รีวิว Asus Zenfone 5 ภาค Software กับ ZenUI 5.0 อันแสนฉลาดและ กล้องที่ไม่ธรรมดา

อาทิตย์ที่แล้วผมทำพรีวิวตัวเครื่อง Asus Zenfone5 ไปแล้วกับ แกะกล่อง Asus Zenfone 5 (ZE620KL) SmartPhone รุ่นล่าสุดจาก Asus  คราวนี้มาต่อกับ ภาค Software บ้างครับ Asus Zenfone5 มาพร้อมกับ ZenUI 5.0 ที่ฉลาดมากขึ้น ด้วย AI ในหลายๆ ส่วน รวมไปถึง AI ในกล้องด้วย จะฉลาดมากแค่ไหนไปดูกันครับ เริ่มต้นไปดู สเปกของ Asus Zenfone5 กันก่อนครับ

   

ไปดูหน้า Home ของ Asus Zenfone5 ก็จะเป็นแบบนี้ครับ ก็เหมือน Android Phone ทั่วไป และ มาพร้อมกับ Android Version 8.0.0 และ ZenUI 5.0

ปัดหน้าจอขึ้นเพื่อเข้าหน้าโปรแกรมรวม ถ้าสังเกตุแถบล่างสุด ที่แสดง 5 แอฟ จะเป็น Suggested Apps หรือ แอฟที่ผู้ใช้ชอบเข้ามากที่สุด AI ของ ZenUI จะนำแอฟที่ถูกใช้บ่อยสุดมาว่างตรงนี้ครับ

กลับมาที่หน้า Home ครับ Asus Zenfone5 จะมีติ่งที่หน้าจอด้านบน  เวลาจับหน้าจอจะไม่เห็นติ่งที่รูป ดังนั้น Asus ก็ได้ออกแบบการเลื่อน Notification Bar ให้ทำงานแยกกันโดยการเลื่อน Noti bar ด้านขวาของขอบบนหน้าเพื่อดู Setting และ ด้านซ้ายของขอบบนเพื่อดู Notification ต่างๆ

หน้า Home สามารถโหลด Theme มาเพิ่มได้ด้วย รวมไปถึง Wallpaper ด้วย และก็มีเยอะพอสมควรด้วย มีทั้งฟรีและต้องเสียเงินซื้อ

เนื่องด้วย Asus Zenfone5 มีถาดใส่ซิมเป็นแบบ Hybrid ดังนั้น Zenfone5 สามารถใส่ซิมได้ 2 อัน หรือ จะเป็น ซิม 1 อัน และ memory card อีก 1 อัน และมีโปรแกรม จัดระเบียบการใช้ซิมด้วย

บังเอิญ เครื่องที่ผมได้มาไม่สามารถอ่าน ช่องใส่ซิมที่ 1 ได้ดังนั้นมันก็เลยขึ้นแต่ซิมที่ 2

ต่อไปก็ไปดูการเข้าหน้าจอของ Asus Zenfone5 มันมีวิธีเข้าหน้าจอหลายวิธีมากๆ

  1. เข้าด้วยการเคาะหน้าจอ 2 ทีเพื่อเปิด และ เคาะอีก 2 ทีเพื่อปิดหน้าจอ กับ Zen Motion
  2. เข้าระบบด้วยการยกเครื่องเครื่องเพื่อเปิดการทำงานและใช้ Face Unlock เพื่อเข้าระบบ
  3. เข้าระบบด้วยการใช้นิ้วสแกนเปิดเครื่อง

รอยบาก หรือ Notch ใครไม่ชอบ ก็สามารถซ่อนได้เหมือนกันครับ เวลาจับภาพหน้าจอ ก็จะมีแถบดำด้านบนแทน

แบตเตอรี่ 3300 mAh ที่มาพร้อมกับ BoostMaster และ AI Charging

AI Boost เป็นการเร่งประสิทธิภาพของเครื่องเมื่อต้องการใช้แอฟที่ใช้พลังงานสูงอย่างเช่นเกมที่มีกราฟิกหนัก หรือ วีดิโอที่มีความละเอียดสูง หรือ เป็นการประหยัดพลังงานมากที่สูงเมื่อไม่ได้ใช้งาน ดูอย่างเช่นในรูปด้านล่างคือ เป็นการ standby ที่ยาวนานมากๆ ถึง 3 วัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ปิดเครื่อง แต่ตั้งเป็น Sleep Mode และยังสามารถเปิด Standby ได้อีก 1 วัน ส่วน AI Charging จะเป็นการตรวจจับรูปแบบการชาร์จของผู้ใช้ และ คาดการณ์ระยะเวลาที่ผู้ใช้ชาร์จให้นานชึ้นเพื่อลดความร้อนเช่นการชาร์จในเวลากลางคืน หรือ เพิ่มความเร็วในการชาร์จเมื่อต้องการ โดย AI Charging จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแตเตอรี่ได้นานขึ้น

