รีวิว GoPro Hero+ LCD มาแกะกล่อง พร้อมกับแนะนำให้รู้จักกับรุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมราคาเบาๆ

วันนี้มีโอกาสได้จับ GoPro กันสักที หลังจากที่ผ่านมานี่ต้องบอกว่า ฮิตกันสุดๆ กับ GoPro รุ่นต่างๆ รวมถึงบรรดา Action Camera ที่เข้ามาทำตลาดในไทยเพียบ GoPro Hero+ LCD วันนี้ที่จับมาบอกเล่า เก้าสิบให้ฟังเป็นรุ่นที่เรียกว่าเพิ่งออกมาได้ไม่นาน จากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการอย่าง เมนทาแกรม (Mentagram) ที่ออกมาพร้อมกันถึง 2 รุ่น อีกรุ่นนึงก็มีแกะกล่องให้ชมกันไปแล้วใน GoPro Hero4 Session วันนี้ผมพามาแกะกล่องกันต่อกับรุ่น GoPro Hero+ LCD

Join PDAMobiz on Telegram

สำหรับกล้อง Action Camera เป็นกล้องที่มีขนาดเล็ก แต่มีคุณภาพสูง ได้มุมมองที่กว้างกว่ากล้องปกติทั่วๆ ไป เรียกว่านำเลนส์ที่สามารถเก็บภาพขนาดกว้างมาบรรจุอยู่ในกล้องตัวเล็กๆ นั่นเอง ทำให้สามารถพกพาติดตัว รวมถึงติดตั้งในที่ๆ ยุคก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าจะใช้กล้องนำไปติดตั้ง ณ ตำแหน่งนั้นได้ ทำให้เราได้รับชมภาพในมุมมองต่างๆ ที่ไม่เคยเห็นมากมาย ซึ่งวันนี้ GoPro ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ในราคาประหยัดที่ 10,999 บาท ลงตลาดมาเรียบร้อยกับ GoPro Hero+ LCD โดยหลักๆ แล้วจะมีตัว LCD ขนาดเล็กอยู่ด้านหน้า เพื่อการใช้งานที่ง่ายยิ่งขึ้น ว่าแล้ว บทความนี้ก็มาแกะกล่องกันก่อนเลยครับ

ตัวกล่องออกแบบมาในแนวตั้ง ซึ่งจริงๆ ตัวกล้อง GoPro Hero+ LCD มีขนาดตัวไม่ใหญ่ไม่โตมากนัก ตัวด้านหลังกล่องระบุรายละเอียดต่างๆ ไว้ครบ เจ้า GoPro Hero+ LCD จะทำให้เราเป็นฮีโร่ ถ้าได้ไปเล่นกีฬาหวาดเสียวต่างๆ จะได้ภาพที่แบบว่า ไม่ค่อยมีใครกล้าทำ ซึ่งอย่างที่เราเคยเห็นกันล่ะครับ ว่าเพียบ โดดจากหน้าผ้า ปั่นจักรยานวิบากศ์ แบบโลดโผน ผมงี้ไม่กล้าเลยทีเดียว หน้ากล่องระบุฟีเจอร์เอาไว้ให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวีดีโอแบบ Full HD 1080P ที่ 60 fps และถ่ายภาพได้ความละเอียดภาพ 8 ล้านพิกเซล และมี display ที่สามารถควบคุมผ่านหน้าจอได้เลย อีกฟีเจอร์นึงคือ กันน้ำได้ลึก 40 เมตรด้านหลังอย่างที่บอกครับว่าระบุรายละเอีด้ยดไว้ครบถ้วน ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์หลักๆ ที่สามารถทำได้และที่ขาดไม่ได้ก็คือ มีแอพที่สามารถเชื่อมต่อใช้งานได้ตามสไตล์ GoPro

ตัวกล่องด้านล่างแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับ GOPRO เอาไว้ แน่นอนว่านำเข้ามาจากต่างประเทศ แกะกล่องด้านในจะพบกับคู่มือ และการแนะนำใช้งานเบื้องต้น

อุปกรณ์ภายในกล่องครับ จะมีอยู่เท่านี้เลย คู่มือ สติ๊กเกอร์ สายชาร์จ+ซิงค์ ฝาปิดหน้าจอ อีก 2 ชิ้น mount สำหรับยึดกับขาตั้ง 2 ชิ้น

หลังจากแกะกล่องผมขอเอาสเปคมากางให้ดูหน่อยก็แล้วกัน

โดยสเปคภาพรวมมาจากเว็บ GoPro โดยตรงครับมาดูรูปร่างกันหน่อยดีกว่าครับ สำหรับเจ้า GoPro Hero+ LCD มีขนาดไม่ต่างจากรุ่นพี่ๆ สักเท่าไหร่ ผมยังหาขนาด แป๊ะๆ ไม่ได้นะครับ ว่ากว้าง ยาว สูงเท่าไหร่ สำหรับรุ่นนี้ เจ้า GoPro Hero+ LCD เนี่ยจะมาพร้อมกับ ขาตั้ง และกรอบที่เรียกว่า housing เรียบร้อยแล้ว โดยหลักๆ สามารถกันน้ำได้ก็เนื่องจากมี housing ที่ติดตัวมาด้วยนี่ล่ะครับ แต่ที่เรียกว่าจุดบอดอย่างนึงเลยก็คือ housing เนี่ยไม่สามารถเปลี่ยนได้ กรณีที่เป็นรอยหรือเกิดเหตุที่จำเป็นต้องถอดออกมา ซึ่ง GoPro Hero+ LCD ไม่สามารถทำได้นะครับ มีปัญหาเข้าศูนย์อย่างเดียว

