รีวิว Vivo V15 เฉดสีสวยงาม กล้องหน้า POP UP เด่นชัด จัดเต็ม

ด้านซอฟท์แวร์

มีการจัดการและใช้งานเหมือนกับ V15 Pro เช่นกัน เรียกว่าเป็นรุ่นที่คุ้มจริงๆ เพราะราคาประหยัดกว่าแต่ได้ฟีเจอร์ที่เทียบเท่า

Vivo V15 มาพร้อมกับ Funtouch OS 9 ซึ่งครอบทับบน Android 9.0 หรือ Android Pie ซึ่งเป็น OS ล่าสุด ณ ปัจจุบัน.

 

เรื่องของ AI เรียกว่ามีแทบทุกส่วนในการใช้งาน ไม่ได้มีแต่ในการถ่ายภาพจากกล้องเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดย Jovi จะเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่สามารถเรียกได้โดยกดปุ่ม AI ทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง ซึ่งเป็นการเรียกใช้ฟังก์ชั่นกับ Google Assistant

ยังมีการใช้งานอื่นๆ ที่ฉลาดอีกเพียบ สามารถแบ่งหน้าจอได้ และการส่งภาพและเสียง ขึ้นหน้าจอใหญ่ได้ง่าย

ด้านหลังของตัวเครื่องมีสแกนลายนิ้วมือ สำหรับอันล็อคเข้าเครื่อง ซึ่งจุดต่างจากรุ่นพี่ก็คือ ปลดล็อคเครื่องเข้าใช้งานได้เฉพาะสแกนลายนิ้วมือได้อย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้กล้องหน้าได้

ใน FunTouch OS เวอร์ชั่น 9 รองรับการใช้งานแบบไร้ปุ่มแล้ว เปิดใช้งานได้ทันที เรียกว่าเป็นฟูลทัชสกรีน ไม่มีปุ่มด้านล่างให้กินพื้นที่การแสดงผลของภาพ ซึ่งมีแนะนำการใช้งานเอาไว้ครบ วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก โดยเลื่อนขึ้นจากด้านล่างสุด ตำแหน่งซ้ายมือ ตรงกลาง และขวามือ เพื่อเรียกสลับแอป กลับที่หน้าจอหลัก หรือย้อนหลัง ตามลำดับ ซึ่งอันนี้แล้วแต่ความคุ้นและสะดวก

สามารถโคลนแอปได้ด้วย สะดวกมากเวลาเรามี social หลายแอคเค้าท์ และต้องการใช้งานในเครื่องเดียวกัน ไม่ต้องเสียเวลา log in สลับแอคเค้าท์

สำหรับคนที่มีมือเล็กๆ ไม่สามารถใช้งานในการพิมพ์ตัวเลขหรือตัวอักษรผ่านคีย์บอร์ดปกติได้ถนัดนัก ก็สามารถเปิดโหลดการใช้งานมือเดียวช่วยได้  และอีกหนึ่งการใช้งานที่สะดวกก็คือเวลาปิดหน้าจอและสามารถเรียกใช้งานแอปหรือกล้องถ่ายภาพได้ทันที

อีกโหมดนึงที่อยากแนะนำ สำหรับคนชี่มอเตอร์ไซด์โดยเฉพาะ ป้องกันอุบัติเหตุ และเสียสมาธิในขณะขับขี่ Vivo นึกถึงผู้ใช้งานในทุกแอคทิวิตี้จริงๆ

Easy Touch ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกในการเรียกใช้งาน โดยเปิดไว้จะมีลูกบอลลอยค้างบนหน้าจอ เมื่อกดที่ลูกบอลเมนูจะลอยขึ้นมา สามารถเลือกใช้งานแอปได้ทันที หรือไม่ก็บันทึกหน้าจอแบบวีดีโอ บันทึกเสียง และอื่นๆ เรียกว่ารวมทุกอย่างมาอยู่ในจุดเดียวบน Easy Touch

