Review! Alfawise Tab แท็บเล็ตครบเครื่องเรื่องความบันเทิง ในราคาที่เอื้อมถึง !!

 รับชมแกะกล่อง Alfawise Tab ในฉบับวีดีโอกันไปแล้ว https://goo.gl/hn82cC วันนี้มาต่อกันด้วย Full review พร้อมบทสรุปการใช้งานจริงของแท็บเล็ต Best Budget Tablet PC ปี 2017 ที่ได้รับ feedback เสียงชื่นชมในเชิงบวกเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่วัสดุงานประกอบ และสเปคต่อราคา ซึ่งหาไม่ได้ง่าย ๆ ในแท็บเล็ตเรทราคาเดียวกัน   

สเปคเบื้องต้นของ Alfawise Tab

● หน้าจอ IPS Retina  Display 7.9 นิ้ว ความละเอียด  QXGA 2048 x 1536 พิกเซล อัตราส่วน 4:3
● ซีพียู Mediatek MT8173 Quad-Core 2×1.6GHz ARM Cortex-A72 + 2×2.0GHz ARM Cortex-A53
● จีพียู PowerVR GX6250
● แรม  4GB,
● ความจุ 64GB
● กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส
● กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ฟิกโฟกัส
● แบตเตอรี่ 6,200mAh
● ระบบปฏิบัติการ Android 6.0
● พอร์ตการเชื่อมต่อ 1 x Type-C USB Port, 3.5 mm headphone jack, Power Off/On, Speaker
● ขนาดตัวเครื่อง 204 x 135 x 70 มม.
● น้ำหนัก 374 กรัม
● สี Gold

ราคาปรกติ 6,794 บาท

ใช้คูปอง Alfawisetab01

ราคาหลังใช้คูปองส่วนลด 5,249 บาท

สั่งซื้อได้ที่นี่ https://goo.gl/gCWYUV 

 

 

Packaging & Accessories

ตัวกล่องแพ็กเกจของ Alfawise Tab มาในโทนเรียบ ๆ ด้วยสีขาวตัดขอบสีทองของตัวเครื่องด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะมีการแปะสเปคเบื้องต้นมาให้อ่านกันพอสังเขป

 

สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาจะประกอบไปด้วย

1. คู่มือการใช้งานฉบับย่อ

2. อแดปเตอร์ชาร์จ แบบขากลม ให้ OUTPUT มาที่ 5V / 2A

3. สาย USB Type-C

 

Design & Hardware

ดีไซน์ของ Alfawise Tab แทบจะถอดแบบออกมาจาก iPad Mini เลยก็ว่าได้ ทั้งการรูปทรงและการจัดวางเลยเอาท์ต่าง ๆ ส่วนในแง่งานประกอบนั้นเนี๊ยบเกินราคาค่าตัว ด้วยดีไซน์แบบ Full metal unibody ที่มีการเก็บงานได้เรียบร้อยและให้ฟิลลิ่งที่ดูพรีเมี่ยมไปในตัวอีกด้วย

สำหรับจอแสดงผลจะเป็นชนิด IPS Retina Display ขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 2K (QXGA 2048 x 1536 พิกเซล) อัตราส่วน 4:3

ตัวจอมีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ ทั้งสีสัน มุมมอง ความคมชัด และ respon การตอบสนอง โดยรองรับมัลติทัชได้ 10 จุด และจุดเด่นของจออัตราส่วน 4:3 จะเหมาะกับการท่องเว็บ และการอ่าน Ebook ได้ดีกว่าจออัตรส่วน 16:9 แต่ก็จะด้อยกว่าในแง่การรับชมวีดีโอครับ

 

กล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 5 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสแบบคงที่ (Fix Focus) เรื่องคุณภาพอย่าไปคาดหวังอะไรมากครับ เรียกว่าพอใช้งานได้แบบขำ ๆ

สำหรับสามปุ่มนำทางจะเป็นแบบ capacitive button โดยปุ่มโฮมจะมีไฟแบล็คไลท์มาให้ใช้งาน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น Notification ในตัวอีกด้วย

 

อีกหนึ่งจุดขายก็คือพอร์ต USB Type-C ซึ่งแม้แต่สมาร์ทโฟน Mid-range แบรนด์ดังบางรุ่นยังไม่ยอมใส่มาให้ และตามด้วยลำโพงคู่สเตอริโอ ที่ให้เสียงดังกระหึ่มสุดยอด ถือว่าเป็นไฮไลท์จุดขายอย่างหนึ่งของ Alfawise Tab เลยครับ

 

ด้านบนจะจัดวางเลยเอาท์เหมือน iPad Mini ทั้งปุ่มพาวเวอร์และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

 

