จริงๆ ถึงแม้ว่าหน้าจอจะกันรอยขีดข่วนยังไงก็น่าจะแถมฟิล์มกันรอยมาให้ด้วยนะ เพื่อความสะดวก ซึ่งตอนที่ซื้อที่ shop ก็ไม่มีขายอีกต่างหาก เลยไม่ได้เบ็ดเสร็จทีเดียว
ที่ชอบก็คือมี adapter ที่ใช้ OTG มาให้ด้วย และ ตัวแปลงจาก micro USB เป็น USB-C
รูปร่างตัวเครื่อง Galaxy S9+ สี Coral Blue
โดยภาพรวมแล้ว อัตราส่วน 18:9 ทำให้มีขนาดตัวเครื่องยาวทำให้ไม่รู้สึกว่าหน้าจอใหญ่ ทั้งๆ ที่หน้าจอจริงๆ แล้ว 6.2 นิ้วเลยนะ ส่วนดีไซน์โดยรวมก็ไม่ได้ต่างจาก Galaxy S8 มากนัก แต่สเปคทั้งหมดก็คืออัพเกรดให้ดีขึ้น เร็วขึ้นนั่นเอง อีกจุดนึงหลักก็คือเรื่องกล้องที่เทพมากขึ้นด้วย
เรื่องนึงที่ตัวเรือธงทำได้ก็คือความเร็วในการใช้งาน 4G ซึ่งในยุคนี้เค้ารองรับการใช้งานร่วมกับ AIS Next G ที่รองรับความเร็วถึง 1000 MB เลยทีเดียว ส่วนฟีเจอร์และซอฟท์แวร์และกล้องค่อยว่ากันนะ
เปรียบเทียบกับเครื่องอื่นดูหน่อย
ก็ลองเปรียบเทียบภายนอกกับเจ้า iPhone 8 plus ดูสักหน่อย ก่อนที่จะเอามาเปรียบเทียบกันเรื่องกล้อง
แน่นอนว่า iPhone 8 Plus หน้าจอใหญ่ยังไงก็สู้ Galaxy S9+ ไม่ได้
ขนาดตัวเครื่องก็พอๆ กัน เจ้า Galaxy S9+ ก็สลิมกว่า
ความหนาก็ใกล้เคียงกัน ความยาวตัวเครื่องก็เช่นเดียวกัน
สิ่งนึงที่บอกตรงๆ ว่าไม่ชอบคือการตัดพอร์ทหูฟังออก ซึ่ง Galaxy S9+ โดนใจกว่า เพราะอย่างไรก็ตามในตลาดหูฟังแบบมีสายก็ยังมีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าแบบไร้สาย
อีกด้านนึง ที่แตกต่างก็คงเป็นเรื่องปุ่มปิดเสียงของ iPhone กับ Samsung Galaxy S9+ มาพร้อมกับปุ่ม Bixby เวอร์ชั่นอัพเกรด
ทิ้งท้ายอีกภาพ เป็นการเปรียบเทียบกับแบรนด์จีนแบรนด์นึง คิดว่าสีไหนสวยกว่ากัน
สรุป Samsung Galaxy S9+
สำหรับ Samsung Galaxy S9+ สี Coral Blue ก็สวยไปอีกแบบ สะท้อนแสงเงาสวยงาม แต่ส่วนตัวชอบเป็นสีเหมือนปีก่อนโน้นที่เป็นสีฟ้าในโทนใสดีกว่า แต่ก็สวยไปคนละแบบล่ะนะ การจับกระชับมือ การใช้งานขนาดหน้าจออัตราส่วน 18:9 ก็เริ่มรองรับมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเทรนด์หน้าจอแต่ละค่ายก็มาทางนี้หมด ฝากซอฟท์แวร์หรือแอปก็ต้องปรับตาม ตัวราคาก็มีหลายรุ่นให้เลือกเช่นรุ่นนี้คือ Galaxy S9+ 128 GB นั่นเอง ซึ่งมี RAM 6GB ก็ใช้งานสบายกันหายห่วง โดยภาพรวมก็ประทับใจทั้งแบตก็อึดอีกด้วย เดี๋ยวไว้เจอกันตอนเปรียบเทียบภาพถ่ายอีกทีนะ
You must be logged in to post a comment.