ในปีนี้จะเห็นว่า Wearable ก็ยังคงมาแรงอยู่ โดยเฉพาะค่ายใหญ่อย่าง Huawei เองก็เริ่มลงมารุกตลาดราคาระดับล่างมากขึ้น ก็จะมีแบรนด์ Smartphone นี่ล่ะครับ ที่พยายามแข่งขันกัน ไม่ใช่แค่ Smartphone อย่างเดียว ล่าสุด Apple ก็เปิดตัว Apple Watch 6 และ SE กันไป ส่วน Huawei ก็เพิ่งเปิดตัว Huawei Watch Fit กันไป ปัจจุบันมีตัวเลือกมากมาย จริงๆ ฟีเจอร์ค่อนข้างคล้ายกันมาก มีรายละเอียดที่อาจจะต่างกันมากน้อยก็ว่ากันไป แล้วแต่รุ่น แล้วแต่ค่าย ยังไม่นับรวมค่ายที่เน้นด้าน Wearable อยู่แล้วอีกเช่น Fitbit, Garmin และอื่นๆ อีกเพียบ และค่ายจากจีนที่เรียกว่าเป็นแบรนด์จากจีนจ๋าเลย ราคาหลักร้อย ก็ซื้อได้ ทั้งหมดทั้งปวด Wearable เริ่มมีราคาลดลงมาค่อนข้างเยอะ ถ้าเทียบกับประโยชน์ในการใช้งาน ผมว่าช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ดีนะ ล่าสุดอย่าง Huawei Watch Fit ราคาค่าตัวสามพันนิดๆ แต่ทว่าได้ฟีเจอร์อะไรมาพอๆ กับรุ่นใหญ่ ดีไซน์ก็ดูกระชับ สปอร์ตกว่าเสียด้วยซ้ำ ตัวเล็กมี GPS การใช้งานครบแบตอึดใช้งานได้ 10 วันอีกต่างหาก ที่มีข้อติอย่างเดียวเลยคือเอาผลการออกกำลังกายไป 3rd party ไม่ได้ ซึ่งมันก็สำคัญนะ เพราะคอมมูนิตี้คนออกกำลังกาย อาจจะใช้ device ต่างค่ายกันก็จริง แต่ก็ยังไปเจอกันได้ตรง 3rd party app นี่ล่ะ พวก Endomodo, Strava อะไรลักษณะนี้ ส่วนฝาก Apple ก็เน้นด้านการใช้งานครอบคลุมทั้งบ้าน สมาชิกในบ้านไม่จำเป็นต้องมี iPhone แต่สามารถใช้งาน Apple Watch ได้ด้วย อันนี้ก็ถือว่า Apple ทำการบ้านมาดี เจาะกลุ่มครอบครัวได้จริงจัง รวมถึงค่าคอนเทนต์และบริการต่างๆ ที่มัดรวมกันแล้วถูกกว่าซื้อแยก แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ใช้บริการเหล่านั้นก็ตามที งานนี้ Apple ก็ยังคงเป็น Apple ไม่ได้เน้นเรื่อง Hardware มากนัก แต่เน้นด้านการใช้งานและการหาตังค์เข้าเป๋าเหมือนเดิม อ้อ รุ่นใหม่นี่ประเทศไทยทั้ง 3 ค่ายหลัก ต่างก็อยู่ในกลุ่มแรกของการขาย Apple Watch ด้วยนะ นับว่าแจ่มเลยทีเดียว ผมเดินไปร้านขายของร้านนึง ก็ไปเจอ Smartband และ Smartwatch ราคาต่ำกว่าหลักร้อย มันหลักสิบ เลยซื้อมาลองละครับ อย่างว่าราคาแบบนี้ มันจะทำอะไรได้ล่ะ ไว้มาบอกเล่าให้ฟังกันอีกทีก็แล้วกันนะ วันนี้ไปก่อนครับ
You must be logged in to post a comment.