รีวิว Xiaomi Mi 10T Pro 5G รองรับ 5G ราคาเบา สเปคแรงไม่เป็นรองใคร

หลังจากใช้งานมาสักพักกับเจ้า Xiaomi Mi 10T Pro 5G รุ่นนี้ที่มีคนพูดถึงมากที่สุด เพราะว่าโปรโมชั่นมันสุดห้ามใจ ไม่ใช่แค่สเปคที่ต้องบอกว่าไม่สุดแต่ก็เอาสเปคหลักมาก็ชนะระดับเดียวกันไปได้เยอะเลย เรามาดูกันถึงเรื่องการใช้งานกันบ้างดีกว่าครับ ว่าเจ้ารุ่นที่ใช้ Snapdragon 865 CPU ที่แรงเกือบสุดในปีนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง ยิ่งมีหน้าจอรีเฟรชเรทที่ 144Hz ติดตัวมาด้วย ยิ่งทำให้น่าสนใจมากขึ้น อีกทั้งสเปคอื่นๆ ก็ดูแล้วไม่รู้ว่าไปลดทอนอะไรตรงไหนที่ทำให้ราคาอยู่ในระดับไม่เกินหมื่นหน้าพันบาทได้ (สำหรับรุ่น 128GB) ตอนนี้ราคาที่ 13,990 บาทเท่านั้น ยังมีรุ่นที่เป็น Mi 10T ที่มีราคาประหยัดอีกด้วยนะ

 

ในฐานะที่ใช้ Xiaomi มาตั้งแต่ยุคก่อนหน้า รุ่นที่ใช้แรกเริ่มก็คือตระกูล Redmi 1S เป็นรุ่น เล็กที่มีสเปคคุ้มค่าสุดๆ ณ เวลานั้น ซึ่ง Xiaomi ก็ยึดเอาคอนเซ็ปท์นี้มาโดยตลอด แต่มาในระยะหลังต่างก็พยายามขยับราคาขึ้น ทำให้จากเดิม Mi ซีรีส์ที่ราคาคุ้มค่าตัว มาช่วงหลังนี่ขยับราคาขึ้นไปจนแฟนๆ ก็ตั้งคำถามกันอยู่พอสมควร และตัวล่าสุดที่คิดว่าน่าจะคุ้มค่า สมกับคอนเซ็ปท์เดิมของ Xiaomi ก็คือ Mi 10T Pro นี่ล่ะ มีทั้งรุ่นธรรมดาและรุ่นที่รองรับ 5G ราคาก็ต่างกันนิดหน่อย แค่สเปคก็ไม่ต้องไปมองของแถมแล้ว แต่ตอนเปิดตัวนี่ยังเล่นโปรโมชั่นของแถมแบบว่าถล่มตลาดเกมอีกต่างหาก บางคนซื้อเครื่องไปนี่ขาย Mi 10T Pro ทิ้งก็มีเก็บเครื่องเกมเอาไว้ เหมือนกับได้เครื่องเล่นเกมฟรีกันเลยทีเดียว

อุปกรณ์ในกล่อง

ก็จะมีประมาณนี้ ที่ชอบก็คือตัวเคสที่ออกแบบมาให้มีแบรนด์ติดตัวมาเลย ส่วนใครอยากดูสเปคเต็มๆ ไปที่ เว็บ Mi Official กันได้เลยครับ

    เอาเป็นว่ามาดูดีไซน์กันก่อนครับ

เรื่องของดีไซน์ผมชอบนะ ช่วงหลัง Xiaomi มีการดีไซน์ที่สวยงามขึ้นมาก เริ่มพัฒนาเรื่อยมามีสไตล์เป็นของตัวเอง อย่างรุ่นนี้มีให้เลือกหลายสี ส่วนตัวคือสีดำก็สวยอยู่แล้ว เบสิคดี แต่สีนี้เค้าชื่อว่า Cosmic Black นะ ชื่ออย่างเท่ห์เลย ยังมีสีให้เลือกอีกสองสีอย่าง Lunar Silver และ Aurora Blue ก็คือสีเงินและสีฟ้านั่นล่ะ จริงๆ สีฮีโร่น่าจะเป็นสีฟ้า แต่ผมว่ามันกลับดูจืดไปสักนิด แต่ก็สวยไปอีกแบบอันนี้ก็แล้วแต่ชอบนะ ด้วยฝาหลังที่ออกแบบมาเงามันสะท้อนแสงเป็นอย่างดีเลย ทำให้ได้สีดำสะท้อนแสง แต่แอบถือแล้วลื่นไปสักหน่อย ยังดีที่มีเคสแถมมาให้ช่วยตรงนี้ได้

