รีวิว Xiaomi Redmi 4 สีเทา ตัวเล็ก แต่กินขาด

ช่วงนี้ยังสนใจ Mi Mix กันอยู่ใช่ไหม? ผมว่าหลายๆ คนก็คงรู้เรื่องราคากันดีอยู่แล้วว่า Mi Mix นั้นราคาไม่ใช่แค่เอื้อมอีกแล้ว แต่เกินเอื้อมไปพอสมควร วันนี้ผมมาแนะนำรุ่นน้อง ที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานมากนัก และผมติดใจตรงที่ใช้งานมาตั้งแต่ซีรีส์นี้แรกๆ คือ Redmi นั่นเอง นี่เข้ามาตั้งรุ่นที่ 4 แล้ว Redmi 4 เป็นรุ่นที่เรียกว่าสุดคุ้ม คุ้มสุดๆ ในตลาด ณ ตอนนี้ ขึ้นชื่อว่า Mi มีหรือจะไม่คุ้ม (สโลแกนตั้งเองนะ) รุ่นเล็ก แต่สเปคไม่ได้เบาตามราคา แถมดีไซน์ยังแจ่ม ROM ดีลื่น ฟีเจอร์เพียบ ไม่แพ้ใคร แหม่ เกริ่นมาซะตั้งนาน มาชมตัวเครื่อง กับรีวิวกันดีกว่า และแน่นอนครับว่ามาพร้อม code สั่งซื้อราคาพิเศษ ติดตามด้านในเลยจ้า

Join PDAMobiz on Telegram

ขอบคุณ everbuying ที่สนับสนุนอุปกรณ์รีวิว

อย่างที่เกริ่นล่ะครับ ผมคนนึงล่ะที่เป็นแฟนหมี (Mi) ซึ่งเมื่อก่อน ก็พอรู้อยู่ว่า ถูกและดี เค้ามาด้วยคอนเซ็ปท์นี้มาโดยตลอด จนหลังๆ แบรนด์จีนทุกแบรนด์ก็ล้วนแต่ลงมาเล่นคอนเซ็ปท์นี้ตามๆ กันมา แต่ยังไงก็ตาม Xiaomi หรือ Mi ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายต่อหลายรุ่น จนกระทั่งในปีนี้ รุ่นไร้ขอบอย่าง Mi Mix ก็ออกมาเขย่าตลาด จริงๆ มีอีกหลายรุ่น แต่ผมว่ารุ่นนึงที่หลายๆ คนมองข้ามไป และไม่ได้เป็นกระแส แต่ทว่าทั้งสเปคและราคาน่าจับต้อง และดีไซน์ ฟีเจอร์ ไม่รู้จะบอกยังไงว่ามันครบสูตรจริงๆ มาดูสเปคกันเลยดีกว่า

● หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 (MSM8953) Octa-Core 2.0 GHz
● หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 506
● หน้าจอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD กระจกแบบ 2.5D
● RAM 3GB
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 32GB และรองรับหน่วยความจำ MicroSD ได้สูงสุด 128GB
● กล้องด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช
● กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
● รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด 4G LTE
● แบตเตอรี่ความจุ 4,100 mAh
● ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Android 6.0 (Marshmallow) MIUI 8
● มีสแกนลายนิ้วมือ
● ราคาประมาณ 6,500 บาท

ตัวกล่องสีขาวสวยงาม แต่ถ่ายภาพออกมาอาจจะไม่สวยเท่ากล่องจริงนะ ฮ่ะๆ ขออภัยด้วย เลข 4 สกรีนบนกล่อง แทบจะเลือนลาง ดูกลืนกับตัวกล่องจนเกินไป

อุปกรณ์ที่มีในกล่อง ก็บ้านๆ ไม่มีหูฟังแถมมาให้นะ ใจร้ายจัง ทั้งๆ ที่จริงๆ Mi ก็มีทำหูฟังออกมาเพียบ

หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดแบบ Full HD ซะด้วย

ด้านหน้ามีเพียงกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล ไม่มีแฟลชนะ ส่วนสเปคเครื่อง ซึ่งผมมักจะไม่ค่อยพูดถึงสักเท่าไหร่เวลารีวิว เพราะหย่อนสเปคเอาไว้ด้านบนแล้ว แต่รุ่นราคากลางๆ เดี๋ยวนี้เริ่มหันมาใช้งาน Snapdragon ชิปเซ็ตคุณภาพมากขึ้น ซึ่ง Redmi 4 รุ่นนี้ก็เช่นเดียวกัน แถมยังเป็น Octa-core อีก ดังนั้นเรื่องความเร็วในการใช้งานผ่านไปได้เลย ไม่ต้องกังวลใดๆ