ตัวปุ่มด้านหน้าเป็นปุ่มสำหรับ ปิด และเปิดการทำงาน รวมถึง ใช้ปรับโหมดอีกด้วย มีโหมดให้เลือกอยู่หลายโหมดด้วยกัน อาทิเช่น Brust mode, Timelapse mode ที่เหลือก็เป็นการถ่ายวีดีโอ และถ่ายรูป และสามารถเล่นภาพหรือวีดีโอที่ถ่ายไปแล้วได้ และอีกโหมดคือ setting เลือกสลับโดยอาศัยการกดปุ่มเดียวนี่ล่ะครับ เปลี่ยนโหมดไปเรื่อยๆ

LCD ด้านหน้า สำหรับเมนูการใช้งานขนาดย่อมๆ อันนี้เป็นมาตรฐานของ GoPro อยู่แล้ว

เลนส์ที่ติดมากับ GoPro Hero+ LCD เป็นเลนส์แบบ ultra-wide ซึ่งเราจะได้ภาพที่กว้างแบบสุดๆ แน่นอนว่าเลนส์แบบนี้ เราจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริม อาทิเช่ monopod หรือไม้เซลฟี่ที่ช่วยยืดกล้องขึ้นไปสูงๆ เพื่อให้เก็บภาพในมุมที่กว้างขึ้น ส่วนความละเอียดวีดีโอที่บันทึกได้สูงสุดที่ 1080P 60FPS นั่นหมายถึงเป็นความละเอียดสูงสุดแล้ว แน่นอนว่าหากต้องการความละเอียดในระดับ 4K ก็ต้องอัพขึ้นไปเป็นรุ่นใหญ่ แต่สำหรับ GoPro Hero+ LCD ก็เพียงพอกับการใช้งานสำหรับผู้ใช้งานทั่วๆ ไปแล้วล่ะ

ตรงด้านข้างมี่ปุ่ม Option สำหรับเข้าไปในการตั้งค่า ปรับแต่งเมนูย่อยต่างๆ อย่างเช่นเข้าโหมดการถ่ายวีดีโออยู่ เราก็กดปุ่มนี้เพื่อไปตั้งค่าเลือกความละเอียดวีดีโอที่จะปรับได้ กรณีที่เราใส่ housing อยู่นี่ เราจะไม่สามารถสัมผัสหน้าจอได้ (กรณีใส่ตัวฝา housing ที่ติดมากับตัว)
ด้านหลังเป็นจอ LCD ที่จะมีในรุ่นที่ราคาแรงๆ อย่าง Hero4 Silver แต่ทว่ารุ่นนี้ราคาค่าตัวหมื่นต้นๆ แต่ก็มี LCD มาให้ เรียกว่าสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น แต่ทว่าเนื่องจากการใช้งานนั้นติด housing ดังนั้นการใช้งานจริงๆ ควรเปลี่ยนฝาปิดหน้าจอที่ออกแบบมาในแต่ละสภาพการใช้งาน

ตรงส่วนของด้านหลัง นอกจากจะเป็น LCD แสดงผลและภาพแล้ว ยังมีพอร์ท micro USB สำหรับเสียบชาร์จ และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และแน่นอนว่า slot ใส่ microSD ก็อยู่ตรงนี้ด้วย รองรับสูงสุด 64 GB นะครับ Highspeed class 10 ธรรมดาคงไม่พอแล้วนะในปัจจุบัน คงต้องใช้แบบ Super Speed ขึ้นไป พวก Sandsik Extreme Pro นั่นล่ะ ด้านข้างนึงดูเรียบๆ อีกอย่างนึงของตัว housing ที่เราอาจจะต้องทำใจเวลาใช้งานคือ รอยขีดข่วน ที่หากเกิดขึ้นแล้ว สำหรับ GoPro Hero+ LCD ก็ได้แต่ทำใจ

