รีวิว dtac phone 4G รุ่น Eagle Blade 4G 16GB สีทอง พญาเหยี่ยว สยายปีก สู่ 4G

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-001

dtac phone 4G ทำตลาดมาได้นานหลายปี และแน่นอนว่าเป็นคู่แข่งกับอีกสองค่ายโอเปอเรเตอร์ โดยมีซีรีส์ Eagle Blade เป็นตัวชูโรง โดยที่ล่าสุด dtac phone 4G ออกรุ่น Eagle Blade 4G มาอีกระลอกรองรับการใช้งาน 4G ที่วันนี้ dtac มีให้ใช้งานในคลื่น 1800MHz ก่อนใคร ก่อนที่จะประมูลคลื่นเสียอีก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาครอบครองทั้งสองคลื่นก็ตามที แต่ก็ยังมี 4G ให้ใช้งานกันเหมือนค่ายอื่นๆ และ dtac phone 4G รุ่นนี้จะออกมาย้ำว่า นอกจากเครือข่าย 4G ที่มีให้แล้ว ก็ยังมีเครื่องที่รองรับการใช้งานเครือข่ายที่ให้บริการอีกด้วย

สำหรับ dtac คงเกริ่นกันไปแล้วล่ะครับ มาดูเรื่องตัวเครื่องและการใช้งานต่างๆ กันดีกว่าครับ ว่าแจ่มแจ๋วแค่ไหน โดยรุ่นนี้มีให้เลือกทั้งสีทอง และสีเงิน รวมถึงมีรุ่นพื้นที่ 16GB และ 8GB ให้เลือก โดยรุ่น 8GB ราคาที่ 4,390 บาท และรุ่นที่ได้มารีวิวนี้ราคา 5,390 บาท และเป็นสีทองนะครับ ก่อนไปชมรีวิว มาแนะนำสเปคเบิ้องต้นกันก่อนเลยดีกว่า

dtac phone 4G รุ่น Eagle Blade 4G 16GB ราคา 5,390 บาท (รุ่น 8GB ราคา 4,390 บาท)
สเปคเบื้องต้นดังนี้

 

ชนิดหน่วยประมวลผล : MT6735P Quad Core 1.0GHz (64 Bit)
ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop)
ขนาดจอแสดงผล 5.0” HD IPS แบบ 2.5D 800×1280 Pixels
ขนาดเครื่อง 143×70.6×8.36 mm
น้ำหนัก 138 g
หน่วยประมวลผลกราฟิค: Mali-T720
Ram 2 GB หน่วยความจำตัวเครื่อง 16 GB
กล้องหลัง 8 MP พร้อม LED Flash
กล้องหน้า กล้องหน้า 8 MP พร้อม Flash หน้า
รองรับ 2 ซิม
รองรับเครือข่าย 2G 900/1800
รองรับเครือข่าย 3G 850/2100
รองรับเครือข่าย 4G 900/1800/2100 MHz
ความเร็วในการรับส่งข้อมูล HSPA+21Mbps/5.76Mbps LTE 150Mbps/52Mbps
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.0, GPS
แบตเตอรี่ 2,200 mAh Li-Ion

แกะกล่องและดูรอบๆ ตัวเครื่องกันหน่อยดีกว่านะครับ

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-001

ด้านหน้ากล่องมีระบุรายละเอียดชื่อรุ่น และแปะสติ๊กเกอร์สีแดง ซึ่งแจ้งรายละเอียดการเติมเงินของลูกค้า Happy

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-003
dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-002

 

ส่วนด้านข้างจะเป็นสเปค รายละเอียดต่างๆ บอกเอาไว้ครบถ้วน ซึ่งสเปคในเว็บ dtac เอง ก็ไม่ได้บอกละเอียดขนาดนี้นะ

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-004

 

ด้านหลังมีแถมซิมมาให้ด้วย ใครมีอยู่แล้วก็ผ่านไป แต่ถ้าอยากได้โปรโมชั่นด้วยล่ะก็ จะเติมเงินหรือรายเดือนก็ได้โปรโมชั่นแจ่มๆ ค่าโทรหรือค่าเน็ทเท่ากับค่าเครื่อง 5,400 บาท โดยเติมเงินเดือนละ 150 บาทขึ้นไป

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-006

อุปกรณ์ภายในกล่องครับ มาตรฐานสากล มีฟิล์ม และเคสแบบ flip มาให้ด้วย สังเกตุตรงเคสให้ดี คือมีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายกับ LG เลย