ยังคงมีความเป็นปุ่มอยู่ ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ Xiaomi ก็ได้ล่ะมั้ง

มาดูด้านหลัง ก็ต้องเห็นเรื่องดีไซน์ คือดีไซน์ตั้งแต่ Redmi รุ่นแรกที่ใช้งานมา จนถึงรุ่นที่ 2 มีแต่ดีไซน์เป็นพลาสติก อาจจะด้วยเทรนด์ในปัจจุบัน Xiaomi Mi Redmi 4 ก็กลายเป็นโลหะทั้งแท่ง เปิดฝาหลังไม่ได้ แต่ก็น่าแปลกอีกเหมือนกันว่าเครื่องขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว เล็กมาก แต่ให้แบตเตอรี่มา 4100 mAh เลยหรือนี่ ใช้งานก็วันนึงสบายๆ อีกต่างหาก

กล้องด้านหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลขในตัวมี auto focus ด้วยนะ แถมยังมีสแกนลายนิ้วมือสำหรับเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอีกต่างหาก

ไม่ต้องห่วงว่ามาจากจีนแล้วจะใช้งานไม่ได้ เพราะรองรับภาษาไทยแล้วนะครับ

ตัวขอบไม่ได้บางมากนัก แต่ก็ไม่ได้หนาจนเกินไป เรียกว่าพอดีๆ ทั้งขนาดและน้ำหนัก

ด้านล่างนี่ดีไซน์คล้ายแบรนด์ผลไม้ ก็คงได้ไอเดียมานั่นล่ะ

ด้านข้าง มีปุ่มมาตรฐาน ปิดเปิดเครื่อง และเร่งลดเสียง ออกแบบมากลืนกับตัวเครื่อง

และอีกด้านนึงมีแค่ถาดใส่ซิมและเมมโมรี่

ซึ่งใส่ซิมขนาด nano SIM และเป็น hybrid เลือกใส่ SIM หรือ เมมโมรี่ได้ด้วย รองรับ 4G ทุกค่าย ใส่สองซิมพร้อมกันได้ และอีกซิมนึงจะรองรับ 4G ส่วนอีกซิมนึงจะรองรับ 3G งานนี้หายห่วงเรื่องการใช้งานด้านโทรศัพท์กับทุกค่าย

ตัวขอบตัดด้านบนและด้านล่างสวยงาม แต่ก็แนะนำว่าถ้าใช้ต้องหาซื้อเคสมาสวมด้วยจะดีที่สุด เพราะว่ามีโอกาสเป็นรอยง่ายเหมือนกัน แต่แปลกเทา่ที่ใช้งานมา ยังไม่เจอรอย ปกติผมพกพาจะมีรอยตลอด ไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้าเครื่อง หรือตามขอบต่างๆ

มาดูเรื่องซอฟท์แวร์ในเครื่องบ้างดีกว่า

จริงๆ ต้องบอกเลยว่า Mi Redmi 4 นี่ไม่ได้แค่ ราคา ดีไซน์ สเปค แต่ยังมาพร้อมกับการใช้งานที่ครบเครื่อง ใช้งานง่ายและลื่น ไม่มีปัญหา และมักจะได้รับการอัพเดทอยู่ประจำๆ

MIUI 8 ยังใช้งานง่ายเหมือนเคย รองรับภาษาไทยเกือบทั้งหมด ก็ยังมีบ้างแอพหรือบางเมนูที่ยังทับศัพท์อยู่บ้าง ซึ่งก็น่าจะดีกว่าแปลเป็นภาษาไทย

ตัวเวอร์ชั่นจริงๆ ก็คือ Android 6.0 นั่นล่ะ ส่วนพื้นที่ใช้งานก็จัดมาให้สบายๆ เหลือๆ ผมว่าไม่ต้องใส่เมมโมรี่เพิ่มก็ใช้งานพอนะ

มีภาษาต่างๆ ให้เลือกเพียบ รวมถึงภาษาไทยด้วย

ตัวอักษรภาษาไทยพิมพ์ง่าย

หน้าจอปรับค่าสีได้ จะโทนอุ่น หรือโทนเย็นก็แล้วแต่

แบตที่อึดแบบข้ามวันสบายๆ อันนี้เป็นอันนึงที่ประทับใจเลยล่ะ

เรื่องรายละเอียดการโทรศัพท์สักหน่อย ตรงเสียงเรียกเข้ามาระบุด้วยว่าดังกี่ครั้ง และสามารถบับนทึกเสียงระหว่างคุยได้ด้วย แหม่แจ่มจริงๆ

