ไม่ได้มาคุยทางสาย Wearable สักพักแล้ว จะว่าไปก็ไม่ค่อยตื่นเต้นแล้วเหมือนกับ Smartphone ที่ตอนนี้แข่งกันแต่เรื่องกล้อง ความเร็วกับสเปคอื่นนี่ปกติ ที่ชูจุดเด่นกันก็กล้อง แต่ฟีเจอร์มันก็ใกล้เคียงกัน อาจจะมีเรื่องของ ความไวชัตเตอร์ การโปรเซสภาพที่ต่างกัน โดยแต่ละค่ายก็จะมีเอกลักษณะของตัวเอง อันนี้ก็คือแล้วแต่คนชอบเลย เลนส์ก็มีส่วนก็คลุกเคล้ากันไป รวมถึงเอา AI เข้ามาช่วยจัดการด้วย ก็มีทิศทางที่พัฒนาไปไม่หยุดยั้ง ส่วนด้าน Wearable ตอนนี้เองก็เช่นเดียวกัน ค่าย Garmin ที่เรียกว่าน่าจะเป็นค่ายหลักสำหรับสายสปอร์ต น่าจะมีกลุ่มคนใช้งานมากที่สุด ประเด็นนึงก็คือ มักจะได้ยินว่าประเทศไทยขายราคาแพงกว่า ตปท. ซึ่งก็จริง หลายคนที่ใช้งานบางส่วนก็สอยมาจาก ตปท. แต่ชัดเจนว่าไม่มีประกัน เข้าศูนย์ก็โดนตามระเบียบไป หรือซ่อมข้างนอกก็รับประกันตามนั้น ซื้อศูนย์อาจจะแพงกว่าก็จริงแต่ก็สบายใจกว่า จริงๆ ก็เหมือนกับหลายค่ายแหล่ะครับ เหมือนผมช้อปออนไลน์ จากจีนถูกกว่า แต่ต้องรับได้ว่าเรื่องประกันนี่เสี่ยง 100% แต่นั่นคือราคาไม่แพงมากถ้าหลักหมื่นนี่ก็อาจจะซื้อในไทยน่าจะคุ้มกว่าในระยะยาว
เข้าเรื่องเลยครับ งานนี้คือ Garmin Forerunner ซีรีส์ ที่เมื่อประมาณหลายปีก่อน ออกรุ่น Forerunner 235 น่าจะไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี มาแล้ว ตอนนั้นแบบว่าแจ่ม เพราะเป็นช่วงเริ่มมีแทรคหัวใจบนตัวนาฬิกาเอง และก็มีเรื่องน้ำหนักเบาและรองรับการปั่นด้วย ซึ่งมาในปีนี้ก็ได้เวลาอัปเดทกันอีกครั้งกับ Garmin Forerunner 245 ต่อยอดจากเดิม คร่าวๆ คือเหมือนเดิม อย่างกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นชัดเจนเลยคือแทรคว่ายน้ำได้ รองรับ 5ATM ซึ่งต้องไปดูอีกทีว่ารองรับว่ายน้ำในสระอย่างเดียวหรือไม่ แต่แค่นั้นผมว่าก็เพียงพอแล้วล่ะครับได้ 5ATM จะซ้อมไปไตรที่ต้องใช้ Open Water มันก็ต้องเขยิบขึ้นไปซีรีส์ 935 แล้วล่ะ รองรับ GPS เพิ่มอย่าง Galileo เปิดโหมด GPS ได้มากขึ้นอีกด้วยเค้าว่าใช้ได้นานถึง 22 ชั่วโมง ไปไตรสบายๆ ที่ผมสนใจก็คือแทรคเรื่องออกซิเจนในเลือดได้อันนี้แหล่ะ ที่ทำให้อยากได้เจ้า Forerunner 245 แต่ต้องดูอีกทีว่าวัดขณะวิ่งหรือว่ามีโหมดการวัดแยกออกมาหรือเปล่า ด้านดีไซน์มีขนาดเล็กลง เปลี่อยนลักษณะการชาร์จแบบคีปอัปเดทเหมือนรุ่นใหม่ๆ คือเป็นแบบเสียบ ซึ่งผมว่าสะดวกและแน่นดี และยังเปลี่ยนสายได้ง่ายเหมือนหลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้ด้วย บอกลาเทรนด์ที่ต้องใช้อุปกรณ์ไขควงมาไขเปลี่ยนสายบได้เลย เรื่องรายละเอียดการวิ่ง มี VO2Max เหมือนเดิม มี Auto Max HR และ Metronome (ระบบจับจังหวะ) รองรับระบบฝึกซ้อมด้วยโค้ช รองรับการฝึกและผลการฝึกทั้ง Aerobic และ Anaerobic ที่สำคัญคือ มีรุ่นที่รองรับการฟังเพลงหรือ Forerunner 245 Music อีกด้วย รองรับ Spotify ด้วยนะ ไว้ถ้ามีโอกาสได้ลองแล้วจะมาบอกว่าลงเพลงเหมือนกับรุ่นพี่หรือเปล่า แต่เท่าที่ดู ราคาหมื่นต้น แต่ฟีเจอร์จัดเต็มแบบนี้ ผมเองที่มี Forerunner 645 อยู่ ยังลังเลเลยเนี่ย ไว้มานั่งดูละเอียดอีกทีดีกว่า มีสิทธิ์เปลี่ยนสูง ฮ่าๆ เอาเป็นว่า ใครที่อยู่สายออกกำลังกายล่ะก็เตรียมตัวได้เลย ราคาหมื่นต้นๆ ผมว่าตัดสินใจไม่ยาก ฟังก์ชั่นการทำงานที่รองรับนักวิ่งที่เรียกว่าเกือบสุดแล้ว ไม่ต้องไปถึงเรื่องแผนที่อย่างใน 645 ก็ได้ และคาดว่าจะเป็นรุ่นยอดนิยมตาม Forerunner 235 ไปอย่างไม่ยากเย็นนัก เปิดจองกันแล้ว เห็นว่าวางแผง 16 พฤษภาคมศกนี้นะ
You must be logged in to post a comment.