รีวิว Nokia 2.1 แบดอึด ลำโพงสเตอริโอ และ Android Go แท้ๆ

ก่อนหน้านี้ Nokia ออก Android Go มารุ่นนึงก็คือ Nokia 1 เป็นรุ่นแรกที่ขายในไทย และในปีนี้ Nokia 2.1 ก็ตามมาด้วย Android Go เช่นเดียวกัน คอนเซ็ปท์ก็คือ สเปคเบาก็จริง แต่ใช้งานลื่นสุด โดยจุดเด่นของ Nokia 2.1 ในคราวนี้คือหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว และยังรองรับเรื่องมัลติมีเดียด้วยลำโพงคู่หน้า ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในราคาเบาแบบนี้นะ

สำหรับ Nokia เป็นแบรนด์แรก ที่พา Android Go เข้ามาในไทยด้วย Nokia 1 และนี่คือรุ่นต่อยอด Nokia 2.1 ที่มีหน้าจอใหญ่กว่า ดีกว่า Nokia 2 เดิม และมาพร้อมกับ Android Go ซึ่งต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า Android Go ใช้สเปคต่ำ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องอัดสเปคมาเยอะ ทำให้เจ้า Nokia 2.1 ออกมาตอบโจทย์ การใช้งานทั่วไป ไม่ได้เน้นเล่นเกมนะจะบอกให้

มาดูสเปคเล็กๆ ของเจ้า Nokia 2.1 กันครับ

● จอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 16:9 ,ฝาครอบกระจกเคลือบ anti-FP
● ซีพียู Snapdragon 425
● แรม 1GB LPDDR3
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 8GB รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card สูงสุดที่ 128GB
● กล้องหลัง 8MP +Flash LED
● กล้องหน้า 5 MP Fix Focus
● รองรับ 3G/4G ทุกคลื่นความถี่ในไทย SIM Dual Nano SIM
● การเชื่อมต่อ 802.11 a/b/g/n, Bluetooth® 4.2, GPS/AGPS+GLONASS+Beidou
● แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh
● ขนาดตัวเครื่อง 153.6 x 77.6 x 9.67 มม.
● น้ำหนัก xxx กรัม
● ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 (Oreo) Go Edition
● ราคาวางจำหน่าย 3,390 บาท

แกะกล่องครับ

ตัวกล่องรูปทรงเดิมๆ ตามเทรนด์ Nokia โดยมีรูปตัวเครื่อง Nokia 2.1 พร้อมทั้งภายใต้กรอบหน้าจอเครื่องจะมีรูปมือจับกัน คอนเซ็ปท์ดีๆ ที่ Nokia ยังคงเก็บเอาไว้เหมือนเดิม ส่วนด้านหลังมีสเปคเบื้องต้นที่ควรรู้เอาไว้ครบ

อุปกรณ์ในกล่อง มีให้ครบนะครับ เป็นแบรนด์นึงที่ยังคงมีหูฟังให้ ซึ่งคนที่ซื้อเครื่องส่วนใหญ่อยากจะพร้อมใช้งานทุกด้านและหูฟังในปัจจุบันก็ยังคงเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่สำคัญนะ

ตัวอะแดปเตอร์ก็ผลิตออกมาได้มาตรฐานสากลมีโลโก้รองรับ รับรองระดับสากล

ด้วยหน้าจอระดับ 5.5 นิ้ว และอัตราส่วน 16:9 ทำให้มีการแสดงผลหน้าจอเพิ่มขึ้นจากเดิม Nokia 2 อยู่พอสมควร จริงๆ Nokia 2 เดิมจะมีหน้าจอที่ 5 นิ้วด้วย แต่มาปีนี้ Nokia 2.1 ทำออกมาอัพเกรดหน้าจอให้ใช้งานดีสบายตาขึ้น


