รีวิว Creative Sound Blaster ROAR เสียงคำรามกึกก้อง

Sound-Blaster-Roar-Review-001

Creative เรียกว่าเป็นเจ้าแห่งพลังเสียงมาตั้งแต่ยุค PC กำลังเบ่งบาน จนปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ยุค PC แล้วก็ตามแต่ Creatvie ก็ยังคงมีสินค้าทางด้านเสียงออกมาไม่ขาด ล่าสุดลำโพง bluetooth อย่าง Creatvie Sound Blaster ROAR ที่ให้พลังเสียงสุดยอด มาให้บรรดาชาว Smartphone อย่างเราได้ใช้งานกันแล้ว งานนี้ทั้งใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ จัดเต็มทันที ทุกที่

จริงๆ Creatvie ทำตลาดทางด้านลำโพงมาอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าเป็นเจ้าตลาดเรื่องพลังเสียงก็ว่าได้ โดย Sound Blaster ROAR ก็เป็นอย่างที่เราคิดนั่นล่ะครับ ชื่อรุ่นว่า ROAR การคำรามครั้งนี้เป็นการคำรามที่ให้พลังเสียงที่สุดยอดแห่งความทุ้ม เบสจัดหนัก ฟีเจอร์เพียบ

Specification

 

  • System Configuration One-piece
  • Dimensions Speaker: 57.0 x 202.0 x 115.0 mm (2.2 x 7.9 x 4.5 inches), Power Adaptor Cord Length: Approx 1.9m, USB Cord Length: Approx 0.75m
  • Weight Speaker: 1.10kg (2.5lbs), Power Adaptor: 153g
  • Bluetooth® Version Bluetooth 3.0
  • Bluetooth® Profile A2DP (Wireless Stereo Bluetooth), AVRCP (Bluetooth Remote Control), HFP (Hands-free Profile)
  • Supported Codecs aptX, SBC, AAC

 

Sound-Blaster-Roar-Review-015สำหรับ ลำโพงบลูทูธแบบพกพา (Portable bluetooth speaker) รุ่นนี้มีวางขายได้สักพักแล้ว ราคาที่ 6900 บาท โดยขนาดก็พอตัว น้ำหนักประมาณ 1 กก. ผมเรียกว่าหนักใช้ได้เลยล่ะ แต่ทว่า น้ำหนักระดับนี้ก็ต้องมีดีติดตัวแน่นอน

Sound-Blaster-Roar-Review-009

จะเห็นว่า Creative Sound Blaster ROAR มีปุ่มและพอร์ทต่างๆ ให้ใช้งานเพียบ รองรับทุกการใช้งาน ทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อใช้งานกับ PC/Notebook หรือว่าจะเป็น Smartphone รวมถึงหากไม่มี Smartphone ก็ยังฟังเพลงผ่าน microSD Card ได้อีกด้วย

Sound-Blaster-Roar-Review-005

เรื่องดีไซน์ ดูหรูหรา มีระดับ แข็งแรง และน่าใช้งาน

Sound-Blaster-Roar-Review-004

Sound-Blaster-Roar-Review-007

Sound-Blaster-Roar-Review-032

Sound-Blaster-Roar-Review-002

 

การใช้งานร่วมกับ Smartphone เราจะเห็นว่าบางรุ่นมี NFC ติดตัวมาด้วย นั่นหมายถึง มาถึงบ้นอยากเชื่อมต่อใช้งานก็แค่วาง Smartphone แตะที่ Creative Sound Blaster ROAR จากนั้นก็เริ่มใช้งานได้ทันที สะดวกมาก
Sound-Blaster-Roar-Review-003

รองรับการเชื่อมต่อ bluetooth กับอุปกรณ์ 2 ชิ้นด้วยกัน พร้อมๆ กันได้ หากเชื่อมต่ออยู่พร้อมๆ กัน Smartphone ตัวแรกต้องกดหยุดก่อน หลังจากนั้นค่อยกดเล่นเพลงจาก Smartphone ตัวที่สอง โดยที่ไม่ต้องกดเชื่อมต่อใหม่

และจากปุ่มที่เห็นมีปุ่ม ROAR ที่เพิ่มเสียงคำรามให้กระหึ่มยิ่งกว่าเดิมด้วย อันนี้ต้องลองแล้วจะติดใจ

ฟังก์ชั่นการรับสายสนทนา หากเราฟังเพลง และ Smartphone อยู่ไกลจากมือ หากมีสายเข้า ก็สามารถกดรับสายและพูดคุยผ่าน Creative Sound Blaster ROAR ได้ทันที

Sound-Blaster-Roar-Review-023

Sound-Blaster-Roar-Review-012

การใช้งานความสามารถของ Creative Sound Blaster ROAR คือสามารถต่อเชื่อมอีกตัวนึง เพื่อเพิ่มพลังเสียงได้ผ่าน AUX IN  มี port USB สำหรับนำ flash drive และช่องใส่ microSD มาใช้งานได้ด้วย อาจจะใช้ฟังเพลง หรืออัดเสียงก็ได้ รวมถึง port micro USB นำมาเชื่อมต่อกับ PC/Notebook/MAC ใช้งานได้เช่นกัน

