AIS NEXT G เทคโนโลยีผสานความเร็ว AIS 4G ADVANCED และ AIS SUPER WiFi เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดความเร็วอินเตอร์เน็ตในยุคนี้อย่างแท้จริง !!

ในยุคที่เทรนด์การเข้าถึงคอนเทนต์กำลังขยับขยายย้ายจากสื่อที่เราคุ้นเคยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทีวี, วิทยุ, หนังสือ, หรือคอมพิวเตอร์ มาสู่สมาร์ทโฟนเกือบเต็มตัว สิ่งหนึ่งที่เราเห็นพัฒนาการมาโดยตลอด นอกจากนวัตกรรมอันล้ำสมัยของตัวสมาร์ทโฟนแล้ว นั่นก็คือคุณภาพโครงข่ายเน็ตเวิร์คจากค่ายโอเปอเรเตอร์ในประเทศไทยนั่นเอง  โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟน ต่างก็มีความคาดหวังด้านคุณภาพที่ได้รับจากผู้ให้บริการเครือข่าย ทั้งเรื่องของความเร็ว, ปริมาณ, ความเสถียร และสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องในงบประมาณที่ไม่บานปลาย ซึ่งเอไอเอสเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการให้บริการด้านอินเตอร์เน็ตบนมือถืออย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด อีกทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มในการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่ให้ความแปลกใหม่และได้รับคุณภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น AIS SUPER WiFi หรือเครือข่ายล่าสุดในชื่อ  “NEXT G”

 

โดยเมื่อช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา เอไอเอสเปิดตัว เครือข่าย AIS NEXT G  ที่เป็นเทคโนโลยีควบรวมความเร็วระหว่างเทคโนโลยีมือถือ AIS 4G ADVANCED และ AIS SUPER WiFi เข้าด้วยกัน ทำให้กลายเป็นเครือข่ายใหม่ความเร็วสูงสุด 1 Gbps ครั้งแรก! ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในช่วงเปิดตัวนั้นยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่นในเรื่องของดีไวซ์ที่รองรับและความครอบคลุมพื้นที่ใช้งานได้จริงของตัว NEXT G  ซึ่งล่าสุด ในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2561 เอไอเอสออกมาประกาศความพร้อมการให้บริการบนดีไวซ์อื่น ๆ ให้ครอบคลุมเพิ่มมากขึ้นเป็นที่เรียบร้อย โดยเปิดตัวแอปพลิเคชัน “NEXT G” ที่จะทำให้ลูกค้า ที่ใช้ดีไวซ์บนระบบ Android version 7.0 ขึ้นไป สามารถเข้าถึงเครือข่ายที่เร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในปัจจุบัน เอไอเอสพร้อมให้บริการ NEXT G  ซึ่งครอบคลุมแล้วทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยลูกค้าสามารถใช้  NEXT G ในพื้นที่ที่ให้บริการ AIS 4G Advanced และ AIS Super WiFi ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน อาทิเช่น ในห้างสรรพสินค้า, ซูเปอร์สโตร์ชั้นนำ, ช้อปปิ้งมอลล์, หรือในมหาวิทยาลัย เป็นต้น

 

สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ  ถ้าพื้นที่ไหนมี AIS Super WiFi และ AIS 4G Advanced อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ก็คือพร้อมใช้ NEXT G ได้นั่นเอง

 

สำหรับสมาร์ทโฟนที่รองรับเครือข่าย NEXT G จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท  ได้แก่สมาร์ทโฟนที่รองรับ NEXT G แบบ Embedded  หรืออธิบายง่าย ๆ คือสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ NEXT G ในตัวเมนูการตั้งค่าของตัวเครื่อง  โดยที่ไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยสมาร์ทโฟนกลุ่มนี้ก็คือพาร์ทเนอร์ที่ร่วมบุกเบิกพัฒนาโครงข่าย  NEXT G กับเอไอเอสในช่วงต้นนั่นเอง ประกอบไปด้วย Galaxy S7 / S7 Edge, Galaxy S8 / S8 Plus, Galaxy S9 / S9 Plus, Galaxy Note 8, Note FE, Galaxy A8 / A8+ และ LG G6 ส่วนแบรนด์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Huawei, OPPO, Vivo, Xiaomi ฯลฯ ก็สามารถใช้งาน NEXT G ได้เช่นกัน โดยมีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวก็คือ ต้องรันอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 ขึ้นไป และดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน NEXT G มาติดตั้งให้เรียบร้อยก่อนใช้งาน

