อาร์ทีบีฯ ขานรับเทรนด์คนทำงานที่บ้านและทำงานทางไกล ส่งสุดยอดแพลตฟอร์ม Work From Home, UC และ Video Collaboration จากแบรนด์ชั้นนำ ตอบโจทย์การทำงานขององค์กรในยุคดิจิทัล
อาร์ทีบีฯ ขานรับเทรนด์การทำงานขององค์กรในยุคดิจิทัลที่หันมาทำงานที่บ้านมากขึ้น และการทำงานทางไกลที่สะดวกสบาย ด้วยการส่งสุดยอดแพลตฟอร์มการสื่อสารภายในและภายนอก ทั้ง Work From Home, UC และ Video Collaboration ตอบโจทย์คนทำงานและองค์กรรุ่นใหม่ทุกขนาด ชูจุดเด่นด้านการออกแบบระบบและอุปกรณ์คุณภาพที่เหมาะกับความต้องการใช้งานในแต่ละองค์กร พร้อมรุกกิจกรรมการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งเป้าสิ้นปีดันยอดขายกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์เพิ่มขึ้น 200% จากปี 2019
ดร.บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานของสำนักงานออฟฟิศในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยกลุ่มคนทำงาน เจ้าของกิจการรุ่นใหม่มีการทำงานตลอด 24 ชั่วโมงและหันมานิยมทำงานที่บ้านกันมากขึ้น หรือ Work From Home (WFH) ประกอบกับนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนให้องค์กรธุรกิจลดการเดินทาง ทำให้องค์กรธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ใหญ่ขานรับนโยบาย พร้อมปรับรูปแบบการทำงานโดยเปลี่ยนบ้านให้กลายมาเป็นโฮมออฟฟิศ ส่งผลให้เป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ครบวงจรทั้งภายในและภายนอก สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารระหว่างสาขาของบริษัท หรือคู่ค้าที่อยู่ในประเทศหรือทั่วโลกนั้น ก็หันมาให้ความสำคัญกับระบบการสื่อสารแบบรวมศูนย์(Unified Communication) และการประชุมทางไกลอย่างมากในปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการความสะดวกรวดเร็วในการทำงานสูงสุด และเพื่อลดค่าใช้จ่ายของการเดินทางและการสื่อสารแบบเดิม รวมไปถึงลดความเสี่ยงของการเดินทางมารวมกันอีกด้วย ดังนั้น ในปีนี้ อาร์ทีบีฯ จึงหันมาตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด WFH และ UC ด้วยการส่งแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ครบวงจรทั้งภายในและภายนอก ด้วยการดูแลจากทีมงานคุณภาพที่มีประสบการทางด้านการวางระบบสูงสุด ลุยตลาดตอบรับเทรนด์การทำงานที่บ้านของผู้บริโภคและการสื่อสารที่ทันสมัยขององค์กรในยุคดิจิทัล”
การรุกตลาดแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ครบวงจรทั้งภายในและภายนอกในครั้งนี้ อาร์ทีบีฯ ชูจุดแข็งของการเป็นบริษัทที่ให้ทั้งบริการที่ครบวงจร ตั้งแต่ การออกแบบระบบ ทดสอบระบบ การติดตั้ง จนกระทั่งบริการหลังการขาย นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังจับมือกับพันธมิตรชั้นนำซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลก ที่ขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ หรือ ให้บริการระบบการสื่อสารประชุมทางไกล หลากหลายโซลูชั่น ประกอบด้วย อุปกรณ์ของ Microsoft, Jabra, Logitech, Audiocodes, Poly และ ซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม ของ Microsoft Teams, Zoom meeting สำหรับองค์กรที่ต้องการระบบ Video Conference หรือ Unified Communication and Collaboration ทุกขนาด
ดร. บรรพต ชี้ถึงความเสร็จของบริษัท อาร์ทีบีฯ ในส่วนของตลาดเอ็นเตอร์ไพรส์ ว่ามาจากสิ่งสำคัญ 3 จุดใหญ่ๆ คือ
1.อาร์ทีบีฯ มีอุปกรณ์สำหรับการทำงานที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับองค์กรและบุคคลทั่วไป โดยสิ่งสำคัญที่อาร์ทีบีฯ ใส่ใจมาตลอดคือ การเลือกสรรอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้งานได้ง่ายและเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพ เป็นที่น่าไว้วางใจในระดับโลก และมีการรับประกันที่ยาวนาน คุณภาพเหมาะกับการทำงานระดับ Professional
2.อาร์ทีบีฯ มีบริการวางระบบการสื่อสารแบบครบวงจร
- Design เริ่มตั้งแต่การเก็บ Requirement ขององค์กร เพื่อการออกแบบระบบการสื่อสาร และห้องประชุมอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารขององค์กร
- POC (Proof of Concept) การทดลองระบบตามแบบที่เสนอ เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการสื่อสารว่าองค์กรได้รับตามที่ต้องการ
- Implementation การติดตั้งระบบด้วยช่างชำนาญการ
- After-Sales Service การบริการหลังการขาย เพื่อดูแลและบำรุงอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งานเสมอ ตลอดอายุสัญญา
3.อาร์ทีบีฯ สามารถรองรับ การขายหลากหลายรูปแบบ เราเข้าใจว่าแต่ละองค์กรมีการวางแผนงบประมาณต่างกัน เช่น บางองค์กรต้องการใช้งานแบบ เช่า-ใช้ หรือ ต้องการให้แต่ละแผนกจัดซื้อจัดจ้างโดยตรงจากแคตตาล็อกกลาง เพื่อการจัดซื้อที่แตกต่างกัน ตามงบประมาณของแต่ละแผนก หรือ ต้องการชื้อขาด ไปเลยทีเดียว เราสามารถรองรับได้ทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ จุดเด่นหลักของแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ครบวงจรทั้งภายในและภายนอกของอาร์ทีบีฯ คือ การออกแบบระบบโซลูชั่น ที่เหมาะกับ สภาพแวดล้อมขององค์กร ลักษณะและความต้องการของแต่ละธุรกิจ เพื่อมอบประสบการณ์การสื่อสารด้วยระบบภาพและเสียงที่คมชัด มีประสิทธิภาพ รวมถึงการคัดเลือกแบรนด์สินค้าคุณภาพและมีความชำนาญในการวางระบบ ตลอดจนบริการหลังการการขาย และการรับประกันสินค้าที่ต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจและสามารถใช้งานได้อย่างไม่สะดุดตลอดเวลา
ดร.บรรพต กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมตลาดแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ครบวงจรทั้งภายในและภายนอกในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคและองค์กรที่หันมาทำงานที่บ้านมากขึ้น ทำให้คาดว่าภายในสิ้นปีนี้สัดส่วนยอดขายในกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์ของอาร์ทีบีฯ จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 35% ด้วย
You must be logged in to post a comment.