ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย เปิดตัว “Life Is On” กลยุทธ์แบรนด์ใหม่ มุ่งสร้างความยั่งยืน ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย เพื่อลูกค้าไทย

Schneider 02

  กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 1 มีนาคม 2559 – ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทยประกาศเปิดตัว “Life Is On”
กลยุทธ์แบรนด์ใหม่ มุ่งโปรโมทคุณค่า และหัวใจของแบรนด์ ในปี 2559 โดยเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันที่ให้ความสามารถในการเชื่อมต่อ ความยั่งยืน ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก: เมืองและอาคาร ที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรมต่างๆ และดาต้าเซ็นเตอร์ อย่างกว้างขวางและครอบคลุม 

 

สำหรับคอนเซ็ปต์ iPhone 7 จาก Arthur Reis จะประกอบมาจากข่าวที่เคยลือหรือหลุดออกมาก่อนหน้านั้น เช่น…

หน้าจอจะเปลี่ยนมาใช้พาเนล AMOLED และมีขอบจอที่บาง , ตัวเครื่องบางลงกว่าเดิมอีกเล็กน้อย,  ตัดพอร์ตออดิโอ 3.5 มม. ออกไป,  มีระบบชาร์จไร้สาย, ระบบกันน้ำกันฝุ่น, มาพร้อมกับ Bluetooth AirPods จากค่าย Beats, ปุ่มโฮมที่พัฒนามาให้รองรับ Force Touch และ Taptic Engine

Schneider 01

มร.มาร์ค เพลิทิเยร์ ประธานบริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่า Life is On คือกลยุทธ์แบรนด์ใหม่ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคทั่วโลก สร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้พลังงาน ขับเคลื่อนด้วยเมกะ
เทรนด์หลัก 3 ส่วน ได้แก่ การขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) การเติบโตด้านดิจิตอล (Digitization) และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม (Industrialization) ทั่วโลก กลยุทธ์ใหม่ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคนี้ แสดงให้เห็นถึงการประสานนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการจัดการพลังงาน ผ่านระบบสารสนเทศ และอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) ของบริษัท เพื่อช่วยให้ลูกค้าให้ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน และเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับการดำเนินงานในองค์กร

กลยุทธ์นี้ จำเป็นต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับระบบอัตโนมัติและการควบคุม การจัดการทางไกลแบบล้ำสมัย การซ่อมบำรุงที่เป็นมืออาชีพ การบริการแบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงมีเครื่องมือด้านการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพและข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ เมืองและอาคาร

ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว ชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ เพื่อที่จะนำเสนอ
โซลูชัน ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ในการบูรณาการพลังงาน ระบบอัตโนมัติ และซอฟต์แวร์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยขับเคลื่อนการใช้พลังงาน และกระบวนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

“เราลงทุนอย่างมหาศาลในด้านนวัตกรรม เพื่อเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์และระบบของเราผ่านอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) ไปยังซอฟต์แวร์ของเรา เพื่อให้กระจายการใช้พลังงานได้ครอบคลุม และเข้าถึงพลังงานได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ โซลูชันของเราสนับสนุนการทำงานใน 4 ตลาดธุรกิจหลัก ได้แก่ เมืองและอาคาร ที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และดาต้าเซ็นเตอร์ เราให้คำมั่นในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าเราให้ประสบความสำเร็จด้วยการช่วยปรับเปลี่ยนธุรกิจและองค์กรของพวกเขาให้สามารถทำงานเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น ความตั้งใจของเราคือการนำ Life is On ไปสู่ทุกคน ในทุกที่ และทุกเวลา ด้วยเทคโนโลยีของเรา” มร.มาร์ค กล่าว
จากรายงานผลการศึกษาวิจัยการตลาดจาก มาร์เก็ตแอนด์มาร์เก็ต มีการคาดการณ์ว่าการใช้ IoT ในตลาดพลังงานจะเติบโตขึ้นจากมูลค่า 7.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (273.24 พันล้านบาท) ในปี 2558 ขึ้นเป็น 22.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (804.24 พันล้านบาท) ภายในปี 2563 ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR ) ที่ 24.1 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว

Schneider 03

Schneider 04

 
มร.มาร์ค กล่าวว่า การเปิดตัวกลยุทธ์ Life is On ถือได้ว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558 – 2579 ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การลดความเข้มของการใช้พลังงาน (Energy Intensity: EI) ลงร้อยละ 30 ในปี 2579 สำหรับทั้งประเทศในภาพรวม และในภาคเศรษฐกิจที่มีการใช้พลังงานมาก ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม อาคารธุรกิจ และที่อยู่อาศัย ซึ่งตามแผนงานนั้น ความต้องการพลังงานไฟฟ้ารวมสุทธิของประเทศจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 2.67 ต่อปี เริ่มตั้งแต่ปี 2557 ถึงปี 2579 และคาดว่าในปี 2579 ค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้ารวมสุทธิ (Energy) และพลังไฟฟ้าสูงสุดสุทธิ (Peak) ของประเทศมี ค่าประมาณ 326,119 ล้านหน่วย และ 49,655 เมกะวัตต์ ตามลําดับ

