ทักทาย วันจันทร์ มันส์เดย์ – Wearable เพื่อสุขภาพถึงจุดอิ่มตัวแล้ว?

จากที่ติดตามเทรนด์ของ Wearable เริ่มแรกจนมาถึงจุดอิ่มตัวแล้วใช่ไหม? คือจริงๆ ก็ต้องบอกว่ายังไม่อิ่มตัวในด้านของผู้ใช้งาน เพราะยังมีผู้ใช้งานอีกจำนวนมากที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจ ด้านการใช้งานอีกเยอะเลยทีเดียว ทำให้การเข้าถึงอุปกรณ์ยังมีช่องว่างจำนวนมาก แต่ถ้าด้านเทคโนโลยีแล้ว เรียกว่าแทบจะรองรับการใช้งานพื้นฐานเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกายแทบครบทั้งหมดแล้วก็ว่าได้ โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายในราคาแพงมากนัก ยกตัวอย่างเช่น ค่าย Huawei ที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพได้ครบถ้วน โดยเฉพาะวัด SpO2 หรือวัดออกซิเจนในเลือดได้ตลอดเวลา แบตอึด ใช้งานได้ทั้งวันใส่แล้วก็ไม่รู้สึกหนักหรืออึดอัดเหมือน smartwatch หากเป็นด้านการออกกำลังกายค่ายอย่าง Amazfit เองก็ถือว่าทำได้ดีในราคาระดับพันหรือสองพันกว่าบาท หรือค่าย Xiaomi เองที่ออกมาเยอะอยู่แล้วเช่นกัน และจากที่สังเกตุก็คือ บรรดา Smartwatch ทั้งหลาย ปัจจุบัน ฟีเจอร์แทบไม่หนีกันแล้ว พื้นฐานมีครบ ที่จะแตกต่างก็เป็นฟีเจอร์ล้ำๆ หน่อยเช่นเตือนการล้ม ECG รับการโทรเข้าออก ซึ่งเอาจริงๆ รุ่นที่ออกปีที่แล้วก็มีฟีเจอร์พื้นฐานครบอยู่แล้ว สำหรับ Smartwatch โดยจุดสังเกตเอง ฟีเจอร์ต่างๆ ที่บางครั้งไม่ได้มีในรุ่นเก่า แต่ทว่าเพียงแค่ผู้ผลิตเปิดการอัปเดตให้รองรับก็สามารถทำได้ แต่ก็ไม่ได้อัปเดตเรื่องฟีเจอร์เพิ่มเติม เพราะไม่งั้นเดี๋ยวของใหม่ขายไม่ได้นั่นเอง แต่เอาจริงๆ ควรทำเหมือน smartphone เพราะสเปคในปัจจุบันแทบไม่หนีกันแล้ว ฟีเจอร์เปิดได้แค่อัปเดต ก็ควรจะเปิดให้ผู้ใช้งานใช้งานกันไป เพราะยังไงซะบรรดาอุปกรณ์ Wearable นี่มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่แบตเตอรี่ การเเปลี่ยนทำได้ยากกว่า smartphone เยอะ ส่วนใหญ่ก็จะทิ้งเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเคลียร์กันยังไงทั้งโลกแล้วล่ะ การที่ช่วยยืดระยะเวลาให้ผู้ใช้งานใช้งานไปนานขึ้นก็ถือว่าเป็นอีกส่วนนึงที่รักษ์สิ่งแวดล้อม และลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้เช่นเดียวกัน  สรุปคือปัจจุบัน ราคาไม่แรง ตอบโจทย์ครบ หาซื้อได้กันแทบทุกค่าย ที่เหลือก่อนจะซื้อดูเรื่องประกันและของแท้จากศูนย์จะดีที่สุดครับ



ถูกใจบทความนี้  0