รีวิว Microsoft Wireless Display ส่งต่อภาพจาก Smartphone ขึ้นจอทีวีได้ง่ายๆ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-002

Microsoft Wireless Display เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้เอาไว้ทำอะไร? ตามชื่อเลยครับ ว่าเอามาใช้สำหรับต่อภาพจาก Smartphone เราแบบไร้สายขึ้นไปยังจอทีวีจอใหญ่ โดยขั้นตอนง่ายๆ แค่ต่อเข้ากับทีวี เปิดช่องสัญญาณให้ตรงกับช่องที่เราต่อเช่น HDMI1 และจากนั้นก็พร้อมใช้ เรียกว่าสะดวกมาก แน่นอนว่าวันนี้ผมจะมาแนะนำให้รู้จักกับอุปกรณ์ตัวนี้ของ Microsoft นี่ล่ะครับ อ้อ ไม่จำกัดการใช้งานด้วยนะ ผมลองทั้ง Windows Phone และ Android ใช้ได้สบายใจหายห่วง

สเปคก็ไม่ได้มีอะไรมากกมาย วิธีการใช้งานก็ง่ายมากตามที่บอกล่ะครับ แต่ถ้าใครสนใจซื้อมาใช้งานและยังไม่รู้จะใช้งานยังไง นี่เลย ==> https://www.microsoft.com/hardware/th-th/help/support/how-to/adapters/setup มีบอกเอาไว้ละเอียดล่ะ ผมคงข้ามไปเลยก็แล้วกัน มาดูหน้าตาและการใช้งานจริงๆ กันดีกว่าว่าเป็นยังไงกันบ้าง

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-003

มีขายอย่างเป็นทางการในบ้านเราแล้วนะครับ ราคาอยู่ที่ 2,990 บาท ใครที่รู้จักอุปกรณ์ลักษณะนี้ก็เอาไปเทียบกับคู่แข่งได้เลย อันนี้ต้องบอกว่าแพงกว่าแต่มีประโยชน์มากกว่าแน่นอน จะยังไงมาดูกันต่อ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-004

อุปกรณ์ในกล่องก็มีแค่นี้ล่ะครับ มีสาย USB อันนึงและก็เจ้า Microsoft Wireless Adapter อันนึงแค่นั้น ที่เหลือก็คู่มือ ซึ่งส่วนใหญ่เราข้ามกันอยู่แล้วใช่ป่ะล่ะ ฮ่ะๆ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-007

สาย USB Extension เอาไว้สำหรับต่อกับทีวี ที่ไม่สามารถใช้เจ้า Microsoft Wireless Adapter เสียบได้โดยตรง หากไปดูทีวีรุ่นเก่าๆ บ้านเพื่อน จะมีบางรุ่นบางเครื่องที่พอร์ท USB อาจจะติดกับด้านข้างตัวเครื่อง หรือออกแบบมาติดกับการเชื่อมต่ออื่นๆ หรือบางทีอยู่ไกลเกิน ทำให้ไม่สามารถต่อได้โดยตรง ดังนั้นการมีเจ้า Extension หรือสายต่อเพิ่มนี่ก็มีประโยชน์แน่ๆ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-010

หน้าตาของเจ้า Microsoft Wireless Adapter ล่ะครับ ใส่มาพร้อมบล็อคเรียบร้อย มีตรา Microsoft อยู่ด้วย ใครเป็นสาวกต้องไม่พลาดตัวนี้นะ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-011

ด้านข้างมีมาตรฐาน ต่างๆ บอกไว้เรียบร้อย

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-014

พอร์ทที่เชื่อมต่อก็คือ HDMI และ USB ซึ่งเจ้า USB นี่เอาไว้สำหรับจ่ายไฟเข้าไปที่ Microsoft Wireless Adapter นี่ล่ะครับ ดังนั้นการใช้งานอย่าลืมเสียบทั้งสองอันล่ะ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-015

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-016

 