ฝั่งขวาจะเป็นที่อยู่ของปุ่มเพิ่ม/ลดระดับเสียง ส่วนฝั่งซ้ายเนื่องจากไม่ได้รองรับการใช้งาน SIM Network จึงมีเพียงไมค์บันทึกเสียงเท่านั้น

 

สีของตัวเครื่องมาพร้อมโทนสีทองที่ให้ฟิลลิ่งแบบการยิงทราย จึงส่งผลให้ดูสวยงามพรีเมี่ยมใช้ได้เลยครับ แถมยังมีการเคลือบสีที่ดีมาก คือไม่ค่อยเก็บรอยนิ้วมือแม้ใช้งานขณะมีเหงื่อออกก็ตาม และตามที่เกริ่นไปว่าดีไซน์นั้นแทบจะยกมาจาก iPad Mini ทั้งหมด แน่อนว่าด้านหลังก็มีความคล้ายคลึงเช่นกัน

 

กล้องหลังให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโต้โฟกัส ไม่มีไฟแฟลช ที่ด้านข้างจะมีเพียงไมค์บันทึกเสียงและเป็นไมค์ที่ใช้ตัดเสียงรบกวนในขณะบันทึกวีดีโอ

 

Software & Feature

 

Alfawise Tab เปิดตัวมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 6.0 UI และการใช้งานแทบจะเป็น Pure Android เลยครับ คือไม่มีฟีเจอร์พิเศษหรือลูกเล่นอะไร หน้าตาบ้าน ๆ  มีเพียงฟีเจอร์พื้นฐานตามสไตล์ของ Pure Android อย่างแท้จริง แน่นอนว่ามันส่งผลดีในด้าน performance รวม ๆ ของการใช้งาน

 

Performance

 

ผลคะแนนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ โดยให้ความแรงใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟน Mid-range ในท้องตลาด แต่อย่าลืมว่า Alfawise Tab นั้นมีจอแสดงผลความละเอียดสูงถึง 2K เมื่อเทียบในสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่มีจอแสดงผลละเอียดน้อยกว่า ผลคะแนนตรงนี้ของ Alfawise Tab ย่อมต้องสูงกว่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันจริง ๆ  

 

 

 

เซ็นเซอร์ต่าง ๆ ให้มาอย่างครบถ้วน และรองรับมัลติทัชได้ 10 จุด ส่วนภาครับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ปานกลางครับ คือไม่ดีแต่ก็ไม่แย่จนน่าเกลียด สุดท้ายด้านการจัดสรรพลังงาน แม้จะมาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ถึง 6,200mAh แต่ด้วยจอแสดงผลที่มีความละเอียดสูง การใช้งานหนัก ๆ ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป ถ้าเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไป ก็อยู่ได้ 1 วันแบบปริ่ม ๆ ยังไงก็ต้องพกที่ชาร์จหรือพาวเวอร์แบงค์เอาไว้เพื่อความอุ่นใจอยู่ดีครับ

 

Multimedia & Entertain

 

 

ตามที่เกริ่นไว้ในต้อนต้น จอแสดงผลอัตราส่วน 4:3 จะเหมาะกับการใช้งานด้านท่องเว็บ และอ่าน Ebook มาก ๆ เพราะมันให้ฟิลลิ่งเหมือนการอ่านจากหนังสือจริงนั่นเอง และถึงแม้ว่าจะไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก แต่การที่ให้ความจุมาถึง 64GB ก็ถือว่าเพียงพอในระดับหนึ่ง

 

ทดสอบการเล่นวีดีโอที่ความละเอียด 4K 60FPS ให้ความลื่นไหลที่ดี ไม่รู้สึกว่าหน่วงหรืออืดแต่อย่างใด

 

ส่วนการฟังเพลงนั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจครับ เพราะว่าตัว Alfawise Tab มีกำลังขับที่สูง จึงสามารถใช้งานกับหูฟังได้หลากหลายประเภท

 

เล่น ROV ลื่นไหลดี เพียงอย่าเปิดความละเอียดสูงก็พอ ส่วนเกมอื่น ๆ ก็ให้ความสมูทที่ดีมากครับ สรุปด้านการเล่นเกมให้สอบผ่าน

Camera & Sample

เมนูกล้องดูเรียบ ๆ ไม่มีโหมดหรือการตั้งค่าอะไรมากนัก ก็ตามสไตล์ของแท็บเล็ตทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ได้เน้นในเรื่องของการถ่ายรูปมากนัก ส่วนคุณภาพที่ได้จะเป็นอย่างไร ไปดูพร้อม ๆ กันได้เลยครับ

 

กล้องหลังในที่แสงเพียงพอ ให้คุณภาพที่น่าพอใจครับ แต่ถ้าเจอแสงน้อยก็จะดรอปลงไปพอสมควร แต่ถ้ามอิงในแง่ว่ามันเป็นแท็บเล็ตที่เน้นด้านความบันเทิงเป็นหลัก คุณภาพที่ได้จากกล้องของ Alfawise Tab นั้นทำได้ดีเกินคาดเลยครับ