หน้าจอที่เอาสเปคแรงใส่มาให้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ AMOLED ที่สีสดใสก็ตามที แต่การที่ให้รีเฟรชเรทมาถึง 144 Hz ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีในรุ่นราคาระดับกลาง ยังมี Adaptive Sync ที่ช่วยปรับการใช้งานร่วมกับแอปต่างๆ ให้เหมาะสมอีกด้วย และหน้าจอขนาด 6.67 นิ้วก็ถือว่าใหญ่ใช้งานได้เต็มตาดี กับจุดบนหน้าจอกล้องขนาด 20 ล้านพิกเซลด้านหน้าที่ดูแล้วก็ไม่ได้เกะกะสายตาอะไรมากนัก แต่ส่วนตัวยังไงก็ยังไม่ชอบเทคโนโลยีนี้อยู่ดีไม่ว่าจะอยู่บนเครื่องรุ่นไหนก็ตาม แต่ตอนนี้คือชินซะแล้วน่ะ ฮ่ะๆ เพราะรุ่นไหนๆ ก็มีเพียงแต่ว่าจะกว้างมากน้อยแค่ไหนแค่นั้นเอง แต่บน Xiaomi Mi 10T Pro 5G ก็ถือว่าทำออกมาได้เล็กดีนะ ผมถือว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นนึงทีให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีมากเรื่องการแสดงผลบนหน้าจอ

ส่วนด้านบนและด้านล่างเป็นของตัด ขอบทั้งสี่ด้านโค้งมน ที่ด้านบนยังคงมีเรื่องของ infrared ติดมาให้ ซึ่งยังคงเป็นจุดเด่นเดียวของ Xiaomi ที่ค่ายอื่นๆ แทบจะไม่มีอีกต่อไป แต่ Xiaomi ยังคงติดมาให้เกือบทุกรุ่นเลยก็ว่าได้

ด้านล่างลำโพงที่ให้พลังเสียงที่ดังกังวาล เป็นลำโพงคู่ล่างเป็น ที่ใช้ Super linear ตามสเปคเค้าว่าไว้ว่าใช้แกนสแตนเลสสตีล ขนาด 0.5 มม. ก็ถือว่าดีนะไม่ได้ก๊องแก๊งซะด้วย ส่วนพอร์ทก็ยังคงเป็น USB-C มาตรฐานสากลมาพร้อมกับการชาร์จไว 33W และแบตที่ให้มาในตัว 4900 mAh การใช้งานก็ยาวไปตลอดวันได้เลย เครื่องแรง ชาร์จไว้ ใช้งานดี ต้อง Xiaomi Mi 10T Pro 5G เรื่องไมค์กับการใช้งานโทรศัพท์ก็โอเค ไม่มีปัญหาใดๆ

ด้านล่างยังมีถาดใส่ซิม ที่รองรับ 2 ซิม และรองรับ 5G ทั้ง 2 ซิมแล้วนะ ในช่วงแรกที่ออกมาถ้าหากจะใช้ 5G ใช้ได้แค่ 1 ซิมถ้าเปิดใช้ 2 ซิม จะไม่สามารถใช้งาน 5G ได้ แต่ตอนนี้สบายหายห่วง ใครยังใช้งานไม่ได้ให้อัพเดทเฟิร์มแวร์เลยครับ แน่นอนว่าใช้ได้ 2 ซิม ก็ทำให้ไม่สามารถใส่เมมโมรี่เพิ่มเติมได้นั่นเอง อย่างว่าจะมีอะไรเพอเฟ็คไปซะหมด และจากที่เทสสปีด 5G ก็ถือว่าแจ่มเลยทีเดียว ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่และค่ายที่ให้บริการด้วยนะ เอาเป็นว่าไม่เสียดายเลยที่ซื้อมาใช้งานและหวังเอาไว้ว่าตอบโจทย์การใช้งาน 5G

ด้านข้าง ยังคงดีไซน์การวางปุ่มไว้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือปุ่มปิดเปิดเครื่องกลายเป็นปุ่มสแกนลายนิ้วมือเพิ่มความปลอดภัยไปในตัว ซึ่งเริ่มเห็นในหลายรุ่นในช่วงหลัง และ Mi 10 T Pro 5G ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ใช้คอนเซ็ปท์นี้ผมถือว่าดีและสะดวก เพราะยังไงซะเวลาเราจับเครื่องใช้งาน ยกขึ้นมาก็ใช้งานได้ทันที แต่กรณีทีวางไว้บนโต๊ะ อันนี้ก็แอบไม่สะดวกนิดหน่อยล่ะนะ