หรือสามารถตรวจเช็คได้ง่าย ๆ ว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้งานอยู่นั้นรองรับ NEXT G หรือไม่ ด้วยการกดที่เบอร์ *987# แล้วโทรออก

 

รายละเอียดแพ็กเกจ AIS NEXT G

 

ปัจจุบันลูกค้าเอไอเอสที่ใช้งาน 4G Max Speed ตั้งแต่ 799 บาท ขึ้นไป สามารถใช้ Next G ได้ไม่จำกัด

สำหรับลูกค้าเอไอเอสที่ใช้งานแพ็กเกจหลักอื่น ๆ หรือระบบเติมเงิน สามารถสมัครแพ็กเกจเสริม NEXT G ได้ทั้งแบบรายวัน/รายสัปดาห์ / 30 วัน

 

รายละเอียดเกี่ยวกับแพ็กเกจ AIS NEXT G สามารถดูได้ที่ http://www.ais.co.th/nextg

 

 

เตรียมความพร้อมก่อนใช้งานจริง

หลังจากที่สมัครแพ็กเกจ NEXT G เป็นที่เรียบร้อย สำหรับเครื่องที่มีฟีเจอร์ NEXT G แบบ Embedded สามารถใช้งาน NEXT G ได้อย่างสะดวกง่ายดาย โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. เชื่อมต่อ AIS Super WiFi และเปิดใช้งาน Mobile Data
  2. เข้าไปที่เมนูการตั้งค่าของตัวเครื่อง เลือกที่เมนู NEXT G
  3. คลิ๊กเพื่อเปิดใช้งาน

เมื่อเชื่อมต่อโครงข่าย NEXT G ได้แล้ว จะมีโลโก้ NEXT G  ที่แถบการแสดงผลด้านบนของตัวเครื่อง

 

สำหรับเครื่องที่ไม่มีเมนู NEXT G แบบฝัง Embedded สามารถใช้งานเครือข่าย NEXT G ได้เช่นกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

เข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น NEXT G ในเพลย์สโตร์ ทำการติดตั้งให้เรียบร้อย

1. เปิดใช้งาน Mobile Data
2. เปิดการเชื่อมต่อ  AIS SUPER WiFi และทำการ Login
3. เข้าแอปพลิเคชัน AIS NEXT G โดยกรอกหมายเลขโทรศัพท์ และกดตกลง
4. ใส่รหัส OTP ที่ได้รับจาก SMS และกดตกลง
5. เปิดเมนู NEXT G (Turn On)
6. สังเกตสัญลักษณ์ NEXT G ตรงมุมบนซ้ายของหน้าจอ

 

 

ทดสอบภาคใช้งานจริงของ NEXT G

ทดสอบบนสมาร์ทโฟน OnePlus 5T ที่ติดตั้ง แอปพลิเคชั่น NEXT G

 

ทดสอบบนสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S9+ ที่มี NEXT G แบบฝัง Embedded

ผมมีโอกาสได้ไปทดสอบ AIS NEXT G ในหลาย ๆ พื้นที่ ไม่ว่าเป็นฝั่งธน (The Mall ท่าพระ) พื้นที่ในใจกลางเมือง เซ็นทรัลเวิลด์, สยาม, พารากอน, เอ็มควอเทียร์ ฯลฯ รวมไปถึงย่านชานเมืองอย่าง ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต โดยส่วนใหญ่ความเร็วที่ได้จากเทคโนโลยีควบรวม AIS 4G ADVANCED กับ AIS SUPER WiFi เข้าด้วยกันจนกลายเป็น NEXT G จะมีความเร็วอยู่ในระดับที่สูงกว่า 300Mbps ขึ้นไป ซึ่งแน่นอนว่าความเร็วที่ได้นั้นเหนือกว่าความเร็วจากการเชื่อมต่อ 4G หรือ WiFi เพียงอย่างเดียว แต่ทั้งนี้ความเร็วที่ได้รับ อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ รวมไปถึงช่วงเวลาและปริมาณของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในขณะนั้น ๆ ด้วยนะครับ

