รีวิว Xiaomi Redmi 5 Plus หน้าจอใหญ่ดี สเปคโดน

มาแล้วจ้า สำหรับ Xiaomi Redmi 5 Plus ตัวราคาขนาดกลางที่เปิดตัวในบ้านเราในไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ วันนี้ก็ได้หยิบมารีวิวฝากให้ชมกันครับ ผมว่าหลายๆ คนน่าจะมีอยู่ในมือ แต่หลายคนอาจจะยังลังเลอยู่ มาระยะหลัง สเปคของ Smartphone นี่แรงกว่าคอมที่บ้านผมอีก ฮ่ะๆ ไม่แค่นั้นสิครับ Xiaomi นี่ทำให้ตลาดราคาเครื่องสเปคดีๆ น่าซื้อมากขึ้น คุ้มค่าเงินมากขึ้นจริงๆ แต่อย่างเดียวที่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหลังๆ เค้าซอยย่อยรุ่นซะถี่จริงๆ เลือกกันไม่ถูกเลย แต่งานนี้มาดู Xiaomi Redmi 5 Plus  ก่อนละกันครับ

สเปคของเจ้า Xiaomi Redmi 5 Plus

CPU: ตัวประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 625ตัวประมวลผล 1.8GHz max
GPU: Adreno 506
Memory: 3GB + 32GB ใส่ microSD ได้ 128GB
Display : 5.99 นิ้ว ความละเอียด 2160 x 1080 FHD, 403 PPI อัตราส่วนคอนทราสต์ 1000:1 ความสว่าง 450 nits
Size : 158.5 มม.x 75.45 มม.x 8.05 มม. น้ำหนัก: 180 กรัม
Battery: 4000 mAh
Rear Camera: 12 ล้านพิกเซล เลนส์ 5 ชิ้น, รูรับแสง f/2.2 LED Flash, PDAF
Front Camera: 5 ล้านพิกเซล
Network: 4G, สองซิม + ช่องเสียบ MicroSD การ์ดเฉพาะ 2G:GSM 2/3/5/8, 3G:WCDMA 1/2/5/8 4G:TDD-LTE 30/41, 4G:FDD-LTE 1/3/5
Connectivity: 801.12 a/b/g/n, รองรับ 2.4/5GHz Wi-Fi / Wi-Fi Direct / Wi-Fi Display, บลูทูธ 4.2 / บลูทูธ HID
Sensor: อินฟราเรด, มาตรวัดความเร่ง, เซนเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์วัดระดับแสง, เซนเซอร์ไจโรสโคป, มอเตอร์สั่นสะเทือน, ฮอลล์เซนเซอร์(Hall effect )
OS: MIUI9.5 (Android 7.1.2)
ราคา : 6,990 บาท

 

เรียกว่าเป็นน้องรอง แต่สเปคก็ไม่รองเท่าไหร่นะ หน้าจอไปที่เกือบ 6นิ้วซะแล้ว ยังคงใช้ Snapdragon 625 ที่ยังคงเป็นเทคโนโลยีเมื่อปีก่อนหน้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ดีนะ ถึงทำราคาได้ที่ 6990 บาท ถ้าเจอโปรโมชั่น แฟลชเซลยิ่งแจ่มเลย สเปครวมๆ แล้วก็ใช้งานได้ครบทุกอย่างแน่นอน เรียกว่า Xiaomi ในปีนี้ทำการบ้านมาดีกว่าเดิมอีก แถมอนาคตยังจะมีซอยออกมาอีกหลายรุ่นให้เลือกใช้กันสนุกเลยทีเดียว

แกะกล่องกันดูรอบตัวเครื่องกันหน่อย

ตัวกล่องสีส้ม ตามสไตล์เค้าล่ะ สำหรับ Redmi เป็นซีรีส์ที่ผมใช้มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ เพราะราคาประหยัด สเปคคุ้มกับราคาที่ได้ นี่เข้ามาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 5 แล้วหรือนี่ ไวจริงๆ