รูปร่างก็มีประมาณนี้ล่ะครับ ไม่มีอะไรมาก เข้าสู่การใช้งานจริงกันเลยดีกว่า พอเสียบเข้ากับ HDMI พร้อมกับ USB เรียบร้อยแล้ว ก็เปิดทีวีขึ้นมา งานนี้ทีวีที่ไม่ฉลาดของเรา ก็เริ่มฉลาดขึ้นมาทันที แต่ว่าต้องต่อกับ Smartphone ล่ะนะ

 

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-019

หน้าแรกที่เราได้เห็นนะครับ ชื่อของ Display จะใช้ชื่อตามภาพเลย เราสามารถส่งภาพทั้งจาก Smartphone และ Windows Device ต่างๆ ขึ้นไปแสดงผลบนจอภาพได้เลย ไม่ได้จำกัดเฉพาะแอพที่มีไอคอน wireless display นะ คือต้องบอกว่าเป็นการ mirror ขึ้นไปแบบเต็มๆ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-031

ส่วนหากใครใช้ Windows Phone ก็ง่ายเลยครับ slide จากด้านบนลงมา เลือก Connect จากนั้นก็เลือกชื่อ MSDisplayAdapter_13 หรืออาจจะเป็นชื่ออื่นๆ ก็ได้นะ แล้วแต่ว่าเค้าตั้งค่ามายังไง แต่ที่หน้าจอจะบอกว่า Ready to connect นั่นหมายถึงพร้อมแล้ว

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-020

การเชื่อมต่อก็ใช้เวลาแป๊ปนึงนะครับ ไม่นานนักก็เสร็จละ เอาหน้าจอ Windows Phone ที่เป็น Windows 10 Mobile ขึ้นไป บน Microsoft TV ได้เลย แบบว่าแอบแปะสติ๊กเกอร์ Microsoft เอาไว้ที่ทีวีด้วย เลยเรียกเจ้าทีวีของผมว่า Microsoft TV น่ะครับ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-023

ทดสอบใช้งานจริง อันนี้ไม่ได้ถ่ายจากหน้าจอ Windows Phone นะ ถ่ายจากทีวีนั่นล่ะครับ แต่มืดไปหน่อย

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-025

เดี๋ยวจะหาว่าโม้ เอาเครื่องมาโชว์เลย ตัวนี้เป็น Lumia 640XL ยังใช้งานได้ดีอยู่ พกใช้งานทุกวัน ใครจะว่า Windows Phone ตายแล้ว แต่มันยังอยู่ในมือผมนะ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-027

หากแสดงผลแบบแนวตั้ง เวลาดูภาพก็จะหดเหลือแค่ตรงกลางแค่นั้นเอง

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-028

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-029

จะดูหนังก็เต็มตาเต็มใจ สบายๆ แต่ทว่าเมื่อ mirror หน้าจอขึ้นไป ดังนั้นข้อนึงที่ต้องจำไว้ก็คือ ไม่สามารถเล่นหนังเอาไว้และเปลี่ยนไปใช้แอพอื่นได้นะครับ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-049

เล่นเกมส์ก็ยังไหว ได้หมดทุกอย่าง

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-051

โหมดการทำงานเอกสารกับ Microsoft Office ก้จัดเต็มได้เลย แต่ว่าเป็นเวอร์ชั่น Mobile นะ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-053

แต่ความลำบากของ Microsoft Windows 10 Mobile นี่ก็คือ หากใช้งานแบบแนวนอน คีย์บอร์ดพี่ท่านไม่ได้ปรับเลย์เอาท์ให้เต็มหน้าจอให้นะครับ อันนี้เป็นอะไรที่ลำบากมากมายในการพิมพ์เอกสาร

