รีวิว Fitbit Flyer ! หูฟังออกกำลังกายรุ่นแรกจากค่าย Fitbit ที่มาพร้อมระบบเสียง Power Boost by WavesMaxx audio!!

Fitbit เปิดตัวหูฟังออกกำลังกายรุ่นแรกของทางค่ายไปเมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค. 61 ที่ผ่านมา ซึ่งต้องบอกเลยว่านับเป็นก้าวใหม่ของ Fitbit หลังจากที่สร้างชื่อกับอุปกรณ์ออกกำลังกายประเภทสมาร์ทแบนด์มาอย่างยาวนาน สำหรับหูฟังบลูทูธรุ่น Flyer นั้นมาพร้อมจุดเด่นและฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายประการ ทั้งในเรื่องรูปลักษณ์ดีไซน์ หรือการสวมใสที่ปรับแต่งให้เข้ากับสรีระของผู้ใช้ได้อย่างยืดหยุ่น รวมไปถึงคุณภาพเสียงที่มาพร้อมฟีเจอร์ Power Boost enhanced by WavesMaxx Audio นอกจากนี้ยังกันเหงื่อและละอองฝนได้อีกด้วย ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจของ Fitbit Flyer จะมีอะไรบ้าง ต้องมาติดตามอ่านไปพร้อม ๆ กันครับ

ฟีเจอร์

  • Built for Fitness : ออกแบบมาเพื่อสนุกการออกกำลังกายได้เต็มที่ ทนทานต่อเหงื่อได้เป็นอย่างดี
  • Premium Wireless Sound : ให้พลังเสียงที่แม่นยำ เสียงเบสที่คมชัด เก็บรายละเอียดครบถ้วน Dynamic Range by WavesMaxx audio
  • Music & Call Controls : ควบคุมเพลงและรับสายด้วย 3 ปุ่มที่ใช้งานได้คล่องตัว
  • Adjustable Cable : สายที่ปรับเปลี่ยนตามสรีระช่วยเพิ่มความมั่นใจในการสวมใส่ระหว่างการออกกำลังกาย
  • Secure, Personalized Fit : ใส่ได้แน่นกระชับด้วยหูด้วย Ear tips , Wings และ Fins ที่มีให้เลือกใช้
  • Long Battery Life : เพลิดเพลินกับการฟังเพลงได้นานถึง 6 ชั่วโมงโดยชาร์จเต็ม
  • Dual Microphone : ให้เสียงสนทนาคุณภาพสูง ด้วยไมโครโฟนคู่ที่ช่วยขจัดเสียงรบกวนรอบข้าง
  • Works with Ionic : สามารถเชื่อมต่อกับ Fitbit Ionic ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการฟังเพลงและสนทนา
  • Sweatproof : เคลือบด้วย Nano Coating ทนต่อเหงื่อและละอองฝนได้เป็นอย่างดี
  • Multi-Device Connectivity : เชื่อมต่อบลูทูธได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟน และ คอมพิวเตอร์ โดย Bluetooth 4.2
  • 2 Sound Settings : ตั้งค่าโปร์ไฟล์เสียงด้วยตัวคุณเอง ปรับแต่งเบส Power Boost enhanced by WavesMaxx Audio

สเปคเบื้องต้นของ Fitbit Flyer

Weight & Dimensions

  • Width: 0.98″
  • Height: 0.79″
  • Depth: 0.71″
  • Weight: 0.71oz
  • Cord Length: 19.7″

Audio Details

  • Type: In-ear style
  • Noise-isolation: Passive
  • Audio format: 16 bit stereo, 44.1/48kHz
  • Supported codecs: AAC, SBC
  • Driver size: 8.6mm
  • Frequency range: 20 Hz to 20 kHz
  • Total harmonic distortion & noise: <0.5% @ 1kHz/-1dBFS, 20Hz-20kHz bandpass filter
  • Maximum sound pressure: 100 dBSPL @ 1kHz

Bluetooth Compatibility

  • Bluetooth 4.2
  • Supported profiles: A2DP + AVRCP + HSP + HFP
  • Range: 32ft
  • Number of simultaneous connections: up to 2 devices
  • Number of paired devices: 8
  • Compatible Fitbit products: Fitbit Ionic
  • Works with: Android, iOS & Windows smartphones, Windows & OSX computers, A2DP Bluetooth mono & stereo devices

