Review OPPO R15 Pro สเปคอัดแน่น ดีไซน์กระจกไล่ระดับเฉดสีสุดหรู พร้อมคุณภาพกล้องจัดเต็มด้วยความฉลาดล้ำจากเทคโนโลยี AI !!

สิ้นสุดการรอคอยของแฟน ๆ ที่ชื่นชอบความครบเครื่องของสมาร์ทโฟน R-Series จากค่าย OPPO โดยล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา OPPO ประเทศไทยได้มีการเปิดตัว OPPO R15 Pro สมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิพรุ่นล่าสุดของทางค่ายที่มาพร้อมกับความโดดเด่นรอบด้าน เริ่มจากการไล่เฉดสีตัวเครื่องอย่างมีศิลปะ ผสานผลงานการออกแบบร่วมกับ Karim Rashid ดีไซน์เนอร์ชื่อก้องโลก ส่งผลให้ OPPO R15 Pro นั้นมีความสวยงาม แฝงความหรูหรา พรีเมี่ยม แถมยังมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Double Sided Glass Unibody โดยเลือกใช้วัสดุกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมทั้งสเปคภายในอัดแน่นตอบทุกโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ส่วนจุดขายเดิมของ R-Series อย่างคุณภาพกล้องหน้า/หลัง รอบนี้มีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นจากเดิมแบบสัมผัสได้ โดย OPPO R15 Pro ได้มีการนำ AI หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยให้การประมวลผลนั้นมีความฉลาดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในทุก ๆ สถานการณ์

สำหรับฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพบน OPPO R15 Pro นั้นต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น AI Scene Recognition ที่สามารถกำหนดซีนอัตโนมัติได้ถึง 16 ฉาก และ AI Beauty 2.0 ที่สามารถเรียนรู้และปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้ออกมาสวยใสสมบูรณ์แบบ พร้อมจำแนก เพศ อายุ และสีผิวได้อย่างแม่นยำ สุดท้าย AI Portrait ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอเป็นเรื่องที่ง่ายแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีจนเกินคาด ส่วนความน่าสนใจอื่น ๆ จะอะไรบ้างขอเชิญติดตามอ่านกันต่อได้เลยครับ

สเปคเบื้องต้นของ OPPO R15 Pro

● หน้าจอ Super Full Screen Display OLED  ขนาด 6.28 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 2280×1080 พิกเซล อัตราส่วน 19:9 กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5
● ซีพียู Qualcomm Snapdragon 660 AIE
● จีพียู Adreno 512
● แรม 6GB
● ความจุ 128GB
● รองรับหน่วยความจำภายนอก Micro SD Card ได้สูงสุด 256GB
● กล้องหลังคู่ Dual Camera 16 MP (f/1.7, 25mm, 1/2.6″, 1.22µm, PDAF) + 20 MP (f/1.7, 25mm, 1/2.8″, 1µm), phase detection autofocus, LED flash
● กล้องหน้า 20 MP (f/2.0)
● แบตเตอรี่ 3430 mAh
● ระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.0 บนพื้นฐานของ Android 8.1 (Oreo)
● ขนาดตัวเครื่อง  156.5 x 75.2 x 8.0 มม.
● น้ำหนัก 180 กรัม
● สีแดง Ruby Red, สีม่วง Cosmic Purple
● ราคาเปิดตัว 19,990 บาท

 

Packaging & Accessories

แพ็กเกจมาในทรงของกล่องลิ้นชักแบบดึงออกด้านข้าง พร้อมใช้โทนสีขาวสะอาดตา สำหรับด้านหน้ากล่องมีการพิมพ์โลโก้แบรนด์และชื่อรุ่นด้วยสีทองช่วยเพิ่มความหรูหราพรี่เมี่ยม โดดเด่นสะดุดตั้งแต่แรกสัมผัสกันเลยทีเดียว

 

สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องของ OPPO R15 Pro จะประกอบไปด้วย

  1. คู่มือการใช้งานงานฉบับย่อ
  2.  เข็มจิ้มเปิดถาดซิม
  3. เคสซิลิโคนแบบใส
  4. หูฟัง สมอลทอร์ค

5. สาย Micro USB 2.0 + อแดปเตอร์ชาร์จ Output 5V-2A / 5V-4A รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว (VOOC Flash Charge)

 

