realme ครองตำแหน่งสมาร์ทโฟนอันดับ 7 ของตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563

จากรายงานการวิเคราะห์ Counterpoint Research Monthly Market Pulse Feb 2020 ระบุว่า realme เป็น
แบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยยังคงรักษาตำแหน่งสมาร์ทโฟนอันดับ 7 ของตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่องด้วยส่วนแบ่งการตลาด 2.7% แสดงให้เห็นว่า realme ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์สมาร์โฟน
หลักของตลาดโลก

ถึงแม้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์ได้รับผลกระทบเชิงลบซึ่งส่งผลให้ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกลดลง 14% แต่ realme ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก ด้วยความมุ่งมั่นและการเดินหน้าภายใต้แนวคิด “Dare to Leap” นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย และการเดินหน้า
กลยุทธ์โมเดลธุรกิจแบบ “Asset Light”, Short-channel และ e-commerce ทำให้ realme ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก โดยในปีนี้ realme จะยังคงเดินหน้ายึดหลักกลยุทธ์ “Smartphone + AIoT” เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยและอัจฉริยะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ realme (เรียลมี)
realme เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนน้องใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสมาร์ทโฟนคุณภาพเยี่ยม ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 โดย Sky Li ที่มุ่งเน้นสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพเหนือกว่าและผลิตภัณฑ์ IoT โดย realme ก่อตั้งอยู่ทั่วโลกและมีสำนักงานใหญ่ที่เมืองเซินเจิ้นมณฑลกวางตุ้งประเทศจีน เราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและการออกแบบที่โดดเด่น และมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ การออกแบบที่โดดเด่น บริการที่จริงใจ และพร้อมที่จะค้นหา ความเป็นไปได้ที่ไม่มีขอบเขตจำกัด เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน ภายใต้แนวคิด “Dare to Leap” เราพร้อมจะส่งมอบผลิตภัณฑ์เราให้เป็นตัวเลือกแรกของคนรุ่นใหม่เพื่อไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

realme ครองตำแหน่งสมาร์ทโฟนอันดับ 7 ของโลก และได้รับการจัดอันดับอย่างเป็นทางการในหมู่แบรนด์สมาร์ทโฟนหลักตามสถิติการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 จาก Counterpoint ในปี 2562 realme มียอดการส่งออกสมาร์ทโฟนทั่วโลก 25 ล้านเครื่อง ด้วยอัตราการเติบโตปีต่อปีที่ 808% ขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 1 ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

ภายในปี 2562 realme ได้เข้าสู่ 27 ตลาดทั่วโลก ได้แก่ จีน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ไทย, มาเลเซีย, ยุโรป, รัสเซีย, ออสเตรเลีย, อียิปต์และอื่น ๆ โดยมีผู้ใช้ทั่วโลก 25 ล้านคน