ในที่สุดผมก็ได้เวลาเปลี่ยน Laptop เครื่องใหม่เสียทีหลังจากใช้เครื่องเดิมมานานกว่า 4 ปี จนมาเจอเจ้า Acer Swift 7 Laptop ที่บางที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ซึ่งดูแล้วเข้ากับไลฟ์สไตล์อยู่มาก เพราะตัวผมเองต้องการความบาง เบา และสเปคที่แรงพอประมาณสำหรับการใช้ทำงานเอกสาร เขียนรีวิวบนเว็บ และที่สำคัญคือแบตต้องอึด ไปข้างนอกนี่ต้องไว้ใจได้ซึ่งเจ้า Laptop ตัวนี้ก็ตอบโจทย์ผมได้เป็นอย่างดีจึงได้ตัดสินใจซื้อมาใช้งานเอง วันนี้จึงจะมาพรีวิวตัวเครื่องให้เพื่อนๆ ได้เห็นความงามกัน
Acer Swift 7 Specs:
– หน้าจอ IPS LED Backlight ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 (Full HD) อัตราส่วนหน้าจอ 16:9 ส่วนกระจกหน้าจอใช้ Gorilla Glass
– CPU Intel Core i5 (Gen 7) 7Y54 ความเร็ว 1.2GHz (เร่งได้สูงสุด 3.2GHz)
– Graphic Card: Intel HD Graphic 615
– Ram 8GB (LPDDR3 SDRAM)
– Hard Drive: SSD 256GB
– Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth
– ลำโพงคู่พร้อมระบบเสียง Dolby Audio
– แบตเตอรี่ 4-cell
– พอร์ทการเชื่อมต่อ: USB-C 2 พอร์ท, ช่องเสียบหูฟัง 3.5มม.
– น้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม
– ราคา 39,990 บาท
Acer Swift 7 จะมีวางจำหน่ายสีเดียวเท่านั้นคือสีดำทอง โดยตรงหน้าจอจะเป็นสีดำด้าน และตัวแป้นพิมพ์นั้นจะเป็นสีทอง
ด้านบนของตัวเครื่อง (ขณะพับ) จะมีไฟแสดงสถานะว่ามีการ Standby อยู่หรือมีการเสียบชาร์จอยู่หรือไม่
ด้านหลังตัวเครื่องมีเพียงลำโพงสเตอริโอเท่านั้น ด้วยความที่ตัวเครื่องมันบางมาก คือมีความหนาที่ 9.98มม. บางเสียจนตัวเครื่องไม่สามารถใส่พัดลมได้เลยล่ะ
ลองเทียบความหนาของ Swift 7 กับ iPhone 7 Plus (ใส่เคส Nillkin) จะเห็นว่ามองแบบนี้ถือว่าใกล้เคียงกันมาก มากเสียจนผมดูไม่ออกเลยว่าใครบางกว่ากันแน่
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ไม่มีพอร์ทใดๆ อยู่เลย และจากภาพนี้เราจะเห็นว่ามีการเล่นดีไซน์ตัวเครื่องเล็กน้อยให้ดูเท่ไปอีกแบบ (จริงๆ เข้าใจว่าทำมาเพื่อให้ลำโพงที่อยู่ข้างใต้ขับเสียงออกมาได้ดีขึ้นจากส่วนเว้าด้วย)
ด้านหน้ามีช่องเล็กน้อยให้สามารถเอานิ้วงัดหน้าจอขึ้นมาใช้งานได้
ด้านขวาของตัวเครื่อง จะมีพอร์ทอยู่ โดยจะเป็นพอร์ท USB-C 2 พอร์ทและพอร์ทเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5มม.
ทั้งนี้พอร์ท USB-C ที่ใช้ชาร์จไฟเข้าตัวเครื่องจะเป็นพอร์ทบนเท่านั้น พอร์ทล่างไม่สามารถชาร์จได้ แต่ทั้งสองพอร์ทสามารถใช้ซิงค์ข้อมูลได้
เปิดหน้าจอขึ้นมาดู อืม ดูดีหรูหรา มีชาติตระกูล สีดำตัดทองชัดมาก
หน้าจอ IPS Full HD ขนาด 13.3 นิ้ว ภาพใสชัดแจ๋ว
เหนือหน้าจอก็ต้องมีกล้องล่ะนะ
ที่มุมซ้ายตรงขอบจอภาพจะมีสเปคบอกคร่าวๆ เช่น โคตรบาง, วัสดุโลหะ, แบตเตอรี่ยาวนานถึง 9 ชม., Wireless โคตรแรง (MU-MIMO), USB-C สุดอเนกประสงค์ (แต่ต้องหาตัวแปลงนะ ฮ่าๆ) และหน้าจอใช้กระจก Gorilla Glass
แป้นพิมพ์ตัวเครื่องมีขนาดมาตรฐาน มีความห่างระหว่างปุ่มกำลังดี ในการใช้งานพิมพ์สัมผัสจากที่ใช้ดูไม่มีปัญหา
ปุ่มของแป้นพิมพ์มีความนูนขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเวลาพิมพ์สัมผัสจะมีการสะท้อนกลับมา ซึ่งปุ่มต่างๆ ไม่แข็ง พิมพ์ๆ ไปมันส์ใช้ได้เลย
ปุ่ม Power ของตัวเครื่องจะซ่อนอยู่บนแป้นพิมพ์เลย ต่างกับหลายๆ รุ่นที่ปุ่มจะอยู่นอกแป้นพิมพ์
มีสติกเกอร์บอกเวลาให้บริการภายใน 3 ชั่วโมงถ้าเครื่องมีปัญหา อ๊ะ ตัวนี้ประกัน 3 ปีนะ และมีบริการซ่อมถึงบ้านเลย สะดวกสบายไม่ต้องขนเครื่องไปรอที่ศูนย์
ลองดูตัวเครื่องด้านข้างขณะเปิดจอดูบ้าง บาง บางได้อีกมั้ย ?
องศาที่จอกางได้สูงสุดก็ประมาณนี้ ถ้ามากกว่านี้ก็หักนะจ๊ะ
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีแถมสายแปลง USB-C to USB-A ด้วย
ส่วน Adapter จ่ายไฟอันเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แต่จ่ายไฟแรงถึง 5V/12V/20V – 2.25A หรือได้แรงสุดก็ราวๆ 45W ครับ ถือว่าแรงเอาเรื่องเลย
สำหรับการใช้งานจากที่ผมทดสอบดูเบื้องต้น (พึ่งได้มาไม่กี่วัน) โดยเอาไปใช้งานนอกบ้านราว 5-6 ชม. ก็ยังมีแบตเหลือสบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร โดยการใช้งานที่ลองก็คือเขียนบทความรีวิว เปิดท่องเว็บ เล่น Social Network นี่ล่ะ ซึ่งดูแล้วก็น่าจะถึง 9 ชม. ตามที่บอกอยู่ ทั้งนี้หากเป็นการดูวิดีโอหรือใช้งานที่หนักขึ้น ความอึดของแบตเตอรี่ก็ต้องลดลงตามพลังงานที่ใช้ อาจเหลือราว 4-6 ชม.
บทความนี้ก็ถือเป็นการนำคอมที่นานๆ จะเปลี่ยนทีมาพรีวิวให้ได้เห็นกันนะครับ เผื่อใครกำลังมองหา Laptop ที่ไลฟ์สไตล์การใช้งานใกล้ๆ กัน
ถูกใจบทความนี้ 8
You must be logged in to post a comment.