ทักทาย วันจันทร์ เป๋าตังค์ เป๋าตุง คนละครึ่ง ลงไว้ได้ใช้แน่!

มาแล้วจ้า ทักทายกันสักหน่อย ช่วงนี้ผมว่าเรื่องของ “คนละครึ่ง” อันนี้โดนใจหลายคนเลย เพราะมันกระทบกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันโดยตรง คอนเซ็ปท์นี้ซื้อใจได้ แต่ส่วนตัวผมเลือกคืนภาษีนะ แต่ทว่าโครงการนี้มีคนในบ้านร่วมด้วย และได้ใช้และเห็นประโยชน์จริงจัง เพราะนอกจากคนซื้ออย่างเราๆ ท่านๆ ได้ประโยชน์แล้ว รู้สึกได้ว่าซื้อของแล้วคุ้ม ประหยัดขึ้น เพราะจ่ายแค่ครึ่งเดียว คนขายก็เช่นกันได้รับสนุนอีกครึ่งนึง แต่ก็เหมือนลดราคาให้ลูกค้า แต่ได้รายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้ว่าจะมีข้อจำกัดจำนวนเงินอยู่บ้างก็ตามที ซึ่งนี่คือ wave แรกเท่านั้น หมายถึงอะไร?

นอกเหนือจากการที่เราได้ประโยชน์ประหยัดเงิน และกระจายรายได้และการใช้จ่ายไปได้ทั่ว ไม่ได้กระจุกอยู่ ณ กลุ่มใดกลุ่มนึง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ พ่อค้าแม่ขาย ที่แต่ก่อน เคยมีทั้งธนาคารและบรรดาเงินดิจิตอลพยายามเข้าไปทำตลาดและสร้างแคมเปญเงินคืนให้ลูกค้า ทำให้ร้านค้าต้องตั้ง QR Code ไว้หน้าร้าน ซึ่งหลายค่ายก็ตั้งกันไปห้าหกอัน บางทีการสมัครบางค่ายก็ยาก ง่ายต่างกันไป และเท่าที่เห็นคือส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เห็นความสำคัญอะไรมากนัก เพราะผู้ซื้อเองก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก และธนาคารหรือบริษัทที่ทำเรื่องเงินดิจิตอลบางค่ายก็ไม่ได้เข้าถึงคนส่วนใหญ่ ยังคงกระจุกตัวเป็นกลุ่ม เฉพาะที่กันไป อาจจะเพราะเป็นภาคเอกชนที่ลงมาทำเลยไม่ได้แรงหนุนเต็มที่ แต่สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” ชัดเจนเลยว่า มีเสียงเรียกร้องการใช้งานจากคนใช้จ่าย ไม่แค่นั้นพ่อค้าแม่ขาย ก็ยังได้ประโยชน์ และได้รับแรงหนุนจากรัฐบาล ทำให้ทั้ง เป๋าตังค์ เป๋าตุง ที่อยู่ในเครือธนาคารกรุงไทย ซึ่งแน่นอนว่ารัฐออกแรงสบับสนุน ก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ กว่าครั้งที่ผ่านมา ที่มีการแจกเงินและมีประเด็นต่างๆ มากมาย ผมเชื่อว่าโครงการนี้ตั้งไข่สักพักแล้วล่ะ แต่กว่าจะออกมาได้ก็ใช้เวลา พอออกมาก็เรียกว่าได้กระแสตอบรับดี ส่วนคนซื้อชองก็ถามหา และร้านไหนไม่มีก็กลายเป็นว่า ร้านนี้เปรียบเสมือนไม่ได้มีโปรโมชั่น ทั้งที่จริงๆ แล้วราคาขายร้านที่รับจ่ายด้วย คนละครึ่ง บางทีก็หัวหมอบวกราคาขึ้นไปอีก เสียด้วยซ้ำ อันนี้คือถือว่านิสัยไม่ดีอย่างมาก ถือโอกาส หาประโยชน์ในแบบที่เอาเปรียบทั้งคนซื้อไปสักหน่อย เหมือนการขึ้นราคาสินค้ากลายๆ ไม่ซื่อสัตย์ เพราะจริงๆ แล้วโครงการนี้ช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำลงชีวิต ในช่วงยุคโควิดในปัจจุบันได้ระดับนึงเลยนะ และพ่อค้าแม่ขายที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ส่วนใหญ่ก็ต้องขวนขวาย พยายามทำให้มีเหมือนกับคนอื่น เพื่อที่จะได้มีคนซื้อกับร้านตัวเองบ้าง คือทุกส่วนล้วนเดินหน้าไปทางเดียวกันทำให้ การใช้ คนละครึ่ง กำลังจะกลายเป็นความเคยชินกันซะแล้ว

ก่อนหน้านี้คงจะมีปัญหาที่ว่า เครื่อง Smartphone ไม่รองรับ ทำไมต้องเปลี่ยน ทำไมต้องใช้ สแกนยังไง ยุ่งยาก วิธีทำก็อธิบายไปแล้วก็ยังทำไม่ได้ ไม่มีความเข้าใจ ไม่เชื่อถือเงินดิจิตอล และอีกมากมายหลายคำถาม ที่ต้องบอกว่าคนส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่ได้มีความรู้ ความเข้าใจมากนัก ง่ายๆ คือทำไม่เป็นนั่นล่ะ เพราะไม่มีความคล่องตัวในการใช้งาน การลงทุนซื้อเครื่อง ปัญหาอีกร้อยแปดพันเก้า แต่ทว่าเมื่อตลาดทั้งหมดต่างก็พากันเดินหน้า ดังนั้นใครที่ไม่ต้องการตกขบวนครั้งนี้ก็ต้องพยายามปรับตัวกันไป และเป็นกุศโลบายที่ดีมาก ที่ทำให้ทุกคน ที่ไม่เคยใช้งาน ไม่เป็น บางคนก็ต่อต้านเสียด้วยซ้ำ ให้หันมาใช้งานให้เป็น และมากขึ้น สร้างความคุ้นเคย ซึ่งอย่างที่ผมบอกล่ะครับว่าเป็นคลื่นระลอกแรก เพราะระลอกนี้ล่ะที่ทำให้ชิน ทำให้คนใช้งานเป็น รู้สึกใช้งานง่าย สะดวก ใครก็ใช้งานได้ ซึ่งจะกลายเป็นพื้นฐานของคนทั่วไป ที่ใช้งานได้ เหมือนกับการใช้เงินดิจิตอลซื้อของในจีน ครั้งนี้คือ เราก็จะใช้เงินดิจิตอลซื้อของร้านทั่วไปได้ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อที่ ร้านสะดวกซื้อขาใหญ่หรือห้างร้านทั้งหลาย และผลพวงที่ได้ผู้ขาย Smartphone เองก็จะได้กลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะเชื่อว่าต้องมีคนเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้รองรับการใช้งานได้ไม่มากก็น้อย ประเด็นสุดท้ายคือเมื่อเราคุ้นเคยแล้ว จะกลายเป็นพื้นฐานต่อยอด ในการเดินหน้าประเทศไทยต่อไป และ G-Wallet ก็อาจจะกลายเป็นสกุลเงินดิจิตอลของประเทศไทยไปโดยปริยายก็เป็นได้นะ ใครยังไม่เคยใช้งานก็อย่าลืมไปใช้สิทธิ์นะครับ ผมว่าโครงการนี้ดีจริง เห็นว่าจะขยายเพิ่มจากเดิม 3,000 บาท เป็นสูงสุด 3,500 บาทอีกด้วย แจ่มเลยครับ



ถูกใจบทความนี้  2