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-008

ผมชอบอะแดปเตอร์มาก คือเป็นแบบงอ ซึ่งเวลาเสียบชาร์จ จะช่วยให้สาย usb ตรงส่วนหัวไม่หักง่ายๆ ปกติถ้าตรงๆ และเราเสียบปลั้กในแนวตั้ง สาย usb จะงอลงมา บางครั้งสายมันก็ขาดในตรงขั้วสายนั่นล่ะครับ

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-009

เคสที่แถมมาให้ก็ดูดี สีทองมาเชียว

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-010

ด้านหลังก็สกรีนมาเรียบร้อย
dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-011

สงสัยอย่างนึงคือ ทำไมด้านข้างถึงมีสัญลักษณ์ เร่งและลดเสียงบอกด้วย ปกติการทำสัญลักษณ์บนเคสแบบนี้ ดูไม่ค่อยงามเท่าไหร่ แต่อาจจะกลัวคนใช้งานอย่างเราๆ ไม่รู้ล่ะมั้ง

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-012

 

ลองเปิดฝาเคสด้านในดูครับ จะเห็นว่าด้านหน้ามีลัษณะเหมือน quick circle ของ LG แต่เท่าที่ลองดูก็ไม่ได้มีแอพอะไร พิเศษ เป็นแค่ปิดฝา แสดงเวลาปกติ

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-021

มาดูตัวเครื่องด้านหน้ากันบ้าง มีสเปคแจ่มๆ ติดเอาไว้ให้เราดูกันอีกรอบ dtac รับประกันเครื่องถึง 15เดือนเลยทีเดียว

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-019

หน้าจอขนาด 5 นิ้วกำลังเหมาะมือ ด้านหน้ามีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล อันนี้ล่ะพีคสุดของ Eagle Blade 4G รุ่นนี้แล้ว

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-020

ส่วนด้านล่างจะสังเกตุเห็นว่าปุ่มกด ไม่มีสัญลักษณ์บอกว่าเป็นปุ่ม back หรือ recent app เพราะว่าเราสามารถตั้งค่าได้ ว่าอยากใช้ปุ่มทางด้านซ้ายเป็นอะไร และทางด้านขวาเป็นอะไร ตามความถนัด

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-016

ด้านหลังสีทองอร่าม จะว่าไปก็ดูดีเหมือนกันนะ สีทองแบบนี้

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-017

กล้องมีความละเอียดเท่ากับด้านหน้าคือ 8 ล้านพิกเซล ไม่มาก และไม่น้อยไป

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-018

 

 

ด้านล่างดีไซน์เอาไว้สำหรับแบรนด์ dtac phone 4G ซึ่งไม่มีคำว่า ZTE อีกต่อไป แต่จริงๆ แล้วก็ OEM มาจาก ZTE นั่นล่ะครับ

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-029

ขอบก็เป็นสีทองสวยงาม ด้านบนมีแค่ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-030

ส่วนด้านล่างก็มีไมค์ พร้อมกับพอร์ท micro USB สำหรับชาร์จและซิงค์

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-025

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-031

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-032

ด้านข้างมีแค่ปุ่ม power สำหรับปิด เปิดเครื่อง

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-028

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-034

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-033

 

ส่วนอีกด้านนึงมีแค่ปุ่ม เร่ง และลดเสียง ตามสเต็ปท์ล่ะ แต่ที่แน่ๆ สีทองรอบๆ ตัวเครื่อง สะท้อนแสงดูดีไม่น้อยเลยล่ะ

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-037

ลองแกะฝาหลังดูบ้าง รุ่นนี้รองรับ 4G  รองรับ 2 ซิม และใส่เมมเพิ่มได้ ส่วนแบตให้มา 2200 mAh ก็พอใช้งานทั้งวันอยู่นะ

พอดีมีเครื่องรุ่นอื่นๆ อยู่ เอามาเปรียบเทียบกันสักหน่อยก็แล้วกัน

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-043

ระหว่าง dtac phone Eagle Blade ตรงกลาง Eagle Blade 4G 16 GB และขวาสุด  Eagle 5.0

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-042

ดูแล้ว Ealge blade 4G นี่ดีไซน์แอบไปคล้ายกับ Eagle 5.0 นะ ยกเว้นเรื่องกล้อง

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-045

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-046

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-047

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-048

 

ลองเปรียบเทียบมุมต่างๆ ยังไงสีทองก็สวยกว่าอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ

