และแล้วก็มาถึงวันที่ Huawei P30 Pro จะเปิดราคาในบ้านเราวันนี้ ผมขออนุญาต เอามาแกะกล่องและดูรอบๆ ตัวเครื่องกันก่อนละกันครับ กับเจ้า Huawei P30 Pro สีดำ ที่เป็นสีพื้น แต่ก็ยังสวยได้ใจ แต่ก็แอบสนใจ Breathing Crystal นี่ล่ะที่โดนใจ สำหรับเจ้า Huawei P30 Pro ก็น่าสนใจตรงกล้องที่เรียกว่าเปลี่ยนเทคนิคการถ่ายภาพจากมาตรฐานเดิมๆ ที่ใช้กันอย่าง RGB กลาเยป็น RYYB ไปซะอย่างนั้น ซึ่งทำให้การถ่ายภาพสว่างขึ้นมากกว่าทุกรุ่นในตลาด ณ ตอนนี้
มาแกะกล่องกันครับผม กล่องเป็นสีขาวตามสไตล์ Huawei เค้าล่ะ แต่ทว่าด้านหน้ามีบอกชัดเจนว่าเป็น QUAD Camera นะ
ด้านในก็มีอุปกรณ์ตามนี้เลย มีเคสกันรอยมาให้เรียบร้อย พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ครบถ้วน
งานนี้มี Super Charge ที่ 40W รับรองว่าใช้งานได้หายห่วง แบต 4200 mAh จัดเต็ม ชาร์จเร็วไม่พอ ยังแบ่งพลังงานให้เพื่อนได้อีกด้วย
เคสที่แถมมาให้ก็ยืดหยุ่นได้ดี เป็นเคสใส ใส่แล้วก็โชว์ความเป็น Huawei P30 Pro ได้แบบจัดเต็ม
แกะมาปุ๊ปใส่เคสทันที กลัวเครื่องเป็นรอย แสดงความใส และสวยของเจ้า Huawei P30 Pro เค้ามีให้เลือก 5 สี ต้องดูว่าเปิดขายในบ้านเรามีสีอะไรให้เลือกบ้าง แต่เชื่อว่าสีอย่าง Amber Sunrise น่าจะมา รวมถึง สีอื่นๆ เช่น Breathing Crystal, Pearl White และ Aurora ก็ไม่น่าพลาดนะ แต่ถ้าไม่รู้จะเลือกสีไหนก็แนะนำสีดำนี่ล่ะ คลาสสิคเข้าได้กับทุกยุคทุกสมัย
หลังๆ ตัว Pro นี่เรียกว่าเป็นน้องๆ Mate ซีรีส์เลย หน้าจอ 6.47 นิ้ว เต็มตา อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด FHD+ 2340×1080 พิกเซลเป็น OLED ภาพแจ่มแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่ผมไม่ถนัดก็คือหน้าจอโค้งนี่ล่ะ ก็ยังเป็นเทรนด์ของเรือธงในปีที่ผ่านๆ มา ปีนี้ก็ยังคงอยู่ แต่สำหรับ P30 จะเป็นหน้าจอแบบเรียบขอบธรรมดา อันนี้น่าโดนกว่าสำหรบผมนะ
ด้านหน้าไร้รอยบากขนาดใหญ่ เป็นติ่งหยดน้ำแทน ซึ่งก็เรียกว่าเป็นทิศทางการแสดงผลที่ดีในกว่าเดิมอย่าง Mate 20 ซีรีส์ ซึ่งผมรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็ตามที มาเป็นหยดน้ำยังพอรับได้หน่อย ซึ่งเป็นกล้องด้านหน้าที่ให้ความละเอียดมาที่ 32 ล้านพิกเซล f/2.0เรียกว่าจัดเต็มจริงๆ
ด้านหลังก็เป็นสีดำเงางาม นิดนึงก็คือเป็นรอยง่าย ขยันเช็ดหน่อย แม้ว่าจะไม่ได้ไล่เฉดสีเหมือนสีอื่นๆ แต่ก็คงความคลาสสิคไว้ได้ดีนะ