 

 

ส่วนกล้องหน้าหวังพึงพาไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะเมื่อเจอแสงน้อยเข้าไปถึงกับจบข่าวเลยทีเดียว สรุป เอาไว้ถ่ายแก้ขัด ขำ ๆ พอได้ แต่อย่าไปคาดหวังอะไรมากนักครับ

สรุป Alfawise Tab

แบรนด์ Alfawise โด่งดังมาจากการเป็นผู้ผลิตกล่องแอนดรอยด์ ทีวีบ็อกซ์ มาก่อนครับ จึงไม่ใช่แบรนด์ไก่กาที่ไหน และทางเว็บเคยรีวิวกล่องแอนดรอยด์ ทีวีบ็อกซ์ของค่ายนี้มาแล้วก็คือรุ่น Alfawise H96 Pro+ นั่นเอง https://goo.gl/N26dCF

ในด้านดีไซน์ของ Alfawise Tab จะให้ฟิลลิ่งเดียวกับ iPad Mini เลยครับ เพียงแต่คู่แข่งของ Alfawise Tab นั้นหาใช่ iPad Mini แต่อย่างใด โดยคู่แข่งตัวจริงคือเพื่อนร่วมสัญชาติ Xiaomi Mi Pad 3 ที่มาในสเปคเดียวกันเกือบเป๊ะ ๆ เพียงแต่ราคาของ Alfawise Tab นั้นถูกกว่าเกือบครึ่ง ซึ่งถ้าไม่นับด้าน Softwere ที่เป็นจุดแข็งของ Xiaomi แล้วละก็ Alfawise Tab นั้นกินขาดในแง่ความคุ้มค่าอย่างแน่นอนครับ

สำหรับจุดเด่นของ Alfawise Tab คือมาพร้อมดีไซน์ Full Metal Unibody งานประกอบเรียบร้อยแข็งแรงมีการติดฟิลม์กันรอยมาให้ตั้งแต่โรงงาน และเป็นฟิลม์กระจกอีกด้วย ส่วนเคสต้องซื้อหากันเองครับ ที่ด้านหลังของตัวแท็บเล็ตนั้นออกแบบและเคลือบสารพิเศษทำให้ไม่เก็บรอยนิ้วมือและทำความสะอาดได้โดยง่าย

ส่วนสเปคก็ตามที่บอกครับ แทบจะถอดมาจาก Xiaomi Mi Pad 3 เลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่น่าประทับใจก็คือ หน้าจอแสดงผล IPS Retina Display 7.9 นิ้ว ความละเอียด  QXGA 2048 x 1536 พิกเซล อัตราส่วน 4:3 ที่มีคุณภาพค่อนข้างดีเลยครับ ทั้งความสว่างสดใส และการตอบสนองที่ทำได้ดีมาก อีกทั้ง อัตราส่วน 4:3 ยังเหมาะกับการอ่าน ebook อีกด้วย ใครเป็นหนอนหนังสือไม่ควรพลาด และถึงแม้ว่าด้านการเชื่อมต่อจะไม่รองรับ Network 3G/4G แต่ก็ยังมีข้อดีคือรองรับ Wi-Fi Dual Band 2.4GHz และ 5GHz ทำให้ไม่ติดปัญหาคอขวดด้านความเร็วในการเชื่อมต่อบนคลื่น 2.4GHz

ด้านคุณภาพกล้อง โดยส่วนตัวมองว่ามันทำผลงานได้ค่อนข้างดี เมื่อเทียบในแง่ของความเป็นแท็บเล็ต แต่ยังไงก็ตามอย่าไปคาดหวังอะไรมาก เอาเป็นว่าเป็นกล้องที่ใช้งานสำรองยามฉุกเฉินได้นั่นเอง

สุดท้ายคือลำโพงคู่สเตอริโอ เสียงดังบ้านแตก และไม่ได้ดังแบบกะโหลกกะลา แต่ดังแบบมีคุณภาพครับ ซึ่งตรงนี้มันช่วยเพิ่มอรรถรสด้านความบันเทิงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ดูคลิปสีชมพู (ฮ่า) ก็ฟินกันเต็มร้อยเลยทีเดียว

ทั้งนี้หากเพื่อน ๆ สนใจ Alfawise Tab สามารถสั่งซื้อได้ตามรายละเอียดด้านล่างครับ

ราคาปรกติ 6,794 บาท

ใช้คูปอง Alfawisetab01

ราคาหลังใช้คูปองส่วนลด 5,249 บาท

สั่งซื้อได้ที่นี่ https://goo.gl/gCWYUV 

 



ถูกใจบทความนี้  5