 

เท่าที่ลองให้ลูกชายเล่น ROV บน Asus Zenfone5 เค้าบอกว่าใช้ได้เลยครับ ไหลลื่นดี ไม่มีกระตุกแต่อย่างไร สามารถเล่น FPS ได้ระหว่าง 58-60 เลยทีเดียว

กล้อง 

เมื่อเข้ามาในโปรแกรมก็จะเป็นแบบนี้ครับ มี 3 หน้าให้เลือก

ไปซ้ายและไปขวา ซ้ายสุดก็จะเข้าโหมดให้เลือกว่าจะถ่ายโหมดอะไร ไปขวาก็จะเป็นการเข้าโหมด Filter

  

โหมดโปร PRO

Setting ของ กล้อง

เข้ามาต้องค่าความละเอียดของกล้องและวีดิโอ รวมไปถึงการใส่ Watermark

ไปดูรูปที่ถ่ายจาก Asus Zenfone5 กันครับ แต่ในมือผมมี samsung Galaxy S9+ ที่มีราคาแพงกว่าเท่าตัว ผมเลยเอารูปถ่ายจาก 2 เครื่องนี้มาเทียบกันครับ เป็นภาพจบหลังกล้องไม่ได้แต่งสีเพิ่ม แค่ resize ครับ ลองพิจารณาดูครับ

  

  

   

AI Screen Detection ในกล้องจะทำหน้าที่ตรวจจับภาพที่ถ่ายแล้วเลือกปรับแต่งให้เหมาะสมที่สุดอัตโนมัติ โดยสามารถตรวจจับได้ถึง 16 โหมดสี

นอกเหนือจากโหมดกล้องแล้ว ยังมีโหมด Selfie Master เอาไว้จัดการการถ่าย Selfie รวมไปถึงลูกเล่นใหม่นั้นก็คือ ZeniMoji ที่สามารถถ่าย Selfie ตัวเองให้แปลงเป็น emoji ที่ขยับได้เพื่อบันทึกเอาไปส่งเป็นข้อความ หรือเป็น Video Call ก็ได้

AI Ringtone โหมดปรับเสียงเรียกเข้าให้เข้ากับระดับเสียงรอบข้างโดยอัตโนมัติ เช่น เสียงจะไม่ดังมากในบรรยากาศที่เงียบ และ จะไม่พลาดเสียงเรียกเข้าในสภาวะที่เสียงรอบข้างดัง

Auto Color Temperature / Bluelight Filter ระบบตรวจจับความสว่างของบรรยากาศรอบตัวและปรับแสงหน้าจอให้เหมาะสมอัตโนมัติ รวมไปถึงการปรับแสงสีฟ้าเพื่อปกป้องสายตาของเราเมื่อเวลาจำเป็น

Twin Apps สามารถให้ผู้ใข้บัญชีในการเข้าแอฟ ได้ถึง 2 บัญชี เช่น Facebook Instagram Line Youtube และ WhatsApp

Benchmark

   

Support หรือ ต้องการความช่วยเหลือจาก ระบบ โดยราสามารถเข้าไปหาข้อมูลหรือขอความช่วยเหลือจากการใช้งานได้ผ่านโปรแกรมหรือจะติดต่อ Service Center จากโปรแกรม

สรุปสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

สิ่งที่ชอบ : Asus Zenfone5 เป็น SmartPhone อีกเครื่องนึงที่สวยมากๆ เมื่ออยู่ในมือ และ ยิ่งถ้าดูราคาในระดับ หมื่นต้นๆ ถือว่าเป็น Smartphone ที่คุ้มค่ามากๆ Zen UI ที่ใช้งานง่าย พร้อมลูกเล่นมากมาย สิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือการ เคาะหน้าจอเพื่อเปิดและปิดหน้าจอ รวมไปถึงการยกเครื่องขึ้นมาที่หน้าแล้วสแกนหน้าเพื่อเข้าระบบ รวดเร็วมากๆ ถึงแม้ใส่แว่นสายตาก็ยังสามารถจับใบหน้าเราได้ เจ๋งจริงๆ กล้องก็ถือว่าใช้ได้เลย ในระดับราคานี้ อย่าไปเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่แพงกว่าหลายเท่า และสิ่งที่ชอบอีกอย่างคือความสามารถ standby ได้นานเหลือเชื่อ แล้วยังมีวิทยุด้วยต้องใช้สายหูฟังเสียบเป็นเสาอากาศ

สิ่งที่ไม่ชอบ : CPU ยังไม่แรงมาก แต่เท่าที่ใช้งานก็รวดเร็วดี wireless charging ไม่ได้

ขอบคุณ

Asus Thailand ที่มอบเครื่องมาให้ทดสอบ

PDAMobiz สำหรับ พื้นที่ในการแบ่งปัน

ถูกใจบทความนี้  69