การทดสอบคะแนนของตัวเครื่อง Vivo V15 ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ในช่วงราคาระดับนี้

แน่นอนว่าพลังความเร็วที่ได้ก็ต้องเน้นด้านมัลติมีเดียและเกม ซึ่งเจ้า Vivo V15 ก็ตอบโจทย์ได้ดี ลื่นใช้ได้เลย แถมยังมีโหมด Game Cube ที่ช่วยทำให้การเล่นเกมไม่มีสะดุด จากการโทรเข้ามา รวมถึงช่วยเคลียร์เมมโมรี่และจัดการให้ดีขึ้นอีกด้วย

เกมที่ทดสอบเช่น PUBG และ ROV ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าความร้อนมีน้อยมาก แต่การปรับภาพของ PUBG จะไม่ไปถึงขนาดสูงสุด แต่ก็เล่นได้ลื่นดี ทัชสกรีนไม่มีปัญหาอะไร ส่วน ROV ก็ลื่นๆ ได้เฟรมเรท 60 เท่าที่ลองเล่นไปหลายเกม ก็ตกไม่มากเรียกว่ายังเสถียรอยู่นครับ อาจจะด้วยโหมด Game Cube ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ดีขึ้น

นอกจากนั้นแล้ว ที่อยากบอกก็คือการใช้งานหน้าจอแบบ Ultra Full View Display ทำให้ใช้งานอย่าง เต็มตาเต็มใจ การแสดงผลไม่มีรอยบาก ไม่มีติ่งให้กวนใจ

อ่าน พรีวิว Vivo V15 สีแดง Glamour Red อย่างงาม

มาดูเรื่องกล้องของ Vivo V15 กันบ้าง

โดย Vivo V15 ให้กล้องด้านหน้ามา 32 ล้านพิกเซลจัดเต็ม ยังเน้นเรื่องเซลฟี่ ที่ทำให้หน้าสดใส รวมถึงกล้องหลัง 3 ตัว ที่มาพร้อมความละเอียด 12 ล้านพิกเซล  + 8 ล้านพิกเซล  + 5ล้านพิกเซล  ซึ่งรองรับทั้งการถ่ายภาพแบบในแนวกว้างเก็บรายละเอียดได้ครบหมด หรือจะเป็นโหมด AI. ที่ปรับแสงสีให้แมทช์กับสถานการณ์ต่างๆ รวมถึง เบลอฉากหลังได้เนียนทำให้วัตถุหรือการถ่ายภาพบุคคลเด่นชัดขึ้นอีกด้วย

ในกล้องหลักนั้นจะมาพร้อมกับ เทคโนโลยี Dual Pixel Focusing ที่ช่วยให้เก็บภาพและรายละเอียดแสดงต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนกล้องรองอย่าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล จะเข้ามาช่วยในการถ่ายภาพมุมกว้าง ด้วย AI Super Wide-Angle นั่นเอง

ในยุคนี้แค่ปรับ AI Beauty ก็ดูจะไม่พอ ดังนั้น Vivo V15 มี AI. Shaping ที่เป็นจุดเด่นที่หาในกล้องอื่นไม่ได้ เพราะสามารถปรับรายละเอียดสัดส่วนของแบบได้เนียนมากขึ้น ขายาวขึ้น เอวบางขึ้นได้หมด มีรายละเอียดให้ปรับเยอะมาก ไม่เพียงแค่การถ่ายภาพ การถ่ายวีดีโอก็มี AI Shaping เหมือนกัน ซึ่งเรียกว่าแทบจะเป็น exclusive สำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะเลย

นอกจากโหมดถ่ายภาพปกติ โหมดภาพบุคคลแล้ว ซีนต่างๆ แล้ว ยังมีโหมดถ่ายพาโนราม่า และโหมดโปร รวมถึงโหมดเอกสารอีกด้วย ครบเครื่อง

กล้องด้านหน้า 32 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beauty เนียนแน่นอน เรื่องใช้งานไม่ต้องห่วงกดใช้งานกล้องหน้าปุ๊ป กล้องเลื่อนขึ้นภายในเสี้ยววินาทีพร้อมถ่ายเซลฟี่ได้ทันที

