รีวิว plantronics BackBeat GO3 หูฟังไร้สายแบบสเตริโอ ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

Join PDAMobiz on Telegram

มาแล้วจ้า plantronics BackBeat GO3 ต่อยอดซีรีส์ BackBeat ที่เรียกว่าเป็นซีรีส์ของหูฟังแบบสเตอริโอแบบไร้สาย ที่มีการพัฒนาจากรุ่นเดิมแบบเห็นได้ชัดมาก หลังจากที่เคยได้ลองใช้งานมาแล้วทั้ง BackBeat GO และ BackBeat GO2 ต้องบอกว่า BackBeat GO3 นี่ฟีเจอร์และการใช้งานครบครันสุดๆ แน่นอนว่าพลังเสียงก็พัฒนาขึ้นอีกด้วย มาดูว่ามันน่าใช้งานกันสักแค่ไหนนะ

คืออยากจะบอกว่าเจ้า BackBeat GO3 นี่เป็นรุ่นต่อยอดที่น่าใช้งานกว่าเดิมมาก ที่สังเกตุความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดก็คือเรื่องของพลังเสียงที่อัดแน่นทุกเรนจ์ มากกว่าเดิมที่ไม่ได้เน้นด้านเบส หรือเสียงทุ้มเลย ซึ่งเจ้า BackBeat GO3 ตอบโจทย์อย่างมาก จากที่ได้สัมผัส ผมว่ายังไงก็ห้ามพลามเลยล่ะ ยิ่งมาพร้อมกับซองที่สามารถชาร์จแบตได้ในตัว เรียกว่าใช้งานกันได้ทั้งวันไม่มีหมดอีกด้วย เกริ่นไปเยอะแล้ว มาดูฟีเจอร์ และรายละเอียดที่ยังมีอะไรให้สัมผัสอีกเพียบเลย

ลองอ่านรีวิว รีวิว plantronics Voyager 5200 ที่สุดของการตัดเสียงรบกวน http://goo.gl/oxwcC3

ส่วนของสเปคที่เรียกว่าไม่ธรรมดารองรับ profile bluetooth ครบหมด

แน่นอนว่าได้มาพร้อมกับกล่อง รูปแบบกล่องหากใครจำได้ เหมือนกับ BackBeat GO2 เลยก็ว่าได้ เดี๋ยวคงมีเปรียบเทียบให้ชมกันอีกบทความนะ

ด้านหลังก็บอกสเปคต่างๆ เอาไว้อย่างละเอียด แต่ที่ลืมไม่ได้ มีแอพให้โหลดด้วยนะ แอพนี้เด็ดมาก จะยังไงเอาไว้ท้ายบทความจะบอกอีกที

แกะกล่องล่ะครับ แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่ให้มานี่มีพร้อมกับ Charing Case ด้วย เป็นกระเป๋าผ้าที่สามารถชาร์จได้ ซึ่งเจ้า BackBeat GO3 มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 3,790 บาท นั่นเอง

อุปกรณ์ทั้งหมดที่มีให้ในกล่อง มี eartip ให้เลือกหลายขนาดให้เหมาะกับรูหูของผู้ใช้งาน แน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ สายชาร์จ และคู่มือ ซึ่งเราคงไม่ค่อยได้เปิดอ่าน ส่วนสายชาร์จก็คงใช้งานร่วมกับ Smartphone ทั่วๆ ไปได้เลย

eartip มีให้เลือก 2 ชุดแล้วแต่ขนาดของแต่ละคน แนะนำว่าหากไม่พอดี หรือใส่แล้วไม่สบายให้เปลี่ยนเป็นขนาดที่เหมาะกับเรา เพื่อจะได้ฟังเสียงได้เต็มที่และไม่รำคาญหรือไม่หลุดง่ายด้วย

มาดูเรื่องของการออกแบบกันหน่อย การออกแบบที่ต่างจากเดิมก็คือเรื่องของ earbud ที่นอกจากจะสวมเข้ากับใบหูแล้ว ส่วนของรูหูก็ยังเป็นแบบ in-ear เข้าไปด้านในหูของเราโดยตรง ทำให้พลังเสียงส่งตรงไปที่หูชั้นใน ได้ฟังเสียงแบบแจ่มๆ เต็มๆ กันเลยทีเดียว

นอกจากนั้นแล้ว วัสดุที่ใช้เป็นเทคโลโนยี Sweat Proof P2i nano coating ที่กันเปียกได้สบายๆ คือสามารถใส่ออกกำลังกายก็ได้ ทนเหงื่อ ทนชื้น หรือจะใส่ใช้งานในช่วงฝนตกๆ แบบนี้ ที่บางครั้งอาจจะหลบฝนไม่ทัน ซึ่ง BackBeat GO3 ไม่กลัวฝนครับ สบายๆ เลย

เรื่องพลังเสียง เจ้า BackBeat GO3 มาพร้อมกับ High-Res ซะด้วย คือต้องบอกว่าจากการใช้งานแล้ว ประทับใจกว่ารุ่นก่อนพอตัวเลย ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดทุกรุ่น BackBeat GO3 ตอบโจทย์เรื่องพลังเสียง ทุกเรนจ์ และเบสก็ชัดกว่าเดิมด้วย