Design & Hardware

OPPO R15 Pro รังสรรค์ดีไซน์ใหม่หมดจด โดยมาพร้อมความโดดเด่นสะดุดตาด้วยการไล่โทนเฉดสีตัวเครื่องอย่างมีศิลปะ ผสานผลงานการออกแบบร่วมกับ Karim Rashid ดีไซน์เนอร์ชื่อก้องโลก ส่งผลให้ OPPO R15 Pro มีความสวยงาม แฝงความหรูหรา พรีเมี่ยม แถมยังมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Double Sided Glass Unibody โดยเลือกใช้วัสดุกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง ส่วนขอบเฟรมเป็นอะลูมิเนียม เกรดคุณภาพสูง ในด้านของวัสดุและงานประกอบของ OPPO R15  นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เรียกว่าสมราคาค่าตัวที่เคาะออกมาเลยครับ

 

OPPO R15 Pro มาพร้อมดีไซน์ขอบจอบางเฉียบ ส่งผลให้มีหน้าจอแสดงผลใหญ่เต็มตา สีสันสดใส ด้วยจอแสดงผล Super Full Screen Display ชนิด OLED ขนาด 6.28 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 2280×1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 19:9 มีสัดส่วนพื้นที่จอแสดงผลถึง 89% และครอบทับเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยกระจก 2.5D Corning Gorilla Glass 5 ในด้านการวางเลย์เอาท์ของลำโพงสนทนาและกล้องหน้าจะอยู่ในพื้นที่ของ Notch หรือรอยบากบนหน้าจอ ซึ่งเป็นเทรนด์ยอดนิยมของสมาร์ทโฟนในยุคนี้

สำหรับกล้องหน้าของ OPPO R15 Pro ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์หลัก โดยมาพร้อมความละเอียดละเอียด 20 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีด้วยรูรับแสงกว้างถึง f/2.0 นอกจากนี้ยังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI Beauty 2.0 ที่สามารถเรียนรู้และปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้สวยใสลงตัวสมบูรณ์แบบ พร้อมสามารถจำแนก เพศ อายุและสีผิวได้อย่างแม่นยำ

 

ด้านหลังนอกจากความโดดเด่นด้วยดีไซน์กระจก 3D ไล่เฉดสีจากดีไซน์เนอร์ชื่อดังแล้ว OPPO ยังนำเสนอจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ R มาโดยตลอดก็คือคุณภาพจากกล้องหน้า/หลังนั่นเอง โดย OPPO R15 Pro มีกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ ให้ความละเอียดมาที่ 20+16 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์คุณภาพสูงจากความร่วมมือของ Sony และ OPPO ในรุ่น IMX519 มีค่ารูรับแสงกว้าง f/1.7 ทั้งสองเลนส์ ในส่วนของระบบโฟกัสจะเป็นแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว EIS (Electronic Image Stabilization), รองรับเทคโนโลยี AI Portrait Mode ที่สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมี AI Scene Recognition ที่จำแนกฉากต่าง ๆ เพื่อปรับตั้งค่าให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ โดยสามารถวิเคราะห์สถานการณ์หรือซีนต่าง ๆ ได้ถึง 16 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพวิว, ถ่ายอาหาร, ภาพสัตว์, ถ่ายดอกไม้ ฯลฯ เป็นต้น

 

การจัดวางเลย์เอาท์โดยรวมรอบตัวเครื่องของ OPPO R15 Pro

สำหรับด้านบนจะเป็นที่อยู่ของไมค์บันทึกเสียง รวมถึงใช้ประโยชน์ในการตัดเสียงรบกวนได้อีกทางหนึ่งด้วย

 

ด้านล่างจะมีลำโพงหลักของตัวเครื่องที่ ให้คุณภาพมาค่อนข้างน่าประทับใจ ทั้งเรื่องความดังและความใสเคลียร์ สามารถตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้ดีในระดับหนึ่งเลยครับ ถัดจากลำโพงจะเป็นรพอร์ต Micro USB ตามด้วยไมค์สนทนาและช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. โดยส่วนตัวของผู้เขียนชอบการที่วางตำแหน่งช่องเสียบหูฟัง 3.5 ไว้ด้านล่าง เพราะจะสะดวกในเวลาใช้งานสายจะไม่โยงระเกะระกะ โดยเฉพาะเมื่อต้องถือเครื่องอยู่ในมือ และใช้งานด้านอื่น ๆ ไปพร้อมกับการฟังเพลง