อย่างนึงที่ชอบสำหรับ Xiaomi Redmi 5 Plus  ก็คืออุปกรณ์ครบครัน ปิดกันรอยหน้าจอ ก็มีให้ เคสใสก็ให้มาครบ ขาดแต่ก็หูฟัง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า Xiaomi ไม่ได้แถมมาให้อยู่แล้ว ส่วนตัวก็มีหูฟัง bluetooth ใช้งานอยู่ประจำเลยไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้นัก


หน้าจอที่มีอัตราส่วน 18:9 ซึ่งเป็นเทรนด์หน้าจอยาวๆ แบบนี้ ดูแปลกตาไปจริงๆ สำหรับ Xiaomi ที่รุ่นก่อนๆ นั้นยังเป็นอัตรส่วนเก่าแบบปกติที่คุ้นเคย และขอบของจอแสดงผลก็เป็นลักษณะมน ไม่ได้เป็นเหลี่ยมด้วย  แต่โดยรวมแล้วได้พื้นที่การแสดงผลเพิ่มขึ้นในขณะที่ขนาดตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่ขึ้นมากนัก ซึ่งหน้าจอ 5.99 นิ้ว หรือเรียกว่า 6 นิ้วมันเป็นเครื่องที่แบบว่าเหมือนหน้าจอ 5.5 นิ้วในช่วงก่อนหน้านี้เลยล่ะ


ด้านหน้าเหมือนจะเป็นกล้องคู่เลยนะ แต่ไม่ใช่ครับ เป็นเซ็นเซอร์ต่างหาก มีกล้องแค่ 1 ตัวเท่านั้นนะครับ ซึ่งอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล สำหรับผมก็เรียกว่าสมกับราคานั่นล่ะ คุณภาพก็มาดูรูปกันอีกที


ด้านข้างมีถาดใส่ซิม ซึ่งเป็นแบบ hybrid อีกช่องนึงต้องเลือกระหว่างซิมหรือ microSD ซึ่งตามความจุที่ให้มาในเครื่องคือ 32GB ผมว่ายังพอนะ สามารถใช้สองซิมได้สบายๆ


อีกด้านนึงก็เป็นปุ่มกดตามปกติ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าขอบล่างและบนจะมีเป็นเส้นตัดขอบสีเงินอยู่ ดูได้สมมาตรดี


ส่วนด้านหลังก็มีดีไซน์ที่โค้งมนรับกับดีไซน์ขอบด้านหน้า คอนเซ็ปท์ของเจ้า Xiaomi Redmi 5 Plus มาด้วยความโค้งมนทุกสัดส่วนจริงๆ อีกส่วนนึงก็คือ สี เค้ามีสีให้เลือกอยูเหมือนกัน แต่สีทองที่ได้มารีวิวนี่ก็สวยอยู่แล้วนะ เป็นสีทองที่เป็นสีพื้นประจำของ Xiaomi ยังมิเปลี่ยนแปลง แต่มีสีดำ และสีฟ้าให้เลือกด้วย จริงๆ สีฮีโร่ของรุ่นนี้คือสีฟ้านะ อันนี้ก็แล้วแต่ชอบ


กล้องด้านหลังนี่ ยังมาพร้อมกับกล้องเดี่ยว แต่ก็พอแล้วล่ะ 12 ล้านพิกเซลพอใช้งาน พร้อมแฟลชในตัว และมีสแกนลายนิ้วมืออีกด้วย


Xiaomi มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไท ซึ่งเอาจริงๆ ในจีนก็ออกมาได้สักพักแล้ว แต่ก็ถือว่านำเข้ามาจำหน่ายเร็วกว่าช่วงก่อนหน้านี้ และคาดว่ารุ่นใหม่ๆ ที่กำลังจะตามมาก็จะเข้ามาบ้านเราเร็วขึ้นนะ รวมถึงเรื่องการบริการหลังการขายและ shop ที่กำลังขยายตัวเปิดทั่วทุกมุมเมือง อนาคตน่าจะไปที่ต่างจังหวัดด้วย เพราะส่วนนึงคือเรื่องบริการหลังการขายนี่ก็ต้องให้ความสำคัญเหมือนกัน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เราจะคุ้นเคยกับแบรนด์นี้ในเรื่องของเครื่องหิ้ว เพราะไม่ได้การทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ แต่หลังจากนี้จะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนแล้วล่ะ