ด้านหน้าให้กล้องมา 5 ล้านพิกเซล แต่ทว่าเป็นแบบเลนฟิกซ์ ดังนั้นเรื่องระยะการถ่ายกล้องด้านหน้าจะต้องเรียนรู้การใช้งานอยู่พอสมควร แต่ที่มาพร้อมกับ


ลำโพงด้านหน้าคู่ ที่ให้พลังเสียงสเตอริโอ ที่หาได้ไม่ง่ายในรุ่นราคาประหยัด ซึ่งลงตัวมาก เพราะมีทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้วและลำโพงคู่หน้าแบบนี้มัลติมีเดีย ดูหนังฟังเพลง ได้สบายใจ

น้ำหนักการจับถือ ยังมั่นใจได้ว่า Nokia ผลิตเครื่องที่มีคุณภาพ และแข็งแรง ไม่ให้เสียชื่ออย่างแน่นอน สีตัวเครื่องคือตรงฝาหลังนี่ล่ะครับ ที่จะเป็นสีน้ำเงินเข้ม ส่วนขอบตัวเครื่องและขอบเลนส์กล้องเป็นสีทองแดง ตัดกันสวยงาม


ตัวกล้องขนาด 8 ล้านพิกเซล มีแฟลชในตัว ก็พร้อมใช้งานส่วนคุณภาพไว้ดูภาพถ่ายตัวอย่างด้านล่างกันอีกที

ขอบตัวเครื่องเป็นสีทองแดงดูเด่น ส่วนการวางปุ่มและพอร์ท micro USB ยังคงมาตามคอนเซ็ปท์ Android ทั่วๆ ไป และยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. อยู่นะครับ

ฝาสามารถแกะได้ แต่ก็เป็นรอยได้ง่ายเช่นกัน แต่ก็สามารถเปลี่ยนฝาหลังได้นะ เป็นข้อดีสำหรับเครื่องที่แกะฝาหลังได้ และในยุคนี้ก็หารุ่นที่แกะฝาหลังได้ยากแล้ว แต่ถึงจะแกะฝาหลังได้ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแบตได้เอง อันนี้ก็เป็นอีกเทรนด์นึงที่น่าเสียดาย ที่การเปลี่ยนแบตเองอันแสนสะดวกในยุคก่อนได้หายไป ต้องเข้าศูนย์อย่างเดียว ซึ่งกว่าแบตจะเสื่อมก็คงหลายปีแล้ว ประกันหมด โดนชาร์จค่าซ่อมแน่นอน ซึ่งเป็นเหมือนกันทุกแบรนด์ อันนี้สบายใจได้

เนื่องจากเครื่องมีขนาดใหญ่ ทำให้แบ่งพื้นที่ในการใส่ซิมได้ 2 ใบพร้อมกัน พร้อมทั้งใส่ micro SD ได้ด้วย สำหรับคนที่พก 2 เบอร์ก็สบายเลย ส่วนความจุในเครื่องไม่พอก็ใส่เมมเพิ่มได้ ก็เป็นอีกจุดนึงที่ออกแบบมาได้เหมาะกับการใช้งาน แน่นอนว่ารองรับ 4G ทุกค่ายในไทย

ตัวการใช้งาน softkey ยังคงอยู่ Nokia ยังไม่เปิดให้ใช้งานแบบไร้ปุ่มกด ซึ่งบางแบรนด์ในปีนี้เปิดการใช้งานไร้ปุ่มกดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งข้อดีก็คือได้พื้นที่การแสดงผลเพิ่มขึ้นมานั่นเอง


ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Android Go ที่ต้องบอกว่าตอนนี้ก็ยังมีแอพรองรับไม่มาก ส่วนใหญ่จะมีเฉพาะแอพของ Google เท่านั้น ซึ่งก็คงเพียงพอกับการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าต้องการใช้งานเพิ่มเติมล่ะก็ อาจจะต้องโหลดแอพทั่วๆ ไปมาซึ่งจะมีขนาดใหญ่ และต้องจัดการเรื่องพื้นที่ในการจัดเก็บให้ดี