 

ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม/ลดระดับเสียง ที่แยกออกเป็นสองปุ่ม ตรงนี้ช่วยให้กดง่ายขึ้นอีกด้วย

 

ช่องใสซิมการ์ดจะอยู่ที่ฝั่งขวามือของตัวเครื่อง โดยตัวถาดซิมจะเป็นแบบ Hybrid slot รองรับนาโนซิมทั้ง ซิม 1/2 ทั้งนี้ผู้ใช้งานต้องเลือกที่จะใช้งานระหว่าง 2 ซิมการ์ดหรือ 1 ซิม + MicoSD Card ส่วนข้อดีอีกอย่างของ OPPO R15 Pro นั่นก็คือรองรับ Full Net Com 3.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับ Dual VoLTE ได้อีกด้วย

 

Software & Feature

OPPO R15 Pro เปิดตัวมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.1 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 5.0 ซึ่งเป็น User Interface ที่ผู้ใช้งานค่าย OPPO คุ้นเคยกันมาอย่างยาวนาน สำหรับผู้ใช้งานหน้าใหม่ก็ไม่ต้องปรับตัวแต่อย่างใด เพราะปัจจุบัน UX/UI ของระปฏิบัติการแอนดรอยด์ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก

 

เป็นอีกหนึ่งจุดขายของค่าย OPPO ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ชื่นชอบก็คือการปรับแต่งหน้าตาได้สวยงามและมีความยืดหยุ่นจากธีมที่มีให้เลือกใช้งานอย่างจุใจ

 

อุ่นใจในการใช้งานด้วยแอปพลิเคชัน “Phone Manager” ผู้ช่วยที่มาพร้อมความสามารถครบเครื่อง ทั้งการสแกนไวรัส ล้างข้อมูลขยะเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับหน่วยความจำ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ตรวจสอบสภาพปัญหาที่พบในการใช้พร้อมแนะนำการปรับแต่งให้โดยอัตโนมัติเป็นต้น

 

การจัดการด้านการแสดงผล ผู้ใช้งานสามารถปรับอุณหภูมิสีเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานหรือความชื่นชอบส่วนตัวได้ 3 รูปแบบ และยังมีโหมดถนอมสายตาในการใช้งานเวลากลางคืนที่สามารถตั้งเวลาเปิด/ปิดและเลือกปรับเอฟเฟ็กต์การแสดงผลได้ค่อนข้างยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังสามารถปรับการแสดงผลของแอปให้สอดคล้องเหมาะสมกับ Notch หรือรอยบากบนหน้าจอได้อีกด้วย

 

ผู้ใช้งานเครื่องเก่า ถ้าต้องเปลี่ยนเครื่องมาใช้งาน OPPO ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องข้อมูลนะครับ เพราะมีแอป Clone Phone ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการย้ายข้อมูลเครื่องเก่ามายังเครื่องใหม่ ทั้งรายชื่อ รูปภาพและแอปพลิเคชั่นเดิมจากเครื่องเก่าไปยังเครื่องใหม่ได้อย่างครบถ้วน

สำหรับในด้านการเชื่อมต่อนั้นก็ให้มาอย่างครบถ้วน ทั้ง NFC ที่รองรับ Payment, Wi-Fi Direct, DLNA, Multi-screen Interaction และ Bluetooth 5.0

 

ฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรของ OPPO R15 Pro นอกจากความน่าสนใจที่ได้เกริ่นไปในตอนต้น ทั้งเรื่องของการรองรับ Full Net Com 3.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับ Dual VoLTE ฟีเจอร์ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ซึ่งเราสามารถเลือกสร้าง Blacklist และ Whitelist ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด

 

ระบบรักษาความปลอดภัยมีให้ใช้งาน 2 รูป ทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และปลดล็อคด้วยใบหน้า ซึ่งนอกจากการปลดล็อดจอแสดงผลแล้ว ยังสามารถใช้ในการปลดล็อคแอป และพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนตัวได้อีกด้วย สำหรับในด้านการใช้งานจริง ตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมีมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมาก ส่วนระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเช่นกัน โดยลองทดสอบปลดล็อคในที่แสงน้อย หรือส่วมใส่แว่นตาก็ยังปลดล็อคได้โดยไม่พบเจอปัญหาแต่อย่างใด

 