สำหรับความเร็ว NEXT G แบบ Embedded และแบบติดตั้งแอปพลิเคชั่นในภายหลังนั้นแทบจะไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ องค์ประกอบหลัก ๆ คือ สเปคทางด้าน Hardware ของตัวชิปเซ็ตที่รองรับการดาวน์โหลด/อัพโหลดได้สูงสุด ซึ่งถ้าสเปคเท่าหรือใกล้เคียงกันความเร็วที่ได้จะไม่แตกต่างกันมากนัก ที่เหลือก็จะเป็นเรื่องของพื้นที่ ที่เรานำไปใช้งาน ความหนาแน่นในปริมาณการใช้ Data ของช่วงเวลาต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลในด้านความเร็วที่อาจจะได้รับความแตกต่างกันไปนั่นเองครับ

 

“ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด กับ AIS NEXT GENERATION NETWORK”

NEXT G ให้สิ่งที่มากความเร็วทางด้านตัวเลข….

ด้วยความเร็วแรงของเครือข่าย NEXT G ทำให้สามารถยกระดับการใช้งานด้านเอนเตอเทนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมไปถึงรองรับเทรนด์ที่กำลังจะมาในอนาคต เช่นการสตรีมคอนเทนต์ที่มีความละเอียดสูงในระดับ 4K และ 8K  ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ต้องการเทคโนโลยีเครือข่ายความเร็วสูงมารองรับ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดอาการสะดุดติดขัดในขณะใช้งานนั่นเอง

 

 

ในปัจจุบันเทรนด์การรับชมคอนเทนต์ มีทั้งแบบการดูย้อนหลัง บางทีก็มีแบบไลฟ์สด ฉะนั้นด้วยความเร็วของเครือข่าย NEXT G จึงสามารถมอบ Experience ที่สุดยอดให้แก่ผู้ใช้งาน ทำให้สามารถรับชมคอนเทนต์ความละเอียดสูง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีอาการสะดุดติดขัดให้หงุดหงิดใจในขณะใช้งาน

ลองทดสอบการรับชม Youtube ในระดับความละเอียด 4K พบว่าให้ความเร็วแบบต่อเนื่องที่ดีมาก และเมื่อทำการ forward / backward หรือการเลื่อนเพื่อเลือกช่วงเวลาที่ต้องการดู พบว่ามีการรอโหลดที่น้อยมาก ๆ รวมไปถึงการรับชมภาพยนต์จาก Netflix ก็แทบไม่ต้องรีโหลดเมื่อทำการ  forward / backward ในขณะรับชมเช่นกัน จากการใช้งานจริงขอบอกเลยว่าด้วยความเร็วของ NEXT G ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับชมคอนเทนต์ความละเอียดสูง ๆ ได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น

 

แถมการดาวน์โหลดเพื่อมารับชมแบบออฟไลน์ก็ใช้เวลาเพียงนิดเดียวครับ โดยผมลองดาวน์โหลดหนังที่มีขนาด 1.9GB ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ซึ่งต้องบอกว่าเร็วมาก ๆ เลยครับ

ชมคลิปทดสอบจริงได้ที่ท้ายบทความ 

 

 