ด้านข้างมีสัญลักษณ์บอกด้านซ้ายหรือขวาเอาไว้ชัดเจน

ส่วนของการคอนโทรลทั้งหมด อยู่ที่ตรงนี้ล่ะครับ ง่ายๆ เลยก็ปุ่ม ลดเสียง ปุ่มรับสาย และปุ่มเร่งเสียง ตามลำดับ

นอกจากนั้นถ้าหากเราใช้งานเรื่องของการฟังเพลงอยู่ล่ะก็ สามารถกดเปลี่ยนเพลงได้ ตามคอนเซ็ปท์ล่ะครับ ส่วนการใช้งานปิดเปิดอุปกรณ์ก็ปุ่มตรงกลางเลย และถ้าหากต้องการแพร์หรือจับคู่อุปกรณ์ต่างๆ ก็กดปุ่มตรงกลางหลังจากเปิดค้างเอาไว้สักสองสามวินาที ก็จะได้ยินเสียง voice assistance ทันที

ส่วนของด้านข้างดีไซน์สวยงามมีคำว่า PLT บ่งบอกถึงแบรนด์อย่างชัดเจน

Charging Case เป็นกระเป๋าผ้า ดูเรียบๆ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถชาร์จเจ้า BackBeat GO3 ได้ถึง 2 รอบ เรียกว่าใช้งานได้ตลอดวันสบายๆ จะฟังเพลงเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น

พอร์ทสำหรับชาร์จเป็น microUSB ปกติทั่วๆ ไปนี่ล่ะครับ

ซึ่งเจ้า Charging Case นี่สามารถแสดงสถานะของแบตเตอรี่ทั้งของตัว Case เอง และบนตัว BackBeat GO3 ได้เลย ก็สะดวกแค่กดไปที่เคส ก็รู้เลยว่าแบตเหลืออยู่เท่าไหร่

พอร์ทสำหรับชาร์จเจ้า Charging Case อยู่ตรงด้านข้างนี่ล่ะครับ

การใช้งานระหว่างวันหากไม่มี Charging Case ก็ไม่ต้องกังวลไป ใช้ได้ประมาณ 6 ชั่วโมงเหลือๆ ล่ะครับ ปกติระหว่างวันเราก็ใช้ฟังเพลง และความบันเทิงนั่นล่ะ แต่ทว่าหากใช้งานร่วมกับ Smartphone แล้วมีสายเข้าก็สามารถรับสายได้ หรือจะใส่วิ่งหรือออกกำลังกายก็ได้นะ

รู้หรือเปล่าว่าเจ้า BackBeat GO3 นี่สามารถซิงค์กับ Smartphone ได้ถึง 8 เครื่องด้วยกัน (แต่ใช้งานได้ทีละ 1 เครื่อง) ซึ่งถือว่าซฺิงค์ได้เยอะมาก มากจนไม่รู้จะไปทำอะไรยังไง ที่ไหน แต่กรณีที่เรามี Smartphone หลายเครื่องก็คงสะดวกไม่น้อย

แน่นอนว่าความสะดวกก็คือให้เราดาวโหลดแอพ BackBeat GO3 Companion ในทั้ง Google Play Store และ App Store บน iOS ดาวโหลดมาปุ๊ป ก็จะเห็นว่าเราเชื่อมต่อกับ Smartphone เครื่องไหนอยู่ จากนั้นก็สามารถเลือกสลับการเชื่อมต่อจาก Smarpthone นั้นๆ ได้เลย โดยที่ไม่ต้องมานั่ง pair ใหม่ หรือต้องมานั่น unpair แล้ว pair ใหม่หลายๆ รอบ อันนี้เหมาะกับคนที่มีการใช้งาน 2 เครื่องขึ้นไป

ไม่ใช้งานนานๆ ก็ยังมีโหมด deep sleep เพื่อประหยัดแบต ให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นอีกซึ่ง Standby ได้ถึง 14 วัน เท่าที่ผมใช้งานก็คงจริงล่ะ เพราะทิ้งไว้ตั้งหลายวันก็ยังไม่ได้ชาร์จเลย แต่การใช้งานก็ฟังเพลงบ้าง คุยโทรศัพท์บ้าง ออกกำลังกายบ้าง ยังไม่เคยลองถึง 14 วันเหมือนกันครับ แต่ถึงยังไงเรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหาแน่นอน นอกจาก Charing Case ที่เชื่อเหลือเกินว่าต้องพกใส่เจ้า BackBeat GO3 ติดตัวไปด้วยแล้ว ก็ยังมีพอร์ท micro USB ที่เรียกว่าเป็นมาตรฐานสากลอยู่แล้ว หาที่ชาร์จไม่ได้แน่นอน