ปรับแต่งรูปแบบของปุ่มนำทางได้อย่างยืดหยุ่น ใครที่ชอบใช้งานแบบเต็มหน้าจอจริง ๆ ก็สามารถเลือกการช่อมปุ่มนำทางเสมือนได้ที่เมนูการตั้งค่า นอกจากนี้เมื่ออยู่ในโหมดการใช้งานแนวนอน เราสามารถเรียกมัลติทาสก์ด้วยการลากจากขอบจอ เพื่อเข้าถึงแอปที่กำหนดไว้ รวมไปถึงฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อาทิเช่น บันทึกหน้าจอภาพนิ่งหรือวีดีโอ และปิดการแจ้งเตือนของ Notification เป็นต้น

 

Gesture & Motion ฟีเจอร์ที่หลายคุ้นน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะฟีเจอร์พวกนี้มักจะมีมาให้ใช้งานในสมาร์ทโฟนหลาย ๆ แบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา หลักการทำงานจะไม่แตกต่างกัน กล่าวคือใช้การเคาะ การวาดบนหน้าจอ รวมไปถึงทำงานร่วมกับตัวเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ของตัวเครื่องเป็นต้น

 

ฟีเจอร์ยอดนิยมของสมาร์ทโฟนในยุคนี้ ต้องมีการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กัน ถึง 2 แอคเคานท์ในเครื่องเดียว

 

ระบบรักษาความปลอดภัยและรักษาความเป็นส่วนตัวของ OPPO นั้นโดดเด่นมากครับ ผู้ใช้งานสามารถการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้แบบละเอียด ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านการโทร, ข้อมูลที่จัดเก็บภายในตัวเครื่อง, การอนุญาตแอป, รวมถึงการปกป้องเยาวชนด้วยโหมดพื้นที่สำหรับเด็กที่ผู้ปกครองสามารถกำหนดเวลาและการเข้าถึงแอปสำหรับการใช้งานในแต่ละครั้งได้ตามที่ต้องการ

 

ด้านการจัดสรรพลังงาน OPPO R15 Pro ทำผลงานได้ค่อนข้างดีครับ ส่วนหนึ่งคือตัวชิปเซ็ตที่เด่นในด้านการประหยัดพลังงานนั่นเอง จากการทดสอบเล่นไฟล์วีดีโอต่อเนื่องไป 2 ชั่วโมง ระดับแบตจาก 100% ลดลงมาเหลือ 85% ก็ถือว่าแบตค่อนข้างอึดใช้ได้เลยครับ

 

Benchmarks & Performance

แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับชิปเซ็ตตัว Top อย่าง ซีรีส์ 8xx แต่ขุมพลัง Snapdragon 660 นั้นก็ถือว่าแรงในระดับใช้งานทั่ว ๆไปได้เหลือเฟือ แถมมีความโดดเด่นในด้านการจัดสรรพลังงาน รวมไปถึงรองรับ AIE (Artificial Intelligence Engine) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำงานในภาพรวมร่วมกับ Software หรือแอพพลิเคชั่นอันหลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนในแง่ผลคะแนน Benchmarks ถือว่าเป็นรุ่นกลาง ๆ ที่มาพร้อมความลื่นไหล และความแรงในระดับที่นำไปใช้งานทั่วไปได้แบบสบาย ๆ เซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน รวมไปถึงการที่มาพร้อม RAM ถึง 6GB ก็ช่วยในด้านความลื่นไหลเมื่อเล่นเกมได้เป็นอย่างดี สำหรับ GPS ในภาครับสัญญาณดาวเทียมนั้นมีความรวดเร็วแม่นยำในระดับที่ดีมากครับ

 

Multimedia & Entertain

มิวสิค เพลเยอร์ อาจจะไม่ได้ชูเป็นจุดขายเหมือนยุคแรก ๆ แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน ทำให้ในด้านของตัว Software และฟีเจอร์ Real HD Sound ของ OPPO R15 นั้นสามารถตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงได้เป็นอย่างดี

 

VDO Player บน OPPO R15 Pro รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น

 

OPPO R15 Pro เล่นเกมที่มีกราฟฟิคหนัก ๆ ได้ค่อนข้างลื่นไหล แม้จะไม่ได้มาพร้อมชิปเซ็ตตัว Top ก็ตาม ส่วนหนึ่งต้องยกความดีที่ให้ RAM 6GB ซึ่งช่วยได้เยอะเลยทีเดียว