ส่วนตรงด้านล่างจะมีขายึดหรือ mount สำหรับต่อเข้ากับอุปกรณ์ติดตั้งอื่นๆ โดยตัวมันเองเอียงได้ในระดับนึง ซึ่งถ้าเป็นการใช้งานทั่วๆ ไป ก็เพียงพออยู่แล้ว แต่ถ้าอยากได้ทิศทางที่พิศดารพันลึกมากขึ้น ก็ต้องหาอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ล่ะ
ด้านบน ปุ่มนี้เป็นปุ่ม shutter สำหรับกดถ่ายหรือบันทึกวีดีโอตามปกติทั่วๆ ไป และตรงฝาด้านบนนี่ล่ะครับ ที่เป็นตัวล็อค housing กับฝาด้านหน้า
ซึ่งตรงตัวล็อคตรงนี้นี่เอง ที่เป็นอีกจุดสำคัญ เพราะว่าคุณสมบัติกันน้ำจะหายไปทันทีถ้าตัวล็อคมีปัญหา
วิธีล็อค และคลายล็อค ก็ไม่ยาก อันนี้ก็มาตรฐานสากล
เมื่อปลดล็อคเรียบร้อยแล้ว เราถึงจะสามารถเสียบชาร์จและใส่ microSD ได้
ตรงส่วนฝาปิดนี่ล่ะครับ ที่มีอุปกรณ์ให้เปลี่ยนอีก 2 ชิ้น โดยแต่ละชิ้นก็มีหน้าที่ของมันอยู่ เช่นสามาถทัชสกรีนในขณะที่ปิดฝาได้ หรือหากจะกันน้ำในระดับไม่ลึกมากสักก็อาจจะใช้ฝาอีกชนิดนึง หรือว่าฝาที่ติดมากับตัวนี่ก็ไม่สามารถทัชสกรีนจากด้านนอกได้ แต่กันน้ำได้ชัวร์ๆ น่าจะระดับ 40 เมตรตามฟีเจอร์ที่แจ้งไว้เลย อันนี้คงต้องทดสอบกันอีกที
ตรงนี้คือส่วนของ mount ที่จะนำไปใส่กับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ซึ่งจริงๆ ยึดติดกับ housing ไปแล้ว มีปัญหา แตกหัก ไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนได้หรือไม่ แต่ว่าเบื้องต้นถ้าเราไม่ extreme มากไป ก็คงไม่มีปัญหา อันนี้ลองใส่ฐานยึดดู มีให้เลือก 2 แบบคือพื้นปกติกับพื้นที่เป็นแนวโค้ง อันนี้ก็แล้วแต่สถานการณ์ที่เราไปใช้งาน

สรุปกันสักนิด

สำหรับ GoPro Hero+ LCD ในราคา 10,999 บาท จริงๆ ในความรู้สึกถือว่าแพงไปนิด ถ้าราคามาต่ำกว่าหมื่นนึงจะรู้สึกว่าคุ้มค่ามากๆ ด้วยความเป็น GoPro ก็อย่างที่รู้กันว่าราคาแรง แต่ก็แลกด้วยคุณภาพที่สมราคา ฟีเจอร์ต่างๆ สำหรับ Hero+ LCD ข้อดีก็คงเป็นเรื่อง LCD ที่มีให้เพิ่มความสะดวกในการดูภาพถ่าย หรือการใส่คำสั่งต่างๆ ตัวบอดี้ถูกยึดติดกับ housing แข็งแรง คงทนดี แต่ทว่าหากเกิดปัญหา การถอดเปลี่ยนก็คงทำไม่ได้ เรื่องแบตสำรองก็เป็นอันจบไป ต้องชาร์จสถานเดียว การใช้งานประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ หากนำไปใช้งานนานกว่านั้นก็คงต้องใช้ Powerbank ช่วย แต่ทว่าก็ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะใช้งานไปด้วยชาร์จไปด้วย มีโอกาสที่แบตอาจจะเสื่อมเร็วกว่าสเปคเดิม ดีไซน์ของ Action Camera ก็ใกล้ๆ กัน จะเรียกว่าสวยงามไหม ผมว่าก็ระดับนึงนะ แต่ที่ชอบก็คงเป็นเรื่องเบ็ดเสร็จในทีเดียว ซื้อมาปุ๊ป ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องไปหาซื้ออะไรมาเพิ่มมากมายนัก ใช้ติดรถยนต์สบายๆ สเปคที่ได้มาก็คงเป็นระดับ FullHD ถ่ายภาพ 8 ล้านพิกเซล ก็เพียงพอแล้ว ถ้าไม่โลดโผนมากนัก ตัวนี้คุ้มแน่นอน ตอนนี้เริ่มวางขายกันแล้วนะ เผื่อสนใจก็ลองหาซื้อดูได้ บาง online store มีแถม microSD ด้วยนะ ส่วนที่ซื้อมานี่ ราคาแต่ละร้าน เรียกว่าไม่ค่อยมีของแถมให้เลย ราคาอาจจะมีส่วนลดเงินสดให้ แต่คนไฮ โซอย่างเรา ก็บัตรอย่างเดียวล่ะครับ ฮ่าๆ ใครซื้อมาเล่นก็อย่าลืมมาแชร์ภาพถ่าย หรือวีดีโอมันส์ๆ กันบ้างนะครับ เอาไว้พบกันใหม่ในตอนถัดไป เพราะว่ามีแอพและการใช้งานให้เล่นกันอีกนะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจ้า

Join PDAMobiz facebook Group