ยังไม่พอ ยังมี AR Sefie ที่เป็นสติ๊กเกอร์ให้เล่นเพียบ โหมดนี้เชื่อว่าคนที่ชอบถ่ายเซลฟี่กล้องด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น ต้องโดน เล่นสนุก แถมยังมี AI Beauty ติดตัวมาด้วย ได้หน้าใส พร้อมความน่ารักจากสติ๊กเกอร์ ครบสูตรเลย

โหมด AI ที่ฉลาด รู้จักการปรับโทนแสง และภาพให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

 

มาดูตัวอย่างภาพถ่ายของ Vivo V15 ในรูปแบบต่างๆ กันครับ

ด้านกล้องหลังที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป ภาพที่ออกมาคือบอกเลยว่าจบหลังกล้องทั้งหมดไม่มีแต่งเติมภาพ ปรับสีหรือแสงสว่างแต่อย่างใด


การถ่ายภาพบุคคล ในโหมดกล้องปกติ ต้องบอกเลยว่าดีและ AI ฉลาด แม้ว่าจะเป็นภาพโดยทั่วไป ก็ยังปรับโทนแสงหรือสีให้เหมาะกับสภาวะต่างๆ ได้ดี

แน่นอนว่า AI Beauty และโหมดถ่ายภาพบุคคลก็ทำออกมาได้แบบว่าหมดจดเช่นเดียวกัน

แน่นอนเลยครับว่า AI Shaping ที่ทำให้ดูขาเรียวยาวมากขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น ยังปรับสัดส่วนของร่างกายได้อีกเพียบเลย

นอกจากกล้องหลักแล้ว มาดูกล้องที่ใช้ AI Super Wide-Angle ขนาด 8 ล้านพิกเซล ทำให้ภาพถ่ายสวยขึ้นได้อีก จะเห็นว่าเก็บภาพได้กว้างมากจริงๆ

ตัวอย่างภาพจากเลนส์ทั้ง 3 ชิ้น ที่ Vivo เรียกว่าเป็น AI Triple Camera กันครับ ได้ทั้งสามระยะ แต่โหมดบุคคลต้องเดินเข้าไปถ่ายใกล้หน่อยนะ นอกจากนั้นยังมีเอฟเฟ็คสำหรับโหมดถ่ายภาพบุคคลทำให้แจ่มขึ้น ได้อีกหลายโทนอารมณ์และความรู้สึกอีกด้วยไว้รวบทีเดียวในกล้องด้านหน้านะ

ภาพถ่ายเพิ่มเติม จาก Vivo V15

ภาพถ่ายบุคคล

ภาพมุมกว้าง

ตัวอย่างภาพถ่ายดอกไม้

ตัวอย่างภาพถ่ายอาหาร

ตัวอย่างภาพถ่ายทั่วไป

ตัวอย่างภาพถ่ายกลางคืน แสงน้อย

มาชมกล้องด้านหน้ากันบ้าง

กล้องด้านหน้าขนาด 32 ล้านพิกเซล ที่แบบว่าแจ่มได้ใจจริงๆ มีโหมด AI Beauty ก็จริง แต่ยังมีอะไรให้เล่นอีกเพียบ

 

โหมดกล้องหน้าดีงามจริงๆ

นอกจากโหมดบุคคลตามปกติแล้ว ยังมีเอฟเฟ็คให้เลือกได้อีก 6 รูปแบบ ทั้งแสงธรรมชาติ ไฟสตูดิโอ ลูปไลท์ สีรุ้ง พื้นหลังขาวดำ

AR Selfie ที่มาพร้อมกับสติ๊กเกอร์มากมายให้เลือกเล่น เลือกให้น่ารัก สนุกได้ทั้งทั้งขายหญิง

