บทสรุปภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล และ Cryptocurrency

สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกันเช่นเคยทุกวันเสาร์ครับ ช่วงนี้สถานการณ์ต่างๆ ทางเศรษฐกิจดูเหมือนจะกำลังเริ่มปรับตัวให้เข้าที่เข้าทาง ทั้งจากการประชุมหารือของ FED ถึงเรื่องการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ หรือแม้กระทั่งในบ้านเราอย่างเรื่องการจัดเก็บภาษีจากสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมานั้น สินทรัพย์ดิจิทัล และ Cryptocurrency ในไทยเติบโตมาก และยังไม่มีการบังคับจัดเก็บภาษีตามกฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นกฎหมายเดิมที่ออกตั้งแต่ปี 61 ซึ่งก็เป็นการผ่อนผันมาโดยตลอด และเมื่อทางกรมสรรพากรประกาศว่าจะเริ่มจัดเก็บภาษี ซึ่งดูเหมือนว่าหากการบังคับใช้ตามกฎหมายเดิมนั้น อาจจะสร้างความยุ่งยากให้กับผู้เสียภาษี รวมถึงอาจทำให้ Exchange ไทย สูญเสียการแข่งขันได้ ทางกรมสรรพากรจึงพยายามหาความตกลงร่วมกัน เนื่องจากกฎหมายออกมาก่อนในช่วงที่ยังไม่มีรูปแบบหรือรายละเอียดชัดเจนเท่าไรนัก แต่เมื่อจะมีการนำมาใช้จึงต้องมีการหารือ และรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปได้อย่างที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ถูกต้อง และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

โดย บทสรุปของภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล และ Cryptocurrency นั้น มีประเด็นหลัก 3 ประเด็น ได้แก่ 1) กรมสรรพากรให้เราสามารถนำขาดทุนหักลบกำไรได้ ในปีภาษีเดียวกัน แต่จะต้องเป็นการเทรดใน Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. เท่านั้น 2) จะทำการยกเว้นหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% เนื่องจากไม่สามารถระบุตัวผู้รับเงินได้ จึงถือว่าไม่เข้าเงื่อนไของค์ประกอบในการหัก ภาษี ณ ที่จ่าย และ 3) สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ทางกรมสรรพากรจะเสนอพระราชกฤษฎีกาให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับธุรกรรมที่ทำผ่าน Exchange ที่อยู่ใต้การกำกับของ ก.ล.ต. เช่นเดียวกัน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีที่การจัดเก็บภาษีนั้นจะได้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รัฐก็ควรจัดเก็บรายได้ได้ และผู้เสียภาษีก็มีความยินดีชำระภาษีโดยสมัครใจ เพราะรู้สึกถึงความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีและไม่เพิ่มภาระมากจนเกินไปนั่นเองครับ สำหรับแอดมินแล้ว ถ้าเอาขาดทุนมาหักลบกำไรได้ก็สบายล่ะครับ เพราะคงไม่มีโอกาสได้เสียภาษีแน่ๆ ครับ ฮ่า วันนี้ลากันไปเพียงเท่านี้ครับ

Source: The Revenue Department

ฝากเพื่อนๆ กดไลค์กดแชร์และติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทีมงานด้วยนะครับ  >>>> https://goo.gl/8OD74l