นับว่าเป็นปรากฎการณ์นึงของชาว Apple ที่มีการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวานก่อนและอีกแป๊ปนึงก็พร้อมวางแผงกันเลยทีเดียว โดยวันนี้ วันที่ 9 กย. เป็นวันเปิดจองซึ่งจองกันช่วงเย็นเสียด้วย กับทุกช่องทางทั้งโอเปอเรเตอร์ และบรรดาร้านค้าออนไลน์ทั้งหลาย รวมถึง Apple Store ก็คงได้ฤกษ์สั่งจองกันสักที เรื่องฟีเจอร์ต่างๆ ก็มีการอัปเกรดกันไปทั้งด้าน hardware แน่นอนว่าหัวใจหลักในปีนี้รุ่นใหญ่สุดซีรีส์ของ Pro และ Pro Max นั่นล่ะ ครับ ส่วนตัวปกติถือตัว Pro อยู่แต่ก็แบบว่า เริ่มหน้ามืดตามัว เอ๊ยไม่ใช่สิ สายตาเริ่มยาวเริ่มต้องการหน้าจอขนาดใหญ่ อาจจะหลีกไม่ได้ต้องไป Pro Max (หาเหตุเสียตังค์แท้ๆ เชียว) เอาจริงๆ ผมว่าใครที่ไม่ได้เปลี่ยนมาแล้ว 3 generation ก็น่าจะสอยนะครับ แม้ว่าราคาในปีนี้เปิดมาแรงไปสักหน่อย อาจจะด้วยทั้งต้นทุนที่อาจจะขึ้นด้วยชิ้นส่วนต่างๆ ขาดตลาด และค่าเงินด้วย ก็ทำให้ราคาค่าตัวเริ่มต้น #iPhone14 หน้าจอ 6.1 นิ้ว สำหรับรุ่นความจุ 128GB อยู่ที่ราคา 32,900 บาท รุ่นความจุ 256 GB ราคา 36,900 บาท และ รุ่นความจุ 512 GB ราคา 45,900 บาท ถัดไปตัวหน้าจอใหญ่ 6.7 นิ้ว ยังคงใช้ A15 #iPhone14Plus รุ่นความจุ 128GB 37,900 บาท รุ่นความจุ 256 GB ราคา 37,900 บาท และ รุ่นความจุ 512 GB ราคา 50,900 บาท เห็นราคาแล้ว ก็ตามนั้นครับ หากต้องการใช้งาน 5G กล้องอาจจะไม่ได้เน้นมาก ผมว่าตรงนี้ก็น่าจะพอแล้วจริงๆ ผมเชื่อว่าบวกโปรโอเปอเรเตอร์ หรือพวกคะแนนบัตรเครดิตทั้งหลาย ก็น่าจะลดไปหลายอยู่
ส่วน ซีรีส์ Pro ที่อัปเกรดเรื่องกล้อง เรื่อง notch หรือรอยบากที่อัปเกรดกลายเป็นรูอยู่ด้านหน้า แต่ว่ามีการประยุกต์ฺใช้งานให้ดูมีประโยชน์มากขึ้น นอกจากจะอยู่ให้รกหูรกตา ส่วนตัวแล้วก็ยังคงรกหูรกตาเเหมือนเคย แต่ทว่าก็พยายามหาข้อดีมากลบนั่นแล ซึ่งก็โอเคน่ะ กล้อง 48 ล้านพิกเซล ก็ดูดี ฟีเจอร์ครบๆ #iPhone14Pro 41,900 บาทสำหรับรุ่นความจุ 128GB ต่อไปคือ รุ่นความจุ 256 GB ราคา 45,900 บาท รุ่นความจุ 512 GB ราคา 54,900 บาท และ รุ่นความจุ 1 1TB ราคา 63,900 บาท สุดท้ายหน้าจอใหญ่ที่ผมเล็งไว้ 6.7 นิ้ว #iPhone14ProMax เริ่มต้นที่ความจุ 128GB 44,900 บาท ซึ่งน่าลงทุนมากสุดและ แต่ทว่าส่วนตัวดันใช้พื้นที่เยอะ น่าจะไปจบที่ รุ่นความจุ 256 GB ราคา 48,900 บาท ส่วน รุ่นความจุ 512 GB ราคา 57,900 บาท และ รุ่นความจุ 1 1TB ราคา 66,900 บาท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงชั่งใจก่อนล่ะ ราคาแรงใช้ได้อยู่ ยังไม่รวม AirPod Pro กับ Apple Watch 8 หรือ Ultra อีกนะ ยาวๆ ไป รักจะใช้ Apple ก็จัดกันไป
สำหรับครั้งนี้ มาเร็วก็ดี เทียร์แรกก็ชัดเจน หลังจากที่แอปเปิ้ลลุยมาเรื่อย ทั้งสโตร์ในไทยหรืออื่นๆ ก็ชัดเจนว่าสุดท้ายไทยก็เป็นอีกตลาดที่ปล่อยไม่ได้ เพราะฝั่ง Android ก็โตอยู่ทุกวี่วัน คอยจะจ้องกินส่วนแบ่ง อีกทั้งนวัตกรรมก็แซงไปหลายแล้ว ยังหวังว่าจอพับจะมา เซอร์ไพรส์ แต่รอไป ขนาดกล้องรูเจาะข้างหน้า กะกล้องความละเอียดมากขึ้นกว่าจะมา กี่ปีแล้วล่ะบนดรอยด์ พอมาถึงตรงนี้ผมก็เดาได้เลยว่าต้นทุนมันคงคุ้มกำไรแล้ว เลยจับมาอัปเกรดเอากาคตลาดสักหน่อย คอนเซ็ปท์เดิม อินโนเวชั่นคนอื่นเมื่อหลายปีก่อน คือของใหม่สำหรับเรา คือไม่ได้มองว่าต้องใหม่สุดๆ แล้วใช้งานจริงได้แค่กลุ่มลูกค้าเล็กๆ ต้นทุนสูง มาท่านี้ดีกว่า แมสแล้วต้นทุนอุปกรณ์ก็เหมาะสมกำไรก็เยอะกว่า คนใช้ก็โอเคอยู่ละรับได้ แม้ว่าจะตามอีกฝั่ง แต่ในแง่คนใช้ถ้าหากถือแค่ฝั่งเดียว ยังไงซะมันก็ของใหม่ ยังไม่เคยใช้มาก่อนประสบการณ์การใช้งานก็ยังใหม่ ว้าวได้น่า มีหลายมมุมสุดท้าย แพงยังไง ยอดจองช่วงแรกก็แย่งกันอยู่ดี และสิ่งที่ไม่ปล่อยมาสักทีก็คือ USB-C และเชื่อได้เลยว่ารุ่นหน้า iPhone 15 นั่นล่ะจะมาพร้อมกับ USB-C กั๊กเอาไว้ตรง minor change รอบหน้าหน่อย
You must be logged in to post a comment.