Sound-Blaster-Roar-Review-024

 

มีระบบ LS หรือ Link Security mode สำหรับการเชื่อมต่อแบบ 1-1 หรือ 1-2  อันนี้ให้เลือกอันที่ 2 เอาไว้ หาก OFF  จะเป็นการเชื่อมต่อปกติ
Sound-Blaster-Roar-Review-013

เราจะเห็นปุ่มต่างๆ อีกเพียบ เจ้า Creative Sound Blaster ROAR มีความสามารถในการอัดเสียงได้ด้วย อย่างที่เห็นเลยครับว่ามีปุ่มสำหรับอัดเสียง และเปิดหรือปิดไมค์ นั่นล่ะ

ซึ่งหากเราไม่ได้เชื่อมต่อ Smartphone เราสามารถฟังเพลงผ่าน microSD Card หรือ flash drive ได้และมีปุ่มคอนโทรลการเล่นเพลงได้ในทันที ไม่ต้องพึ่ง Smartphone

ปุ่ม TERA BASS ช่วยเพิ่มเบสให้หนักขึ้นไปอีก แค่ ROAR ยังไม่พอ งานนี้ Creative Sound Blaster ROAR จัดมาให้สองระดับกันเลยทีเดียว

Sound-Blaster-Roar-Review-017

Sound-Blaster-Roar-Review-018

คือต้องบอกว่า ครอบจักรวาลก็ได้ล่ะมั้ง ไม่ใช่มีดีแค่พลังเสียงเท่านั้น แต่ยังรวบเอาการใช้งานในชีวิตประจำวันรอบๆ ตัวเราได้ครบถ้วนจริงๆ ตั้งแต่เริ่ม ที่ผมใช้งานก็ติดตัวขึ้นรถไปด้วย ในรถก็ใช้ฟังเพลง หรือเป็นลำโพงเวลาดูหนังออนไลน์ผ่าน Smartphone กระหึ่มรถมาก ตอนขับก็ฟังเสียงไป ตอนรถติดก็ค่อยดูภาพนะ หรือไม่ก็ฟังเพลง ซึ่งเรื่องเสียงนี่เจ้า Creative Sound Blaster ROAR เน้นหนักไปทางเสียงทุ้ม และเบส แบบตึ้บๆ มาก ถึงมากที่สุด แต่ช่วงเสียงกลางและเสียงสูงก็ครบถ้วน แต่ทว่าเบสนี่เน้นยิ่งกว่า มีปุ่มเพิ่มเบสให้อย่าง TERA Bass และ ROAR ที่บรรยายลำบากจริงๆ ต้องไปลองทดสอบฟังกันก่อน แน่นอนว่าช่วงทำงาน วางไว้ที่โต๊ะทำงาน หากเป็นห้องส่วนตัว ก็เอาไว้เป็น speaker phone ได้เลย กดรับสายง่ายๆ จริงๆ อันนี้ก็ใช้ได้ตั้งแต่บนรถแล้วล่ะ อ้อ สามารถอัดเสียงคุยได้ด้วยนะ มีฟัง์ชั่นอัดเสียงก็จัดไปได้เลย หากลืม Smartphone พกเจ้า Creative Sound Blaster ROAR ติดตัวไป ก็ยังฟังเพลงได้ ผ่าน USB Flashdrive หรือ microSD ได้ด้วย ฟีเจอร์เพียบ ใช้งานได้ครอบจักรวาลจริงๆ เรื่องดีไซน์ผมว่าคงเห็นเหมือนกัน แจ่ม สวย มีสไตล์ ให้ผ่าน ชื่อของ Creative เป็นประกันอยู่แล้ว เรื่องแบตให้มา 6000 mAh จริงๆ ทั้งวันสบายๆ อยู่แล้ว โดยสเปคคือ 8 ชั่วโมง ปกติเราใช้งานกันก็คงไม่ถึง นอกจากจะอยู่บ้านแล้วเปิดฟังเพลงทั้งวัน หรือแทนลำโพงที่บ้าน ซึ่งก็เสียบชาร์จได้สบายๆ หายห่วงเรื่องนี้ครับ

แต่ที่ไม่โดนใจก็คงเป็นเรื่องพลังเสียงนี่ล่ะ จริงๆ ผมชอบเบส แต่นี่เบสแบบหนักมากๆ อาจจะทะลุความชอบส่วนตัวไปหน่อย กับน้ำหนัก ซึ่งออกจะหนักไปสักนิด หากจะติดตัวไปใช้งานนอกสถานที่ในแต่ละวัน ก็คงแค่นี้ แบตก็อึดอยู่นะครับ กับบางทีปุ่มต่างๆ นี่ดูเยอะไปหน่อย อย่างว่าฟีเจอร์เยอะ มือใหม่อาจจะงงได้ อย่าลืมอ่านคู่มือก่อนใช้งานก็แล้วกันครับ

ขอบคุณ บริษัท อีเทอร์นอล เอเชีย ดิสทริบิวชัน (ประเทศไทย)  https://th-th.facebook.com/EADTH ที่ให้ยืมอุปกรณ์ทดสอบครับผม



ถูกใจบทความนี้  6