สรุปทิ้งท้ายสำหรับ Vivo V15

โดยส่วนตัวแล้ว ชอบหน้าจอแบบไม่มีรอยบากหรือติ่งหยดน้ำใดๆ  ซึ่ง Vivo V15 ก็ออกมาตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบรอยบากหรือหยดน้ำได้ดีเลยล่ะครับ เพราะจากการออกแบบกล้องด้านหน้า POP UP ที่สามารถเลื่อนขึ้นลงได้ถึง 300,000 ครั้งทำให้มั่นใจได้ว่าไม่เสียง่ายๆ และยังเลื่อนขึ้นลงได้เร็วมากเพียงเสี้ยววินาที นั่นทำให้หน้าจอจัดเต็ม 6.53 นิ้ว การแสดงผล 90.95% เลยทีเดียว ด้วย Ultra Full View Display ทำให้การใช้งานมัลติมีเดียทุกรูปแบบได้อย่างสบายตา สบายใจ  ดีไซน์ก็สวยมีการไล่โทนเฉดสีได้อย่างงามเลย เมื่อสะท้อนแสงก็จะมีเงาสะท้อนทำให้เฉดสีที่มีเปลี่ยนไปอีก ช่วยให้ความงามเด่นชัดขึ้น

ส่วนตัวสเปค ก็จะมีเรื่อง CPU Heilo P70 ที่หลายคนข้องใจ ว่าจะดูแล้วไม่แรง แต่เอาจริงๆ ใช้งานโดยภาพรวมลื่น เล่นเกมก็โอเค แถมแบตก็ใช้งานได้ตลอดวันอีกด้วย เล่นเกมก็ไม่ร้อนอีกด้วย จากที่ทดสอบประมาณครึ่งชั่วโมงเล่นติดต่อกันแล้ว ความร้อนมีน้อยกว่าที่คาดมากเลยทีเดียวการใช้งานโดยรวมสู้รุ่นพี่ได้ แต่เล่นเกมก็ตามรุ่นพี่ Vivo V15 Pro อยู่นะ แต่ด้วยราคาต่างกันก็ลองเลือกดูได้นะ

ส่วนเรื่องกล้องนั้นมีฟีเจอร์ครบ แม้ว่าความละเอียดกล้องหลังจะไม่ใช่ 48 ล้านพิกเซลเหมือนรุ่นพี่ แต่ก็ทำออกมาได้ดี เพราะมี AI ที่ฉลาดเหมือนกัน โหมดต่างๆ มีให้ครบ ถ่ายภาพบุคคลก็แจ่ม มีลูกเล่นครบถ้วน นอกจากนั้นยังมี AI Shaping ที่สามารถปรับสัดส่วนของร่างกายให้ดูดีขึ้นได้อีกต่างหาก  และยังใช้ในโหมดถ่ายวีดีโอได้อีก สุดยอดแล้ว อีกส่วนนึงก็คือกล้องด้านหน้านั่นล่ะครับ ที่แจ่มได้ใจตามสไตล์ Vivo เค้าล่ะ เรื่องเซลฟี่นี่ก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน ภาพรวมแล้วนับว่า Vivo V15 ในราคา 10,999 บาท ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีและการใช้งานที่เต็มตา โดนใจจริงๆ  แต่จุดสังเกตุก็คือ ตัวกล้องด้านหน้าที่ POP UP ได้นี่ล่ะครับ จะมีฝุ่นติดอยู่เหมือนกัน ต้องทำความสะอาดบ้างนะ และอีกอย่างนึงก็คือ กล้องด้านหน้ามีใช้งานในการถ่ายภาพเท่านั้น ไม่มีใช้งานเรื่องการช่วยปลดล็อคหน้าจอ เหมือนรุ่นพี่ แต่ก็ดีกว่ารุ่นพี่ตรงหน้าจอใหญ่กว่า แบตมากกว่า การใช้งานภาพรวมแทบจะเท่ากัน ด้วยราคาที่ต่างกันหลายพันก็ลองเลือกดูครับ สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าตัวแทน แบรนด์ช็อปของ Vivo เลยครับผม



ถูกใจบทความนี้  12