ขอบตัวเครื่องและหน้าจอ อันนี้หน้าจอกระจกกันรอยขีดข่วนอยู่แล้ว แต่ก็ออกแบบให้หน้าจออยู่บนตัวแชสซี หรือขอบตัวเครื่องทำให้เวลาตกกระแทหากของลงก็เสี่ยงเหมือนกัน ดังนั้นเค้ามีเคสมาให้ใส่ก็จะป้องกันจุดนี้ได้ครับ ใครที่ไม่ใส่เคส ถือเปล่าๆ นี่เสี่ยงนะผมว่ามันลื่นใช้ได้เลยล่ะ ต้องระวังกันหน่อย

ส่วนอีกด้านก็เป็นขอบธรรมดาไม่มีปุ่มใดๆ

ลองใส่เคสดูสักหน่อย ใช้งานจริงก็แนะนำให้ใส่เคสนะ ตรงเคสนี่ไม่รู้ว่าจะเอาตราสัญลักษณ์มาตรฐานไปแปะไว้กับแบรนด์ทำไมเหมือนกัน ถ้าหลีกได้จะสวยกว่านี้นะ

กล้องด้านหลัง ตัวหลัก 108 ล้านพิกเซล ซึ่งก็มีความละเอียดสูงใช้ได้เลยล่ะครับ อีกทั้งยังมีกล้องช่วยอื่นอีกทั้งเลนส์ไวด์ 13 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโครอีก 5 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์การถ่ายภาพอีกเพียบเลย แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกไหม แต่ผมว่าภาพโทนที่ได้ก็ไม่ได้คมมาก ออกแนวซอฟท์ไปสักหน่อย อ้อมี AI ด้วยนะฉลาดใช้ได้อยู่

ส่วนกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล นี่ก็เบลอได้ใจเหมือนกัน ถ่ายภาพบุคคลออกมาได้ดีเลยทีเดียว

ด้าน MIUI 12

สำหรับปีนี้เป็นปีแห่ง MIUI 12 ที่ยังคงมีอาการเอ๋ออยู่บ้าง หลายคนน่าจะเจอความไม่เสถียร ซึ่งก็รอกันไปสักพัก ส่วนตัวเจอแต่ก็น้อยครั้งนะ เป็นเรื่องปกติของการอัพเดท UI ใหม่สักพักก็จะมีการปรับแก้ไขกันไป และ Xiaomi เองก็ขึ้นชื่อเรื่องการอัพเดทอยู่ตลอดอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกลัว และ UI ที่ปรับใหม่ในปีนี้ก็ดูมินิมอลมากขึ้น ความรู้สึกแปลกใหม่ ส่วนความลื่นคือได้เรื่องของสเปคมาช่วยอยู่แล้วไม่ต้องห่วง

ส่วนฟีเจอร์ต่างๆ คงไม่พูดถึงนะครับ มันก็จะคล้ายๆ เดิมนั่นล่ะ เติมเต็มการใช้งานของเราได้ครบอยู่แล้ว ฟีเจอร์ที่มีให้ส่วนใหญ่ผมก็ไม่ได้ใช้หรอก อันนี้ก็แล้วแต่ว่าใครจะดึงฟีเจอร์ไหนมาตอบโจทย์การทำงานให้ตัวเองได้นั่นล่ะครับ

สามารถปรับรีเฟรชเรทได้ด้วยนะ กรณีที่ใช้ 60Hz ก็จะช่วยประหยัดแบตได้อีกทางนึง แต่ขอบอกว่าเปิดเต็มไปเถอะ ได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่า

กล้องและภาพถ่ายตัวอย่าง

โหมดการถ่ายภาพมีให้เลือกเพียบ คือได้สเปคมาช่วยทั้ง CPU แรงรวมถึงเมมโมรี่ที่รองรับ UFS3.1 ถ่ายภาพก็เร็วบันทึกภาพก็ไว ไม่พลาดทุกช็อตที่ต้องการ แต่บางครั้งก็มีอาการกล้องเอ๋อนะ ผมเคยเจอ แต่ก็ไม่บ่อย อย่างที่บอกครับอาจจะเกี่ยวกับ UI ใหม่ที่อัพเดทนันล่ะ มาช่วงหลังก็ไม่เจอแล้วนะ จากที่มีการอัพเดทเฟิร์มแวร์กันไปหลังจากที่ใช้งานสักระยะ อ้อนอกจากการถ่ายภาพแล้ว ยังมีการถ่ายวีดีดโอที่รองรับถึง 8K ซึ่งอันนี้ลองถ่ายแล้วส่วนตัวคือไม่ได้ใช้งาน และไฟล์ที่ได้ก็ไม่มีโปรแกรมตัดต่อซะด้วย คงได้แต่ถ่ายเอาไว้เป็นตัวอย่าง และอีกอย่างทำให้เครื่องทำงานหนักใช้ได้เลยล่ะครับ ดังนั้นแค่ใช้ถ่ายภาพอย่างเดียวกับวีดีโอความละเอียด 4K ก็เหลือเฟือแล้ว แม้ว่าเค้าจะล้ำไป 8K ก็ตาม