Battery

  • Playtime: Up to 6 hours
  • Charging Time: 1-2 hrs
  • Quick Charge: 15 minutes charge = 1 hour playtime
  • Charging: micro-USB

Microphone

  • 2 MEMS microphones
  • Pick-up pattern: Dual omni-directional microphone (2 mic beamforming array)
  • Wideband frequency: 100-7000 Hz
  • Narrowband frequency: 300-3400 Hz

ตัวกล่องแพกเกจจะแปะฟีเจอร์เด่นที่เป็นจุดขายของ Fitbit Flyer มาให้รอบทั้งตัวกล่อง รวมไปถึงตัวอุปกรณ์เสริมที่สามารถปรับแต่งให้การสวมใส่เข้ากับสรีระใบหูของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว

 

สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาจะประกอบไปด้วย

  • หูฟัง Fitbit Flyer Wireless headphones
  • จุกยางสำรอง 2 ขนาด  (S, L)
  • ตัวเกี่ยวหู both wings 2 ชุด และ fins 1 ชุด
  • กระเป๋าผ้าสำหรับเก็บหูฟัง
  • สาย USB Micro สำหระบชาร์จไฟ

 

Fitbit Flyer เป็นหูฟังบลูทูธในสไตล์อินเอียร์ (In- ear) การออกแบบและดีไซน์ของ Fitbit Flyer จะเน้นไปในด้านสรีระศาสตร์ เพื่อการสวมใส่ที่ให้ความกระชับ มีความยืดหยุ่นเหมาะสำหรับการออกกำลังเป็นหลัก ส่วนตัววัสดุหลักจะประกอบไปด้วย อะลูมิเนียม อัลลอยในส่วนที่เป็นเฮาส์ซิ่ง ซึ่งมีการทำลายขัดแบบแบบก้นหอย เมื่อมองดูแล้วให้สวยงามแฝงความพรีเมี่ยมในตัว ส่วนตัวเกี่ยวหูวัสดุจะผลิตมาจากยางที่ให้ความอ่อนนุ่ม ช่วยเพิ่มความกระชับ สวมใสสบายไม่เจ็บหู และสุดท้ายแผงปุ่มคอนโทรลจะเป็นการผสมผสานระหว่างโพลีคาร์บอเนตและยางเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีการเคลือบ Nano Coating ที่ช่วยให้หูฟัง Fitbit Flyer สามารถทนต่อเหงื่อและละอองฝนได้เป็นอย่างดี ( กันแค่เหงื่อและละอองน้ำ/ฝน ไม่กันน้ำ แช่น้ำไม่ได้)

 

ปุ่มพาวเวอร์เปิด/ปิดเครื่อง จะไม่ได้อยู่รวมกับแผงปุ่มคอนโทรล แต่จะอยู่ตรงหูฟังฝั่งขวา และอยู่ในตำแหน่งที่กดได้ง่ายแม้ในขณะสวมใส่อยู่ก็ตาม ตรงนี้ทางค่าย Fitbit ออกแบบมาได้ค่อนข้างดีเลยครับ

 

ตัวเฮาส์ซิ่งสามารถถอดเปลี่ยนตัวเกี่ยวหูได้อย่างอิสระ โดยตัว both wings จะมีอยู่ 2 ชุด และ fins 1 ชุด ตรงนี้เป็นการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้สามารถเลือกปรับแต่งการสวมใสให้สอดคองเข้ากับสรีระของใบหูตนเอง

 

มาดูแผงปุ่มคอนโทรลการทำงานของตัวหูฟังกันบ้าง

สำหรับด้านหน้าจะมีโลโก้แบรนด์อยู่บนแผงที่ใช้โทนสีบรอนซ์เงินสะดุดตา โดยด้านบนฝั่งซ้ายจะเป็นที่อยู่ของไมค์โครโฟนตัวที่ 1

 

ผลิกกลับมาที่ด้านหลัง ตรงนี้วัสดุจะเป็นยาง ทำให้กดง่ายไม่เจ็บนิ้ว ส่วนปุ่มควบคุมการทำงานจะมีทั้งหมด 3 ปุ่ม ประกอบไปด้วย ปุ่มเพิ่ม/ลด ระดับเสียง ตรงกลางจะเป็นปุ่มแบบมัลติฟังก์ชั่น ที่ใช้ในการเล่นเพลง หยุดเพลง รับสาย/ปฏิเสธสาย หรือเรียกใช้งานคำสั่งเสียงเป็นต้น สำหรับปุ่มเพิ่มระดับเสียงถ้าเราอยู่ในโหมดการฟังเพลง เมื่อกดค้างไว้จะเป็นการเล่นเพลงถัดไป ส่วนปุ่มละระดับเสียงก็เช่นกัน เมื่อกดค้างไว้จะเป็นการย้อนกลับมาเล่นเพลงที่ผ่านมานั่นเอง