NEXT G ไม่ได้ตอบโจทย์เฉพาะด้านความบันเทิงเพียงอย่างเดียว

นอกจากการใช้งานด้านความบันเทิงแล้ว ประโยชน์ของเครือข่าย NEXT G ยังสามารถตอบโจทย์ด้านการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งในปัจจุบัน หลายบริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานบางแผนกสามารถทำงานนอกสถานที่ได้แบบอิสระ  เรียกว่าไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน แค่มีเน็ต มีสมาร์ทโฟน ก็ทำงานได้ในทุก ๆ สถานที่ สำหรับงานบางประเภทที่ต้องใช้การดาวน์โหลด/อัพโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ๆ ระดับกิกะไบต์ขึ้นไป แน่นอนว่าความเร็วของ 4G หรือ Wifi เพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เท่าเน็ตบ้านอย่างแน่นอน ตรงนี้ NEXT G จึงเข้ามาเติมเต็ม โดยเราสามารถดาวน์โหลด/อัพโหลดไฟล์ขนาดใหญ่มาทำงานนอกสถานที่ได้เลย ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ หรือกลับไปทำงานที่บ้านแต่อย่างใด ยกตัวอย่างง่าย ๆ ผู้เขียนเองก็ทำงานด้าน Video เวลาที่จะอัพโหลดไฟล์ขึ้นไปบน Youtube ก็ต้องใช้เน็ตบ้านแรง ๆ และมีความเสถียร แต่ด้วยความแรงของเทคโนโลยี NEXT G ไม่ว่าจะดาวน์โหลดหรืออัพโหลดก็สามารถรองรับการทำงานได้อย่างไม่มีปัญหาครับ

 

ทดสอบดาวน์โหลดไฟล์ ขนาด 2.4GB จาก Google Drive ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที

ชมคลิปทดสอบจริงได้ที่ท้ายบทความ

 

 

รับชมการทดสอบจริงในรูปแบบคลิปวีดีโอกันต่อได้เลยครับ

 

 

 

 

 

สรุป AIS NEXT G

จากการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตประเทศไทยปี 2561 พบคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตนานขึ้นเฉลี่ย 10 ชั่วโมง 5 นาทีต่อวัน ขณะที่การรับชมวีดีโอสตรีมมิ่ง เช่น YouTube หรือ Line TV มีชั่วโมงการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ชม.​ 35 นาทีต่อวัน  การเปิดให้บริการ AIS NEXT G จึงเป็นเทคโนโลยีที่ออกมาตอบโจทย์การใช้งานของยูซเซอร์ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว  ซึ่งการรับชมวีดีโอบนสมาร์ทโฟนนั้นถือว่าเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งอยู่ใน ณ ขณะนี้  ไม่ว่าจะเป็นการดูสดแบบไลฟ์สตรีมมิ่ง หรือการรับชมคอนเทนต์ความละเอียดสูง ๆ  ทั้งแบบดูย้อนหลังหรือดาวน์โหลดมาดูแบบออฟไลน์ โครงข่ายความเร็วสูงจึงเป็นทางเลือกที่ดูลงตัวที่สุด เพราะนอกจากการใช้งานด้านความบันเทิงได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว การใช้งานในรูปแบบ Work office online ก็ยังตอบโจทย์คนหนุ่มสาวในยุคนี้ได้อีกด้วย

สรุปส่งท้าย จากการที่ผมได้ไปทดสอบความเร็วของ AIS NEXT G ในหลาย ๆ พื้นที่ ในด้านความเร็วที่ได้ในแต่ละพื้นที่นั้นไม่เท่ากันอย่างแน่นอน เพราะว่ามีปัจจัยที่ส่งผลในหลาย ๆ ด้าน อาทิเช่น เทคโนโลยีรวมไปถึงสเปคทางด้าน Hardware ภายในของตัวสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นที่นำมาทดสอบใช้งาน, ปริมาณและความหนาแน่นของผู้ใช้งานในสถานที่นั้น ๆ ความแรงของภาคส่งสัญญาณ AIS 4G Advanced และ AIS Super WiFi รวมไปถึงสัญญาณรบกวนและการอยู่ในบางพื้นที่ ที่อาจจะเป็นมุมอับ ทำให้ภาครับ/ส่งสัญญาณนั้นดรอปลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ในภาพรวมความเร็วที่ได้จาก  AIS NEXT G นั้นอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่สูงกว่าการใช้ 4G หรือ Wi-Fi เพียงอย่างเดียวแบบสัมผัสได้จริง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมมิ่งรับชมคอนเทนต์ความละเอียดสูง ๆ การดาวน์โหลด/อัพโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ระดับระดับกิกะไบต์ขึ้นไป  ซึ่ง AIS NEXT G นั้นตอบสนองการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนอกสถานทีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านบันเทิงหรือการทำงาน AIS NEXT G คือเครือข่ายที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของเครือข่ายในยุคนี้ได้อย่างแท้จริงครับ



ถูกใจบทความนี้  22