ขอบด้านบน จะเห็นว่ามีอินฟราเรดอยู่ด้วย จริงๆ เป็นเทคโนโลยีที่เก่าล้าสมัย แต่มันก็อยู่มาตั้งแต่รุ่นคุณปู่เลยก็ว่าได้ ใช้เป็นรีโมทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้สบายๆ อันนี้เป็นอีกอันที่ชอบนะ


ด้านล่างยังคงเป็นพอร์ท micro USB ตามปกติ ยังไม่เป็น Type-C ก็ดีแล้วล่ะ หาสายชาร์จง่ายดี ลำโพงเสียงดังดี แต่ออกจะเปล่งๆ หน่อยน่ะ ด้านเสียงผมว่าก็ธรรมดาทั่วๆ ไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่เอาจริงๆ คือ มันดังแบบไม่มีเบส เหมือนเสียงมันออกไปทางด้านโทนสูงซะมากกว่า

มาดูข้างในบ้าง

ส่วนของซอฟท์แวร์ภายใน เรียกว่าให้ของมาเกินที่จะใช้งาน ด้วย MIUI 9.5 เรียกว่าล่าสุดก็ไม่ผิดนัก

MIUI เป็นที่นิยมแพร่หลาย ถึงแม้ว่าในช่วงนี้จะเริ่มมี Android One ดังเช่น Mi A1 มาก็ตามที แต่แฟนๆ ยังคงติดใจ MIUI อยู่นะ และมีแอปติดตัวมา


เรื่องหน้าจอไม่ต้องกังวล คุณภาพดี ทัชได้ 10 จุดพร้อมกัน เครื่องแบรนด์จีนบางรุ่น เค้าลดคุณภาพตรงนี้ลง บางรุ่นทัชได้ 2 จุดเอง ส่วนเรื่องพื้นที่ใช้งสอยเหลือใช้งานจริงประมาณ 25.16GB จาก 32GB ตามสเปคนะครับ


ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงอยู่ นะครับ ไม่ว่ารุ่นเล็กรุ่นใหญ่ อัดมาเต็ม บางทีอย่าง Redmi 5A ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะพื้นที่น้อยเช่นการใช้งาน Second Space แบบนี้ แต่สำหรับเจ้า Xiaomi Redmi 5 Plus เหมาะมากกว่า แต่ถ้าให้ดีจะใช้งานจริงๆ ก็ต้องใส่เมมโมรี่เพิ่มด้วยนะ ส่วน dual apps นี่แจ่มจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปไหนก็ไม่จำกัด ทำให้มี 2 แอปได้หมด ไม่เหมือนแบรนด์ส่วนใหญ่ ที่จะจำกัดพวกแอปที่เป็น social ซะส่วนมาก ซึ่งจริงๆ แล้วการใช้งานของบางคนก็ต้องการใช้แอปตัวอื่นๆ ที่อาจจะไม่ได้เป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่ก็ได้ Xaiomi ตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี


ยังมีตัว quick ball ที่ใช้แทนปุ่มกด ลอยขึ้นมาบนหน้าจอได้ด้วย มีเรื่องของการใช้ปุ่มต่างๆ รวมถึงเกสเชอร์ให้มีประโยชน์กับการใช้งานโดยรวม และปรับแต่งอะไรได้หลายอย่างเลย


มีเรื่องของการใช้งานมือเดียวด้วย ที่สามารถหดหน้าจอลงมาเหลือขนาดเล็กสุดได้ 3.5 นิ้ว ก็คงให้เด็กๆ ใช้งานได้ด้วยล่ะนะ แต่หน้าจอเล็กพวกการแสดงผลก็เล็กตาม ผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องสายตาอาจจะไม่เหมาะซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานล่ะครับ มีเคาะหน้าจอเพื่อปลุกได้ และ Mi Moverที่ยังมีอยู่บน Xiaomi ทุกรุ่น สำหรับถ่ายโอนข้อมูลระหว่างกันได้ง่ายๆ