จุดเปลี่ยนที่สำคัญของ Huawei P30 Pro ก็คือเทคนิคเรื่องของการถ่ายภาพที่ใช้ RYYB นั่นล่ะครับ และกล้องก็เพิ่มคุณภาพขึ้นมาด้วย กล้อง 4 ตัว โดยมีความละเอียด 40 ล้านพิกเซล 27mm f/1.6 และมี OIS (optical image stabilization) ตัวที่สองความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์ ultra-wide (16mm) f/2.2 และความละเอียดที่ 8 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์เทเล ซูมออปติคอล 5x (125mm) พร้อม f/3.4 และมี OIS ,Hybrid Zoom 10X และ Digital Zoom 50X ตัวสุดท้ายคือ TOF ที่เอาไว้วัดความลึกนั่นเอง
ด้านข้างก็ดูเรียบๆ
แต่อีกด้านก็คือปุ่มกดซึ่งออกแบบมาเหมือน Mate 20 นะ มีสีแดงเด่นๆ เลยสำหรับปุ่มปิดและเปิดเครื่อง
ด้านบนที่มีอินฟราเดรในตัว ใช้เป็นรีโมตได้ด้วยนะ มีไว้ดีอันนี้แม้ว่าจะเก่าแต่เราก็ยังใช้งานกันอยู่
ด้านล่างเป็นพอร์ทต่างๆ แน่นอนว่ารองรับ Type-C เรีบร้อย รับชาร์จเร็ว ซึ่งก็เป็นเทรนด์ เพราะแบตใหญ่หากไม่มีชาร์จเร็วก็ลำบากนะ นี่ชาร์จไม่กี่นาทีก็หยิบไปใช้งานต่อได้เลย
ช่องใส่ซิมก็อยู่ตรงนี้แหล่ะ และรองรับ nano memory ด้วย
พอเปิดเครื่องแล้วก็ทำตามขั้นตอนปกติ มีอันนึงก็คือสแกนลายนิ้วมือ ที่ตอนนี้ย้ายตำแหน่งจาก Mate 20 ที่อยู่ตรงกลาง อาจจะกดยากหน่อย ตอนนี้มาอยู่ตรงด้านล่างแทน ผมว่ามันกดง่ายดีนะ แถมเค้าปรับปรุงให้สแกนได้เร็วขึ้นอีกด้วย
อีกอันคือสแกนใบหน้า ก็เร็วใช้ได้เหมือนเคยครับ
หลักๆ ก็คงเป็นกล้องด้านหลังกับการถ่ายภาพนี่ล่ะที่เป็นทีเด็ดสุดๆ ของเจ้า Huawei P30 Pro ซึ่งเราคงเอาไว้มาดูกันอีกที ตอนนี้จากที่ได้จับความรู้สึกก็คือ ไม่ต่างจาก Mate 20 Pro สักเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่ารอบนี้ไม่ได้เอา Mate 20 Pro มาเป็นตัวยืน เพราะเทคโนโลยีกล้องและการถ่ายภาพนี่เปลี่ยนไปพอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะความสว่างที่ถ่ายในตอนกลางคืน แบบต่างมาก ถ้าเทียบกับค่ายอื่นๆ แล้วก็ยิ่งต่างกันลิบลับเลย รวมถึงพวกการซูมต่างๆ อีกด้วย อันนี้ค่อยมาดูกันครับว่ายังไงกันบ้าง คุณภาพเป็นอย่างไร ถ่ายดีไหม และอื่นๆ
แต่วันนี้ก็คือเรื่องดีไซน์ สีสัน ผมว่าก็สอบผ่านล่ะ แม้แต่สีดำที่ดูพื้นๆ ก็สวยงามนะ ดูไม่มีเฉดสี แต่ก็สะท้อนแสงเงาวับวาวได้ใจเหมือนเดิม แต่ส่วนนึงก็คือเรื่องรอยนิ้วมือที่ยิ่งสวยก็ต้องดูแล คอยเช็ดถูกกันสักหน่อย วันนี้ก็มาแกะกล่องพรีวิวกันประมาณนี้ก่อนละกันครับ
You must be logged in to post a comment.