*สำหรับการเปิดโหมด Power Boost ให้กดปุ่มเพิ่ม+ลดระดับเสียงพร้อมกัน 1 ครั้ง ที่ตัวหูฟังจะมีเสียงแจ้งเตือนว่าเราได้ทำการเปิดหรือปิดโหมด Power Boost

 

ด้านข้างฝั่งซ้ายจะเป็นไฟแจ้งเตือนสถานะ ทั้งการเชื่อมต่อและขณะชาร์จไฟ ตรงกลางเป็นพอร์ต Micro USB สำหรับชาร์จไฟ สุดท้ายคือไมโครโฟนตัวที่ 2 ซึ่ง Fitbit Flyer มาพร้อมไมค์คู่ (Pick-up pattern: Dual omni-directional microphone) พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Passive Noise Isolation ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ไปพร้อม ๆ กับเร่งการรับคุณภาพเสียงจากไมค์อีกตัว ทำให้ทั้งต้นสายและปลายสายได่ยินเสียงที่มีความคมชัด ใสเคลียร์ มีเสียงรบกวนที่ค่อนข้างน้อยมาก

 

สายหูฟังมีความยาวอยู่ที่ 50 ซม. พร้อมที่ปรับสายในตัว ในแง่ของวัสดุและความแข็งแรงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ด้วยความที่ตัวสายมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงน่าจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น  แต่ทั้งนี้การที่สายมีขนาดใหญ่ ก็ไม่ได้ส่งผลหรือสร้างความอึดอัดในขณะสวมใส่ใช้งานแต่อย่างใดนะครับ

 

รองรับการเชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 ดีไวส์ และถึงแม้ว่าทาง Fitbit จะชูจุดขายในเรื่องการซัพพอร์ตรองรับตัว Flyer ร่วมกับสมาร์ทวอทช์ของทางค่ายอย่าง Fitbit Ionic แต่กระนั้นก็สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทวอทช์ของค่ายอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

 



โดยเฉพาะสมาร์ทวอทช์ที่มี ROM หรือความจุภายในตัวเครื่องเยอะ ๆ และรองรับการเล่นเพลงได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยให้การฟังเพลงพร้อมออกกำลังกายผ่าน Fitbit Flyer เป็นเรื่องที่สะดวกง่ายดายมาก ๆ เลยครับ

 

การสวมใสจริงโดยส่วนตัวผมชอบใส่ตัว both wings (ปีกนก) มากกว่า เพราะรู้สึกว่าตัว Fins มันมีขนาดใหญ่ไปสักนิด ยิ่งถ้าเป็นคนที่ใบหูเล็ก ๆ แล้วจะทำให้ใส่ลำบากและรู้สึกอึดอัดอย่างแน่นอนครับ

สำหรับฟิลลิ่งในการใส่ออกกำลังกาย ถือว่าสอบผ่านครับ เมื่อเลือกขนาดของจุกหูฟังและตัวเกี่ยวหูที่เหมาะกับตัวเองเป็นที่เรียบร้อย ในเวลาที่ใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวช้าหรือเร็ว ๆ ก็ไม่พบอาการหูฟังหลุดหรือหลวมคอนออกมาแต่อย่างใด

 

คุณภาพเสียง

Fitbit Flyer มีการใส่โปรไฟล์เสียงมาให้เลือกใช้งาน 2 รูปแบบ คือ Signature sound ที่เป็นรูปแบบเสียงเริ่มต้น โดยจะให้โทนเสียงในแบบธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก ต่อกันที่ในย่านเสียงต่ำ Fitbit Flyer ทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เบสมาเป็นลูกมีความกระชับเก็บตัวได้เร็ว ส่วนเสียงกลางต้องบอกเลยว่าเป็นจุดขายของรุ่นนี้ โดยให้เนื้อเสียงที่มีความคมชัดหนักแน่น ใครที่ชอบเพลงทีเน้นเสียงร้องรับรองฟินครับ ส่วนย่านเสียงสูงมีความกังวานใส แต่ไม่ถึงกับกรุ๊งกริ๊ง พริ้วไปจนสุดปลาย ซึ่งตามที่บอกไปว่า Fitbit Flyer จะเด่นในย่านเสียงกลางมากกว่า