 

นอกจากนี้ยังมีโหมด “การเร่งความเร็วเกม” ที่ช่วย optimization ให้เล่นเกมได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น และยังมี “โหมดเกม” ที่ช่วยจัดการด้านการแจ้งเตือน เช่นการปฏิเสทสาย หรือการรับสายผ่านทางแฮนด์ฟรีได้เป็นต้น

 

 

Camera & Sample

Interface หรือเมนูกล้องบน OPPO R15 Pro ดูเรียบง่ายสะอาดตา สามารถเข้าถึงโหมดการถ่ายต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยการปัดไปทางซ้าย/ขวาบนหน้าจอ

ค่าย OPPO มีการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพของทั้งกล้องหน้าและหลังมาโดยตลอด และใน OPPO R15 Pro เองก็ได้มีการนำ AI หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยให้การประมวลผลนั้นมีความฉลาดมากยิ่งขึ้น และเรียนรู้เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีในทุกสถานการณ์

โดยกล้องหลังจะมีฟีเจอร์ AI Scene Recognition ที่สามารถระบุได้ถึง 120 ความแตกต่างของภาพและวัตถุ และกำหนดซีนอัตโนมัติได้ถึง 16 ฉาก อาทิเช่น เมื่อเราส่องกล้องไปที่อาหาร, ดอกไม้, หรือสัตว์เลี้ยง โหมด AI ก็จะประมวลผลพร้อมตั้งค่าการถ่ายให้เข้ากับสถานการณ์นั้น ๆ ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ที่สวยสมบูณณ์แบบลงตัว โดยไม่ต้องมาปรับแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ส่วนกล้องหน้าจะมีไฮไลท์ที่ AI Beauty 2.0 ซึ่งสามารถเรียนรู้และปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้ออกมาสวยใสสมบูรณ์แบบ พร้อมจำแนก เพศ อายุ และสีผิวได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

 

โหมด AI Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอบน OPPO R15 Pro ทำผลงานได้น่าประทับใจมาก โดยสามารถละลายฉากหลังได้ดูเป็นธรรมชาติและยังเก็บดีเทลเล็ก ๆ น้อย ได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมียังมีฟังก์ชัน 3D Portrait Lighting ที่ช่วยจำลองสภาพแสงแบบ 3 มิติ ให้กับตัวแบบ เพื่อสร้างโทนภาพให้ดูเด่นสะดุดตา อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับการถ่ายภาพแนวพอร์ทเทรตไปอีกขั้นหนึ่งด้วยครับ

 

AR Stickers ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ในยุคนี้ เรียกว่าเกือบทุกแบรนด์มีกันหมด โดย AR Stickers บน OPPO R15 Pro นั้นรองรับทั้งกล้องหน้าและหลัง รวมถึงสามารถบันทึกในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวได้อีกด้วย

 

 

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto โดยยังไม่เปิดใช้งาน AI Beauty ภาพที่ได้ให้ความคนชัดที่ดี และสกินโทนก็ก็ดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตาจนเกินไป

 

 

ลองเปิดใช้งาน AI Beauty ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในแง่การเกลี่ยสภาพสีผิวและความใสกระจ่างของใบหน้า  ซึ่งเราสามารถปิด AI แล้วเลือกระดับของบิวตี้ตามที่ต้องการได้เอง 6 ระดับ

 

โหมด HDR จะช่วยในเรื่องของการปรับแต่งภาพที่มีความเปรียบต่างของแสงมาก ๆ โดยภาพซ้ายจะเป็นการถ่ายย้อนแสงจะเห็นว่าฉากหลังจะสว่างจ้าและขาดรายละเอียดของตัววัตถุที่อยู่ด้านหลัง เมื่อเราเปิดโหมด HDR ก็จะทำให้เราสามารถดึงดีเทลโดยรวมของรูปภาพกลับมา ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า หรือฉากหลังของภาพ โดยที่ภาพของตัวบุคคลยังให้คุณภาพที่ดีเหมือนเช่นเคย

 