การทดสอบกับแอพทดสอบยอดนิยม Antutu Benchmark ผลที่ได้ก็ประมาณนี้ ไม่เลวเลยทีเดียว แถม Multi-Touch ยัง 10 นิ้วอีกต่างหาก

เรื่องแอพโคลน สามารถใช้งานแอพได้พร้อมๆ กัน 2 แอพ แต่ต้องไปกดเปิดที่การตั้งค่าด้วยนะ แถมยังสามารถใช้งาน 2 IN 1 ในโหมดพื้นที่ทับซ้อน หรือ Second Space แยกงานไปทำได้อีกร่างนึงได้เลย มองได้ว่าเป็นเครื่องใหม่ ลงแอพหรืออื่นๆ ได้ด้วย มีการแบ่งพื้นที่ใช้งานกันอยู่แล้วชัดเจน มองง่ายๆ ว่าคล้ายกับ sign in windows คนละแอคเค้าท์

สแกนนิ้วได้สูงสุด 5 นิ้ว และมีโหมดสำหรับเด็กอีกด้วย อันนี้ผมชอบเลย เพราะลูกหยิบไปเล่นประจำ งานี้คอนโทรลลูกได้ด้วยโหมดสำหรับเด็กนี่ลยล่ะ

สามารถปรับแต่งเอฟเฟ็คต่างๆได้ เมื่อใช้หูฟัง และมีโหมดถนัดมือ หรือก็คือโหมดที่รองรับคนที่ใช้งานมือเดียวไม่ได้นั่นเอง ซึ่งน่าแปลกที่มีโหมดนี้ด้วย เพราะหข้าจอ 5 นิ้ว น่าจะใช้งานได้ทุกคน แต่อาจจะออกแบบมาสำหรับเด็กนะ

มาดูเรื่องกล้องและภาพถ่ายกันบ้าง

กล้องมีโหมดมาให้ตามนี้ ก็พอใช้งานแล้วล่ะ ส่วนใหญ่ผมถ่ายโหมดออโต้ปกติ

กล้องยังพอมีลูกเล่นเดิมๆ อยู่บ้าง เช่นบอกอายุ แหม่ รู้ได้ไงเนี่ย? ฮาา!

ตัวอย่างภาพถ่าย

สรุปทิ้งท้ายกันสักนิด

Xiaomi Mi Redmi 4 ผมถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ได้ใจ ดีไซน์เป็นโลหะทั้งดุ้น แถมไม่กั๊กสเปคหน้าจอที่ให้ความละเอียดแบบ Full HD รวมถึงแบตเตอรี่ที่อึด สเปคโดยภาพรวมๆแล้ว ไม่แพ้รายอื่นๆ เลย อีกทั้ง CPU ที่มาพร้อมกับ Snapdragon 625 พื้นที่ก็จัดให้ 32GB เหลือๆ RAM 3GB อีกต่างหาก จะเอาอะไรอีกเนี่ย ถ้าไม่ต้องการจอใหญ่ 5.5 ผมว่า Redmi 4 ก็พอแล้วกับการใช้งานทั่วๆ ไป ที่เราใช้งานอยู่ในชีวิตประจำวัน ฟีเจอร์ในเครื่องอีกไม่น้อย ทั้งฟีเจอร์โคลนแอพใช้งานแอพได้พร้อมๆ กันถ้ามี 2 แอคเค้าท์ ก็สะดวกดี ไม่ต้องสลับไปมา ไม่แค่นั้น ยังมี 2 พื้นที่ให้ใช้งาน ในโหมดพื้นที่ทับซ้อน อีกต่างหาก ROM เสถียรแน่ๆ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่า Android เวอร์ชั่นใหม่จะออกมา แล้วไม่ได้อัพใช้งาน เพราะเจ้า Mi Redmi 4 มีความเป็น MIUI อยู่เต็มตัว อย่างน้อยก็อีกสัก 3 ปีล่ะน่า คงอัพเวอร์ชั่นได้ตลอด เรื่องกล้อง ผมว่าก็ไม่ได้เด่นมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นรองใครในราคาระดับนี้ ความเป็น Xiaomi ผมว่าการันตีได้ในระดับนึงเลยนะ งานนี้ใครสนใจสั่งได้ที่ everbuying มี Code ส่วนลดดว้ย สามารถใช้งานได้ถึงสิ้นปีนะ จากราคา 6,500 บาท ลดแล้วเหลือประมาณ 6,000 บาท เท่านั้นเอง

หากมีความสนใจเรื่อง code ส่วนลด แจกไว้ที่นี่นะครับ สมัครสมาชิกแล้วไปคอมเม้นท์แค่นั้นเอง http://www.pdamobiz.com/forum/forum_posts.asp?TID=966510&PN=1&TPN=1