รีวิว Fitbit Versa Smartwatch ที่สวยงามไร้ที่ติ

สำหรับ Fitbit Versa เป็นรุ่นนึงที่ออกมาสักพักใหญ่ โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เป็น Smartwatch ถัดจากรุ่น Fitbit Ionic นั่นเอง โดยหลักแล้วทำงานแทบเหมือนกันหมด แค่ไม่มี GPS ในตัวต้องอาศัย GPS จาก Smartphone ในการใช้งาน ที่เหลือคือมาครบ จัดเต็ม และอีกทั้งออกแบบมาเป็นเรือนเล็ก เหมาะกับการใช้งานสำหรับคุณผู้หญิง พร้อมตัวสายที่สวยงามอีกต่างหาก

   สำหรับ Fitbit Versa มีฟีเจอร์ตามนี้เลยจ้า

– ดีไซน์ & วัสดุพรีเมี่ยมผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมที่น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง

– หน้าจอระบบสัมผัส สว่างและคมชัดสูง กระจกคุณภาพสูง Corning Gorilla Glass 3

– เก็บเพลงบนนาฬิกาได้มากถึง 300 เพลง โดยฟังเพลงจากหูฟังบลูทูธ

– เลือกเปลี่ยนสายได้สะดวกไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือใดๆ

– แบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็มใช้งานได้สูงสุดถึง 4-5 วัน

ติดตามสุขภาพ

– วัดชีพจรด้วยเซ็นเซอร์ PurePulse จากข้อมือได้ตลอด 24 ชั่วโมง

– ติดตามกิจรรมระหว่างวัน ก้าวเดิน, แคลอรี่เผาผาญ, ระยะทาง ฯลฯ

– ติดตามสุขภาพคุณผู้หญิง บันทึกระยะเวลาติดตามการตกไข่ (Female Health Tracking) ใช้งานได้เร็วๆนี้

– ติดตามคุณภาพการนอนหลับด้วย Sleep Stage รับข้อมูลเชิงลึกของการนอน

– แจ้งเตือนให้แอคทีฟตลอดทั้งวัน ด้วยระบบ Reminders To Move

การใช้งาน

– ระบบปฏิบัติการ Fitbit OS ใช้งานแอพเสริมใหม่ๆจาก Fitbit Labs และ ผู้พัฒนาทั่วโลก

– ปรับเปลี่ยนหน้าปัดใหม่ๆเพื่อเข้ากับไลฟ์สไตล์จาก Fitbit app

– ใช้งานคู่กับ Fitbit app ลงตัวกับ IOS/Android/WindowPhone

– แจ้งเตือนสายเรียกเข้า, ข้อมความ และ แอพต่างๆ (ตอบข้อความกลับใน Android เร็วๆนี้)

มาแกะกล่องกันก่อนเลยครับ

อุปกรณ์ที่มีให้ก็ตามนี้เลย โดยเจ้า Fitbit Versa มีสายให้เลือกเป็นสีต่างๆ และเรือนนี้คือสายสีสีม่วง ตัวเรือนเป็นสีโรสโกลด์ ตัวสายมีติดกับตัวเรือนมา 1 เส้น อีกสองเส้นเป็นสายขนาด L และมีเส้นนึงเป็นสีดำ

สำหรับการชาร์จเจ้า Fitbit Versa จะมีแท่นชาร์จจะต่างจาก Ionic ที่เป็นสายชาร์จอย่างเดียว แต่แท่นชาร์จก็มีนะครับต้องหาซื้อเพิ่มเอา

ข้อดีของสายรุ่นใหม่ๆ ทั้ง Fitbit Versa เอง ออกแบบมาให้ถอดเปลี่ยนเองได้ง่าย ถ้าเราไปถูกใจตามห้าง อยากเปลี่ยนสายทำได้ทันที

มาดูตัวเรือนกันหน่อยครับ ตัวหน้าจอแสดงผลเป็นสีความละเอียดสูง รองรับการใช้งานแอปต่างๆ เพียบ

ที่ด้านหลังตัวเรือนจะมีเซ็นเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมตัวหน้าสัมผสสำหรับใส่กับแท่นชาร์จเพื่อชาร์จแบตนั่นล่ะเอง