อีกคำถามผมว่าคงมีคนสงสัย ปกติ Windows 10 Mobile จะมีฟีเจอร์ Continuum แต่สำหรับรุ่นที่ผมใช้งานอยู่คือ Lumia 640XL เมื่อต่อขึ้นหน้าจอแบบนี้ ไม่สามารถใช้งานได้นะครับ อาจจะด้วยตัวเครื่องเอง ไม่มี Lumia 950XL ให้ลอง ดังนั้นคำถามนี้คือตอบไม่ได้ครับ (แล้วจะบอกทำไม) อันนี้หากต้องการใช้งานฟีเจอร์ Continuum ก็คงต้องลองก่อนซื้อมาใช้งานนะครับว่าใช้งานได้หรือไม่

และอีกคำถามก็คือ  Smartphone อื่นๆ ล่ะ ต้องบอกเลยว่า iPhone ในมือไม่มีนะครับ ดังนั้นขอข้าม iOS ไป แต่จะลอง Android ให้ดู

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-034

คงไม่ต้องเดาว่ายี่ห้ออะไรนะ หากเป็น Android แล้วมีฟังก์ชั่น wireless display ที่สามารถส่งหน้าจอไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ได้ บางรุ่นอาจจะเรียกชื่อนึง บางรรุ่นอาจจะเรียกอีกชื่อนึง เช่นบน Samsung เรียกว่า Smart View กดเชื่อมต่อได้ทันทีเช่นกัน

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-037

 

 

รอการเชื่อมต่อแปีปนึงก็ใช้งานได้แล้วล่ะ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-039

แน่นอนว่าเป็นการ mirror screen ขึ้นไปที่ทีวีเช่นเดียวกัน 

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-043

เล่นเกมส์เต็มๆ ตา สบายๆ

Microsoft-Wireless-Display-Adapter-045

ดูเว็บก็ได้ คือสรุปทำได้ทุกอย่างเหมือนกัน

สรุปกันสักนิด

ผมว่าข้อดีของเจ้า Microsoft Wireless Adapter ก็คือพกพาสะดวก ใช้งานง่าย เสียบปุีป ติดปั๊ป ใช้งานได้ทันที นึกถึงบรรดาเทรนเนอร์ หรือคนฝึกอบรม หรือพรีเซนต์งานต่างๆ ที่อาจจะมี Tablet ติดตัวไป หรือไม่ก็ notebook Windows 10 หรืออื่นๆ ก็ไม่ต้องไปต่อสายให้ยุ่งยาก กดส่งภาพขึ้นหน้าจอได้เต็มๆ ง่ายๆ หรือจะเป็น Smartphone ก็ส่งภาพขึ้นหน้าจอได้ทันทีเช่นกัน ผมว่าสะดวกเลยล่ะ แต่ทีวีนั้นต้องมีพอร์ท USB นะครับ ไม่งั้นก็คงต้องหาพวก powerbank มาทดแทน อาจจะเจอได้ว่าทีวีรุ่นเก่าๆ มีแต่พอร์ท HDMI แต่ไม่มี USB ก็จัด powerbank กันไป ข้อเสียก็ยังนึกไม่ออกครับ ทุกวันนี้แทนที่จะเปิดกล่อง Android ให้เด็กๆ ดูหนังบน youtube ก็เลือกเปิดบน smartphone ง่ายกว่า ไม่ต้องรอเปิดเครื่อง และกว่าจะเข้าแอพอีก อันนี้อยู่ในมือแล้ว เดินมาถึงทีวี เปิด Microsoft Wireless Adapter ก็จัดได้เลยทันที หรือจะ bigo live ก็ไม่ว่ากันนะ ฮาาา

ข้อเสียเดียวที่ผมเห็นก็คงเป็นเรื่องของราคาที่อาจจะแรงไปสำหรับผู้ใช้งานทั่วๆ ไป ถ้าซื้อมาใช้งานพวกเทรนนิ่งนี่ผมว่าน่าจะคุ้มอยู่นะ ราคา 2,990 บาท แลกกับความสะดวกสบายขึ้น ก็ลองชั่งใจกันดูครับ  หาซื้อได้ตามร้านไอทีทั่วๆ ไป เช่น Banana IT, JIB, IT City ประมาณนี้ล่ะ



ถูกใจบทความนี้  16