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทยวางแผนที่จะสร้างการรับรู้ที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับกลยุทธ์แบรนด์ Life is On ทั้งในกลุ่มของพันธมิตรทางธุรกิจ และในกลุ่มลูกค้า พร้อมกับขยายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมทั่วประเทศในวงกว้างมากยิ่งขึ้น การดำเนินงานดังกล่าวไม่เพียงเพื่อให้สามารถเพิ่มการบริการที่ครอบคลุมตลาดได้มากขึ้นเท่านั้น แต่รวมถึงความสามารถในการสนองตอบความต้องการที่เติบโตมากขึ้นในตลาดต่างจังหวัดอีกด้วย

เพื่อสนับสนุนแผนการดำเนินงานดังกล่าว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เดินหน้าสร้างรถโมบายล์ “สมาร์ท โซลูชัน ดิลิเวอรี”
(Smart Solutions Delivery Bus) ที่ติดตั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม และโซลูชันเด่นๆ เพื่อนำไปโชว์เคสให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในส่วนต่างๆ ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยรถดังกล่าวจะออกเดินทางเพื่อจัดแสดงโซลูชัน และเทคโนโลยี ให้กับลูกค้ามากกว่า 100 รายทั่วประเทศ ลงพื้นที่มากกว่า 30 จังหวัด ภายในปีนี้ ซึ่งเทคโนโลยีและโซลูชันของชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจได้อย่างชัดเจนถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้โซลูชัน ทั้งในแง่การแก้ไขปัญหาที่ลูกค้าประสบอยู่ การปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน รวมถึงการประหยัดต้นทุน

นอกจากนี้ ในปีนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังคงเน้นและให้ความสำคัญกับการให้บริการและดูแลระบบงานของลูกค้า ที่มีการติดตั้งโซลูชันของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทั่วประเทศ (Installed – Based Service) เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มผลิตผลการทำงาน ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย พร้อม ๆ กับลดความเสี่ยง ลดอัตราการหยุดชะงักของระบบ (ดาวน์ไทม์) รวมถึงช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งจะช่วยในการลดต้นทุน ไปจนถึงการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROIs) ปรับปรุงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมทั้งต้นทุนในการเป็นเจ้าของ (TCO) โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทคือกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม อาทิเช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ, อาหารและเครื่องดื่ม, ดาต้าเซ็นเตอร์, อิเล็คทรอนิคส์ และยานยนต์

เพื่อให้แผนงานบรรลุเป้าหมาย ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทยได้นำ “กลยุทธ์บุคลากร” มาช่วยในการส่งเสริมปรัชญาในการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (High Performance Philosophy) ในองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาประสิทธิภาพในการทำงาน ไปพร้อมกับการสร้างวัฒนธรรมในการเรียนรู้จากคำแนะนำ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ และประสบการณ์ รวมถึงการให้การดูแลอบรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานผ่านความร่วมมือที่แข็งแกร่งในการทำงานทั่วทั้งองค์กร

“เราเชื่อมั่นว่า Life is On จะเกิดขึ้นได้เมื่อคนของเราลุกขึ้นมาร่วมมือกัน สำหรับเรา ลูกค้าคือหัวใจสำคัญของคำมั่นทั้งหลาย ลูกค้ามองเห็นตัวตนของเราผ่านบุคลากรของเรา เพราะฉะนั้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับพนักงานเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถส่งมอบสิ่งที่ดีสุดของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไปสู่ลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์” มร.มาร์ค กล่าว

ด้วยความเชื่อว่า การเข้าถึงพลังงานคือสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ริเริ่ม และดำเนินการโครงการเพื่อการติดตั้งโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับหมู่บ้านที่ขาดแคลนไฟฟ้าและอยู่ห่างไกลทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากปี 2556 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เข้าไปช่วยติดตั้งระบบโซล่าร์ให้กับหมู่บ้าน 7 แห่ง รวมถึงหมู่บ้านชาวมอร์แกน ในหมู่เกาะสุรินทร์ หมู่บ้านชาวเขาบนยอดแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และหมู่บ้านโปปากี้ ที่แม่สอด จังหวัดตาก โดยตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบัน มีชาวบ้านมากกว่า 1,200 คน ที่ได้รับประโยชน์จากการโครงการนี้ ในการช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

“ที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เราต้องการให้ทุกคนบนโลกใบนี้สามารถเข้าถึงพลังงานที่ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เราให้คำมั่นในการสร้างโซลูชันและนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาด้านพลังงาน สร้างความสมดุลให้กับคาร์บอน
ฟุตพริ้นท์บนโลกใบนี้ และเพื่อสนับสนุนสิทธิของคนทุกคนในการข้าถึงพลังงานที่มีคุณภาพ” มร.มาร์ค กล่าว

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านระบบการบริหารจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น โดยมีรายได้ประจำปีงบประมาณ 2558 คิดเป็นมูลค่า 27 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1.08 ล้านล้านบาท ในปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีพนักงาน 160,000 คนไว้คอยให้บริการลูกค้าในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เพื่อช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการพลังงานและกระบวนการทำงานได้อย่างปลอดภัย มีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ และสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ นับตั้งแต่สวิทช์ไฟแบบเรียบง่ายที่สุด ไปจนถึงระบบการทำงานที่ซับซ้อน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ และการบริการที่ช่วยให้ลูกค้ายกระดับประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการ และการดำเนินงานได้แบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อของเราจะช่วยปรับโฉมอุตสาหกรรม เปลี่ยนเมือง และช่วยให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับชไนเดอร์ อิเล็คทริค เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “Life is On”
www.schneider-electric.com/th



ถูกใจบทความนี้  0