ด้านข้างมีปุ่มกดคอนโทรลสองปุ่ม สำหรับกดยืนยันและกดย้อนกลับเมนู

อีกด้านก็มีปุ่มกดคอนโทรลเช่นกัน สำหรับปิด หรือเปิดหน้าจอ และสั่งล็อค


ตัวสายเป็นสีม่วงสายงาม เหมาะกับคุณผู้หญิงจิงๆ ตัวเรือนสีโรสโกลด์กับสายสีม่วงลาเวนเดอร์นี่


ถ้าสายไม่พอดีมีเปลี่ยน อันนี้เค้าไม่ลืมใส่มาให้ในกล่อง แต่ถ้าคุณผู้ชายจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ก็จะมีแค่ขนาดเดียวนะ

มาดูใส่ช้งานจริงกันครับ

   สำหรับเรื่องการแทรคต่างๆ Fitbit ทำได้ดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องกีฬาก็มีเกือบครบ อาจจะไม่ได้แอดวานซ์มากนัก แต่ก็ถือว่าใช้งานครอบคลุมมครบทุกการออกกำลังกายนะ วิ่ง ว่าย ปั่น นี่เบสิคมาก การแทรคการออกกำลังกายก็ค่อนข้างครบ ยกเว้นเรื่องวิ่งและปั่น หากอยากได้แผนที่ว่าปั่นไปไหนยังไง และเก็บรายละเอียดก็ต้องซิงค์ GPS เข้ากับ Smartphone คือต้องถือ Smartphone ติดตัวไปด้วยนั่นเอง แม้ว่าเจ้า Fitbit Versa จะจุเพลงได้ แต่หากต้องการใช้งานแบบ Outdoor ก็ยังต้องพก Smartphone อยู่ดี

เรื่องของการกันน้ำ ก็กันได้ในระดับที่ใส่ว่ายน้ำหลายอาทิตย์แล้วยังไม่เสีย ก็แสดงว่ากันได้จริง ถ้าใส่อาบน้ำปกติก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ส่วนของซอฟท์แวร์ จะเหมือนกับ Fitbit Ionic แต่ก็แอบแปลกใจที่เวลาแทรคนอนแล้วมันขึ้นกราฟสองแบบ ส่วนแทรคเรื่องของหัวใจ ขณะพักผ่อนปกติ แต่พอออกกำลังกาย จะขึ้นโอเว่อร์จนน่าแปลกใจ สังเกตคือจะเป็นทั้ง Fitbit Ionic ก่อนหน้านี้ รวมถึงเจ้า Fitbit Versa เองด้วย

ตัวรีพอร์ทว่ายน้ำ จะมีบอกด้วยว่าเราว่ายท่าอะไร

ตัวอย่างหัวใจ ระหว่างการพักผ่อนเฉลี่ยในแต่ละวัน ดูรายงานเพิ่มเติมได้ที่ รีวิว Fitbit Ionic สุดยอด Smart Sport Watch เป็นรายงานหน้าตาเดียวกัน

สรุปการใช้งาน Fitbit Versa

    สำหรับเจ้า Fitbit Versa ที่ใช้มาสักพักใหญ่ ด้านวัสดุการออกแบบคงไม่ต้องห่วงตอบโจทย์เรื่องความสวยงามอยู่แล้ว และพบว่าใช้งานได้ครบถ้วนตามฟีเจอร์ที่มี เรียกว่าคุ้ม ฟังเพลงได้โดยไม่ต้องพึ่ง Smartphone แบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 5 วัน แล้วแต่การช้งาน ดีที่ไม่มี GPS ทำให้ไม่เปลืองแบตมากนักเวลาออกกำลังกาย ล่าสุดยังสามารถใช้งานจ่ายเงินผ่าน Fitbit Pay ได้อีกด้วยเป็นบริการที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง เรียกว่าใช้งานตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันพื้นฐานได้ครบ ทั้งเวลาปกติและออกกำลังกาย ซึ่งตัวความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างเช่นลงแอปเพิ่มเติมได้ อันนี้มีให้เลือกเพียบ ทั้ง watch face เองและแอปที่เกี่ยวกับการใช้งานต่างๆ มากมาย เรียกว่าเป็นการต่อยอด ล่าสุด Fitbit OS3.0 ก็เพิ่งอัปเดทเสียด้วย  แต่ยังคงไม่ได้เน้นด้านออกกำลังกายแบบลึกๆ มากนัก อาศัยครบจบในเรือนเดียว นั่นเอง



ถูกใจบทความนี้  74