มาดูเรื่องฟังก์ชั่นกล้องกันบ้าง


ฟังก์ชั่นกล้อง่ถายภาพ กล่องด้านหลังทางด้านซ้ายมือ มีโหมดต่างๆ ให้เลือกไม่น้อยนะ ผมว่าก็พอใช้งาน ที่เหลือคงอยู่ที่ฝีมือแล้วล่ะ มีโหมด Beautify หน้าสวยทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังด้วย แถมโหมดแมนวลก็ปรับค่าต่างๆ ได้ตามต้องการ ส่วนกล้องด้านหน้าไม่มีฟังก์ชั่นให้เลือกมากนัก ส่วนภาพสุดท้ายเป็นการถ่ายวีดีโอ สามารถถ่ายได้ทั้งสโลโมชั่นและ ไทม์แลปส์


กล้องด้นหน้าที่หลายคนน่าจะชอบ คือถ่ายออกมาแล้วไม่มีริ้วรอย ปรับได้หลายแบบอยู่นะ


นอกจากนั้นเองยังมีการตั้งค่ากล้องต่างๆ ได้อีกเพียบ ฟังก์ชั่นนึงของ Xiaomi ที่เป็นแบรนด์แรกๆ ที่ทำออกมาเลยก็คือ การที่เอากล้องมาส่องหน้าเรา แล้วจะบอกอายุได้ว่าเราอายุเท่าไหร่ ชอบเอามาเล่นกับเพื่อน สนุกดี

ภาพถ่ายล่ะเป็นไง


ภาพเซ็ทอาหาร

ภาพกลางวันทั่วไป


 

ภาพกลางคืน

ภาพจากกล้องด้านหน้า ความใสความขาวนี่คนละเรื่องเลย แต่เอาจริงๆ ผมขอบแบบธรรมชาติมากกว่า

บทสรุปของ Xiaomi Redmi 5 Plus

จากที่ได้ใช้งานมาสักพักนึงเต็มๆ ผมว่าเจ้า Xiaomi Redmi 5 Plus นี่ เป็นเครื่องที่คุ้มกับราคาอีกหนึ่งรุ่น โดยการใช้งานทั่วไปตอบโจทย์ได้หมด รวมถึงการเล่นเกมด้วย ไว้ดูในคลิปของเว็บเรานะครับ มีทดสอบเล่นเกมที่นิยมกัน ณ ตอนนี้ ได้หมด ส่วนที่ผมรู้สึกไม่คุ้นก็คือดีไซน์ที่เริ่มเปลี่ยนไป จริงๆ ก็เปลี่ยนไปหลายรุ่นแล้วล่ะ แต่หน้าจออัตราส่วน 18:9 ในรุ่นเล็กนี่ถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะเป็นรุ่นนี้เลยซะด้วยซ้ำที่ปรับอัตราส่วนหน้าจอ (ในบรรดารุ่นราคาถูก) คุณภาพและราคานี่เอาคะแนนไปเต็มเลยนะ แต่ตัวจะมาวัดกัน ณ ปัจจุบัน ก็คือเรื่องกล้อง ซึ่งก็ทำได้ค่อนข้างโอเคอยู่ แต่ Xiaomi ก็คือ Xiaomi คุณภาพของรูปภาพถ้าในแสงพอ นี่สบายๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าแสงเริ่มน้อย หรือเวลากลางคืนจะเริ่มมีปัญหา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้หลายรุ่น แต่ก็มีการแก้โดยผู้ใช้งานด้วยวิธีต่างๆ ก็ว่ากันไปนะครับ

ขอบคุณ Xiaomi Thailand ที่ให้ยืมเครื่องทดสอบครับ



ถูกใจบทความนี้  49