โหมดกล้อง ก็มีให้เลือกครบนะครับ ภาพถ่ายกลางคืนนี่ก็แจ่มใช้ได้เลยล่ะ ไว้ไปดูตัวอย่างกัน

ส่วนอีกโหมดเป็นลูกเล่นของรุ่นนี้ก็คือ การปรับภาพหลังจากการถ่ายแล้ว คือปรับท้องฟ้าได้แบบเนียนมากเลย ดูผ่านๆ นึกว่าเป็นของจริงได้เลยนะ อีกโหมดนึงก็คือโคลนก็เอาไว้เล่นสนุกๆ ได้อยู่

ตัวอย่างภาพถ่าย

ด้านความแรงและการเล่นเกม

คือจุดประสงค์นึงคือผมเอามาเล่นเกมครับ อาจจะไม่ใช่เกมที่ใช้สเปคอะไรมาก แต่ด้วยความเป็น Mi 10 T Pro 5G คือตอบโจทย์เลยล่ะ ผมยังไม่เจออาการที่ทัชไม่ไปนะ เหมือนเคยเห็นแว๊บๆ ว่ามีคนใช้งานแล้วเจออาการ ซึ่งเดาว่าอาจจะเกิดจาก MIUI ที่ยังไม่เสถียร ความลื่นคือจัดเต็มอยู่แล้ว ก็มีโหมด Gaming ที่ช่วยให้การเล่นเกมไม่สะดุดก็เป็นเทรนด์ในปัจจุบันอยู่แล้ว Xiaomi เค้าก็ไม่ลืมจุดนี้ และการเล่นเกมก็แน่นอนครับว่ารีเฟรชเรทสูงแบบนี้ เกมที่ออกมารองรับอาจจะยังไม่เยอะแต่ก็ช่วยทำให้เราเล่นเกมได้สมูทขึ้นนะ คือรู้สึกดีเลยล่ะถ้าไปเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่ยังเป็นแค่ 60 Hz อะไรแบบนี้ แต่เปิดโหมดความละเอียดสุดก็เครื่องร้อนใช้ได้เหมือนกัน พวก Genshin Impact นี่ภาพอย่างงามเลย แลกมาด้วยความร้อนเร็วและแบตที่หมดไวขึ้นนั่นล่ะ

 

ตบท้ายด้วยคะแนนการทดสอบ จาก pc mark 3D mark และ AI Benchmark ก็เอาไว้อ้างอิงเฉยๆ ล่ะ แรงไม่แรงเรารู้สึกได้อยู่แล้ว

 สรุปการใช้งาน Xiaomi Mi 10T Pro 5G

โดยภาพรวมผมว่าน่าพอใจนะครับสำหรับรุ่นนี้ กับที่ใช้งานมาได้ประมาณเดือนกว่าๆ สมใจกับการเอามาทดสอบ 5G ในแต่ละพื้นที่ แน่นอนกับการเล่นเกม แบตอึด หน้าจอรีเฟรชเรทสูง เล่นเกมสนุก ใช้งานสบายตา เรื่องกล้องผมก็ไม่ได้ซีเรียสมากแต่ผมว่าภาพมันจะดูเนียนตาซอฟท์ไปสักนิด อยากได้ที่แบบคมกว่านี้สักหน่อย หรือไม่ผมก็อาจจะเป็นคนถ่ายภาพทั่วไป ที่อาจจะยังไม่สามารถดึงศักยภาพของกล้องออกมาได้ล่ะนะ คือสเปคกับราคาผมว่าควักตังค์ได้เลยครับ แม้ว่าจะยังมีรุ่นอื่นในตลาดที่ตัวเลือกน่าสนใจเข้ามาเรื่อยๆ แต่ผมว่ารุ่นนี้สำหรับผมเองตอบโจทย์ ในราคาที่รู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไปอย่างแน่นอน

ถูกใจบทความนี้  56