ส่วนของสายที่อยู่ด้านหลัง ถูกม้วนเก็บด้วยกระดาษติดอันนี้ ซึ่งจริงๆ แล้ว กระดาษลักษณะนี้ เมื่อใช้งานเปียกเหงื่อ เปียกฝนสักพัก มันก็จะเสื่อมจริงๆ น่าจะแถมตัวเก็บสายมาให้เพิ่มเติมด้วย

พอใช้งานแบตหมดแล้ว ก็ชาร์จได้ พอร์ทมาตรฐานสากล เหมือนกับ Charing Case โดยพอร์ทสำหรับชาร์จเจ้า BackBeat GO3 อยู่ตรงหูฟังด้านขวามือ โดยสามารถแกะทางด้านบนเปิดออกมาลักษณะตามภาพครับ

จากนั้นก็ชาร์จเพิ่มพลังได้ทันที เราจะเห็นว่ามี LED แสดงผลอยู่ ตรงนี้ส่วนใหญ่เมื่อเวลาเราใส่ใช้งานเรียบร้อยแล้ว จะไม่เห็นแน่นอน การใช้งานดูว่าแบตเหลือเท่าไหร่ จะผ่านการฟังจาก voice assistance เสียมากกว่า ก็จะแจ้งว่าพลังงานเหลืออีกกี่ชั่วโมง

คราวนี้ก็มาลองใส่ใช้งานกันดูสักหน่อย พอใส่ไปครั้งแรก เราจะเห็นว่ามีตรงส่วนด้านบนที่เกินขึ้นไปเกือบจะถึงใบหู แต่ช้าก่อน….

จริงๆ เค้าต้องใส่เข้าไปด้านในลักษณะนี้ล่ะครับ ซึ่งในส่วนนี้ไม่มีให้เปลี่ยนขนาดนะ

การสวมใส่สบาย น้ำหนักเบา

ใส่สบายทุกการใช้งานในชีวิตประจำวันครับ ช่วงเวลาขับรถก็สำคัญ

สรุปกันสักนิด

สำหรับเจ้า BackBeat GO3 เรื่องของการออกแบบ ถูกออกแบบให้ล้ำขึ้น สวยขึ้น น่าใช้ยิ่งขึ้น กันเปียก กันเหงื่อ ก็มาตั้งแต่รุ่น GO2 แล้ว บน BackBeat GO3 ก็ยังต่อยอดการใช้งานส่วนนี้ต่อไป ส่วนของการสวมใส่สบายๆ หมุนไปมาก็ไม่หลุดออกจากหู นั่นหมายถึงเวลาออกกำลังาย ที่่เราเคลื่อนไหวเยอะๆ ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ผมว่าเรื่องการออกแบบการใช้งานทาง plantronics มีประสบการณ์ด้านนี้อยู่แล้ว การสวมใส่ใช้งานลงตัวหมด เรื่องพลังเสียงก็มีการปรับจากรุ่นก่อนหน้านี้เช่นกัน ซึ่งด้วยการดีไซน์ที่ส่งพลังเสียงไปถึงด้านในหู ก็ทำให้เสียงในเรนจ์ต่างๆ เด่นชัดขึ้น รวมถึงเสียงเบสที่ผมเคยใช้รุ่นก่อนหน้านี้แล้วไม่ชัดเจน แจ่มแจ๋วเท่านี้ แต่ต้องออกตัวก่อนว่า อาจจะไม่ได้หนักเบสมากๆ เหมือนกับรุ่นอื่นๆ นะครับ แต่ก็ไม่ได้เป็นรองใครเหมือนกัน แบตเตอรี่ที่ใช้งานผมว่ายังไงก็ตลอดวันสบายๆ ที่บอกเอาไว้ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน เพราะตื่นเช้าขึ้นมาระหว่างไปทำงานก็ใส่ฟังเพลง มีคนโทรเข้ามาก็รับสายได้ทันที ตกเย็นเลิกงานไปวิ่ง ก็ติดเจ้า BackBeat GO3 ไปวิ่งด้วย เรียกว่าครบวันพอดี ไปได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ ยิ่งช่วงหน้าฝนแบบนี้ เปียกชื้นก็จัดไปสบายๆ ไม่ต้องกังวล โดยราคา จะอยู่ที่ 3,790 บาท แต่หากเป็นชุดที่รวม Charging Case ด้วยแล้ว อยู่ที่ 4,790 บาท ไม่มีขายแยกนะครับ และเช่นเคย หากซื้อในราคาเต็มๆ ก็จัดประกันไป 2 ปี (1ปีปกติ+1 ปี ลงทะเบียนบนหน้เว็บ) หรือใครซื้อราคาจากร้านค้าต่างๆ ที่มีส่วนลด ก็ไปลงทะเบียนได้ แต่จะเพิ่มประกันได้อีก 3 เดือน ก็รวมเป็น 1 ปี 3 เดือน อ้อ จุดเดียวที่คอมเม้นท์ก็คงเป็นตัวรัดสายด้านหลังที่ น่าจะมีตัวรัดสายแถมให้มาสักอันนะครับ

ขอบคุณ Systems2000 ที่ให้การสนับสนุนอุปกรทดสอบ