สำหรับโหมด Power Boost ที่ปรับแต่งพร้อมจูนเสียงโดย WavesMaxx Audio จะเป็นการปรับ amplifies bass และ EQ ซึ่งโทนเสียงจะมีความดุดันเพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะในย่านเสียงกลางและต่ำ โหมดนี้น่าจะเหมาะกับการออกกำลังกายในแบบ Outdoor หรือที่มีเสียงรบกวนเยอะ ๆ ตรงนี้ Power Boost ช่วยได้เยอะเลยครับ ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเสียงที่ผ่านการปรับแต่ง และไม่สามารถให้ฟิลลิ่งของโทนเสียงในแบบธรรมชาติ โหมด Power Boost สามารถนำมาฟังกับเพลงแนว ๆ ร็อค, EDM ได้แบบมันส์ ๆ อยู่ไม่น้อยเลยครับผม

ด้านการโทร ด้วยความที่ Fitbit Flyer จัดเต็มด้วยไมค์โครโฟนคู่ พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Passive Noise Isolation ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ไปพร้อม ๆ กับเร่งการรับคุณภาพเสียงจากไมค์อีกตัว ทำให้การสนทนาผ่านตัวหูฟังนั้นมีคมชัด ใสเคลียร์ โดยมีเสียงรบกวนที่น้อยอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจมาก ๆ เลยครับ

 

 

Video Unboxing

 

สรุป Fitbit Flyer

เป็นหูฟังออกกำลังกายรุ่นแรกของค่าย Fitbit ที่ทำออกมาได้ดีเกินคาด สำหรับสิ่งที่น่าประทับใจก็คือ การออกแบบตัวหูฟังให้สามารถปรับแต่งด้วย accessory อย่างพวก  both wings  และ fins ทำให้ผู้ใช้งานสามารถส่วมใส่ได้กระชับ สอดรับเข้ากับสรีระของใบหูตัวเองอย่างยืดหยุ่น และแน่นอนว่ามันส่งผลไปถึงการใช้งานในขณะออกกำลังกายนั่นเอง ตรงนี้ในแง่ของวัสดุและงานประกอบ รวมไปถึงการสวมใส่ Fitbit Flyer เพื่อการออกกำลังกาย นั้นสอบผ่านได้แบบสบาย ๆ

ส่วนคุณภาพเสียง อาจจะยังไม่สุด ตามที่เกริ่นไป Fitbit Flyer จะเด่นย่านเสียงกลาง ฉะนั้นความกังวาลใส จากดนตรีจำพวกเครื่องสายอาจจะขาดปลายเสียงที่พริ้ว ๆ  ไปบ้าง  ส่วนย่านเสียงต่ำทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่น่าประทับใจก็คือโหมด Power Boost ที่ปรับแต่งพร้อมจูนเสียงโดย WavesMaxx Audio ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ทางเลือก สำหรับคนที่อาจจะฟังเพลงผ่านสมาร์ทวอทช์โดยตรง และไม่สามารถปรับแต่งแนวเสียงที่ชื่นชอบได้ เมื่อปรับมาใช้โหมด Power Boost  นี้ก็จะเหมือนกับการเปิดใช้งาน amplifies bass และ EQ ในรูปแบบที่ปรับแต่งมาสำเร็จรูปแล้วนั่นเองครับ

สรุปส่งท้าย หากมองหาหูฟังเพื่อใส่ออกกำลังกายและให้คุณภาพเสียงที่ดี Fitbit Flyer จัดเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคนที่มีสมาร์ทวอทช์ Fitbit Ionic อยู่แล้ว ก็จะยิ่งสามารถใช้งานได้่เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ

 

Fitbit Flyer มีสองสีให้เลือกใช้งาน ได้แก่สี Nightfall Blue, Lunar Gray พร้อมเคาะราคาที่ 5,190 บาท

สนใจสามารถสั่งซื้อหรือไปลองสัมผัสตัวจริงกันได้ที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ IT, Gadget ชั้นนำที่ร่วมรายการ

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.fitbit.com/th/flyer

ถูกใจบทความนี้  5