ภาพซ้ายโหมดปรกติ ภาพกลางเปิดแฟลช ภาพขวามือปิดแฟลช-เปิดโหมดบิวตี้

ทดสอบเซลฟีในที่แสงน้อย (สภาพแสงภายในอาคาร) ในภาพรวมยังให้ความคมชัดในระดับที่น่าพอใจ ทั้งนี้เราสามารถเปิดใช้งานแฟลชเพื่อช่วยให้ภาพดูสว่างและมีมิติขึ้นได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งขอดีของไฟแฟลชบน OPPO R15 Pro นั้นจะเป็นแบบ Flash on Display หรือการใช้งานแสงสว่างของหน้าจอแสดงผลมาเป็นแฟลชนั่นเอง ตรงนี้จะให้โทนที่ดูนุ่มนวลไม่สว่างจ้าเหมือนไฟแฟลชแบบ LED ครับ

 

ตามที่เกริ่นไปครับ  AR Stickers สามารถใช้งานได้ทั้งบนกล้องหน้าและกล้องหลัง พร้อมบันทึกเป็นไฟล์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับโหมดบิวตี้และเลือกใส่ฟิลเตอร์ให้กับภาพได้อีกด้วย

 

สำหรับกล้องหลังจะไม่มี AI Beauty แต่ผู้ใช้งานสามารถเลือกระดับของบิวตี้แบบกำหนดค่าได้เอง 6 ระดับ

 

   

AI Portrait Mode บน OPPO R15 Pro ละลายฉากหลังได้ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ และยังสามารถเก็บดีเทลอย่างเช่นขอบเสื้อผ้าและเส้นผมไวได้ โดยรวมแล้วโหมด Portrait นั้นน่าประทับใจครับ

 

 

ฟีเจอร์ 3D Portrait Lighting เป็นการจำลองสภาพแสงแบบ 3 มิติ โดยมีให้เลือกใช้งาน 5 รูปแบบ

1. แสงธรรมชาติ

 

 

2. แสงสำหรับภาพยนต์ (ภาพซ้าย)

3. แสงสำหรับโทนสี (ภาพขวา)

4. แสงเน้นรูปร่าง (ภาพซ้าย)

5. แสงแบบสองสี (ภาพขวา)

 

จากนี้ไปดูภาพรวม ๆ จากกล้องหลังของ OPPO R15 Pro กันต่อได้เลยครับ

 

 

 

 

 

 

สรุป OPPO R15 Pro

ข้อดี

1. ดีไซน์หรูหรา พรีเมี่ยม ด้วยวัสดุกระจกหน้า/หลังพร้อมโทนการไล่เฉดสีแบบมีมิติ จากความร่วมมือออกแบบร่วมกันกับดีไซเนอร์ระดับโลก

2. ยังคงเป็นเบอร์ 1 ของการเซลฟี ด้วยกล้องหน้าที่มาพร้อมความฉลาดสุดล้ำจาก AI Beauty 2.0

3. กล้องหลังขับเคลื่อนด้วย AI Scene Recognition ให้ภาพคมชัด สมจริง และ AI Portrait Mode ละลายฉากหลังได้เป็นธรรมชาติ

4. หน้าจอแสดงผลมีคุณภาพที่ดีมาก ทั้งความคมชัด, ความสว่างสดใส และการตอบสนองในการทัช

5. เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือและระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า มีความเร็วและแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ

6. การจัดสรรพลังงานทำได้ค่อนข้างดี การใช้งานทั่ว ๆ ไป สามารถใช้งานได้ครบวัน และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว (VOOC Flash Charge)

7. การเชื่อมต่อให้มาอย่างครบถ้วน รวมไปถึงรองรับ Full Netcom 3.0 และ Dual VoLTE

8. Premium Service บริการพิเศษสำหรับเปลี่ยนเครื่องได้ทันทีที่ศูนย์บริการ หากตัวเครื่องมีปัญหาอันมาจากการผลิต

 

สิ่งที่ต้องพิจารณา

1. พอร์ตชาร์จยังเป็น Micro USB

2. ถาดซิมเป็น Hybrid Slot ต้องเลือกใช้งาน 2 ซิม หรือ 1 ซิม + MicroSD Card

3. กล้องหลังไม่มีระบบกันสั่นในระดับ Hardware (OIS)

4. ตัวเครื่องเป็นกระจกซึ่งเก็บรอยนิ้วมือได้ง่าย

 

ก็คงจะฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับรีวิว OPPO R15 Pro แล้วพบกันใหม่ในรีวิวทดสอบด้านเอนเตอร์เทนครับ

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ



ถูกใจบทความนี้  11