กล้องด้นหน้าและกล้องด้านหลัง มีเมนูคล้ายกัน ก็ยังดีที่ให้การตั้งค่าเองมาทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง  ส่วนฟีเจอร์ก็ไม่ได้มีอะไรมาก กล้องหลังจะมีโหมดหน้าสวย และ HDR เป็นพื้นฐาน

ตัวอย่างภาพถ่าย

ภาพถ่ายย้อนแสง

 

แบบเปิด HDR ดูดีขึ้นทันที

เปิด HDR แล้วสีสดขึ้นด้วย

 

ภาพบุคคลก็ยังพอไหว ในที่แสงสว่างเพียงพอนี่สู้ไม่ถอยเหมือนกัน

ภาพนี่มักจะใช้ทดลองกล้องหลายๆ รุ่น ไม่มีอะไรมากกว่าหน้ายักษ์

ภาพดอกไม้ที่กล้องระดับนี้ทำได้ดีเลยทีเดียว

สภาวะแสงน้อยหรือกลางคืนก็นะ มือต้องนิ่งหน่อย

กล้องด้านหน้า ด้านบนเปิดโหมดหน้าสวยแล้ว กับด้านล่างที่ไม่ได้เปิด ตรงกล้องด้านหน้านี่เลนส์ฟิกซ์นะ ต้องเรียนรู้ระยะการถ่ายหน่อย

วีดีโอแกะกล่องแนะนำเบื้องต้น

 

สรุปการใช้งาน Nokia 2.1

จากที่ใช้งานมาสองสามอาทิตย์ ก็พบว่า Nokia 2.1 เหมาะกับการใช้งานทั่วไป และมัลติมีเดีย ลำโพงคู่ที่เสียงดังฟังชัด ดูหนังฟังเพลงได้ครบ แต่ยกเว้นเล่นเกม ผ่านเครื่องนี้ไปได้เลย ส่วนตัว UI ก็มาพร้อมกับ UI พื้นๆ ใช้งานได้รวดเร็วตามคอนเซ็ปท์ของเขานั่นล่ะครับ ไว้ใจ Nokia ได้เลย โดยภาพรวมคือ Android Go ยังมีแอพที่ขนาดเล็กๆ น้อย ถ้าต้องใช้แอพเฉพาะทางหรือแอพที่โหลดตามสโตร์ในปัจจุบัน จะมีขนาดหลักหลายร้อย MB ทำให้พื้นที่หมดไวถึงแม้ว่าจะแก้ไขโดยการใส่เมมโมรี่เพิ่มแล้วก็ตามที มันก็ไม่เหมาะกับ OS ที่ออกแบบมารองรับแอพที่มีขนาดเล็ก อย่าง faecbook ต้องใช้ facebook lite แทน ถึงจะเหมาะกับการใช้งาน  จะมีเรื่องกล้องชัดเตอร์ที่อาจจะไม่ทันใจนัก ใช้ระยะเวลาการจัดเก็บหมุนอยู่แป๊ปนึง รวมถึงเวลาเก็บภาพด้วย ยิ่งในเวลากลางคืนมือต้องนิ่งหน่อย ส่วนอื่นๆ ทั้งด้านดีไซน์และคุณภาพ ที่ผมว่า Nokia ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ทว่าเจ้า Nokia 2.1 ที่ออกมาตอนนี้ มีราคาที่ 3,390 บาท ซึ่งราคาระดับนี้ถ้าเทียบสเปคแล้วก็มีตัวเลือกแบรนด์อื่นๆ ให้เลือกพอสมควรสเปคดีกว่าแน่นอน ซึ่งหากใครมอง Nokia 2.1 ล่ะก็ ก็คงเป็นแฟนบอยอยู่พอสมควรระดับนึงเลยล่ะครับ เอาเป็นว่าเป็นอีกทางเลือกนึงของคนชอบ Nokia ก็แล้วกันนะ



ถูกใจบทความนี้  60