มาดูเรื่อง software บ้างดีกว่า

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-software-024-horz

หน้า Home สวยงามพร้อมแอพใช้งาน โดยตัว browser แปะ Opera เอาไว้ที่หน้าแรก ส่วน Google Chrome ก็ยังมีอยู่นะ
dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-software-013-horz

ส่วนแอพต่างๆ มีให้เพียบ เพียบจริงๆ แอพที่เห็น ยกเว้น Antutu คือแอพที่มากับเครื่อง เรียกว่าครบทั้งการใช้งานและเกมส์ แต่ต้องบอกว่าเยอะเกินไป เพราะบางอย่างเราก็คงไม่อยากใช้งาน โดยเฉพาะแอพที่เป็น 3rd party ต่างๆ ตรงนี้ถ้าให้เลือกลงเองได้ก็จะดีมาก

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-software-001-horz

 

ซึ่งจริงๆ เหลือใช้งานประมาณ 10 GB ได้ ก็ถือว่าโดน OS กับแอพไปซะ เกือบ 6GB  แต่ยังไงก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะใส่ mem เพิ่มได้พร้อมตั้งค่าให้เป็นที่เก็บข้อมูลหลักได้เลย  ส่วนเรื่องการแสดงผลนั้น รองรับ MiraVision ที่ช่วยให้ภาพคมชัด รวมถึง มีเรื่องของ Auto Unlock หากใส่เคสที่แถมมาให้ แล้วเปิดเคสออกมา เครื่องจะ unlock อัตโนมัติ สามารถใช้งานได้ทันที ก็นับว่าสะดวกไปอีกแบบ

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-software-017-horz

 

ตัวปุ่มกดด้านล่าง สามารถตั้งค่าได้ โดยมาตั้งตรงนี้ล่ะครับ และที่หน้าแรกยังรองรับการใช้งานง่ายๆ สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคย Smartphone อีกด้วย และแน่นอนว่ามาพร้อมกับ Android 5.1 ลื่นๆ

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-software-007-horz

ว่าแล้วก็ทดสอบคะแนนจาก Antutu สักหน่อย พร้อมกับมัลติทัชได้ 5 จุด ถือว่าโอเคแล้วล่ะครับ

ต่อไปก็โหมดกล้อง

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-software-026-horz

 

 

สำหรับโหมดกล้อง ก็มีโหมดทั่วๆ ไปครบ โหมดหน้าสวยก็มี แต่ว่าไม่ค่อยแจ่มนัก

dtac-phone-4g-Eagle-blade-4G-software-027-horz

 

การตั้งค่าต่างๆ ก็ครบถ้วน คราวนี้เรามาดูเรื่องของตัวอย่างภาพถ่ายกันบ้างดีกว่า

อย่างที่เห็นล่ะครับว่าของอย่างนี้ถ้ามีฝีมือ ภาพก็แจ่มได้

สรุปกันสักนิด

สำหรับช่วงนี้ที่มีตัวเลือกเครื่อง 4G มากขึ้น dtac phone 4g ก็มีซีรีส์ Eagle Blade 4G มารองรับการใช้งานเช่นกัน โดยสนนราคาก็ไม่แพง 5,390 บาท โดยที่เป็นรุ่น 16GB ซึ่งการใช้งานโดยภาพรวมดี ลื่น ดีไซน์สวย ยิ่งสีทองยิ่งดูดีมีราคา จุดเด่นก็คงเป็นกล้องด้านหน้าที่ 8 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้มุมกว้าง และความละเอียดมาก โดยรวมน่าพอใจ แต่โหมดของกล้องเรื่องหน้าสวยยังไม่แจ่มเท่าที่ควร รวมถึงไม่มีแอพมาให้แต่งหน้าในภายหลัง แอพที่ให้มากับเครื่องเยอะไปสักหน่อย ทำให้อาจจะกินพื้นที่หลักที่มีให้ซึ่งถ้าเป็นรุ่น 16GB ยังไหว แต่ถ้าเป็นรุ่น 8GB นี่อาจจะใช้งานอึดอัดบ้างล่ะ แต่อย่าลืมว่า dtac phone 4G ยังมาพับความคุ้มค่า หากใช้แบบเติมเงิน เพียงเติมขั้นต่ำ เดือนละ 150 บาท ก็ได้เงินคืนเท่าค่าเครื่องแล้วล่ะครับ อย่าลืมกดรับสิทธิ์กันด้วยนะครับ สรุปว่าเป็นตัวที่คุ้มค่าอีกรุ่นนึง

ขอบคุณ dtac ที่ให้ยืมเครื่องทดสอบ

 



ถูกใจบทความนี้  2