Apple Watch จะใช้การสัมผัสผิวหนังเพื่อยืนยันตัวตนในการใช้งาน Apple Pay

apple-watch-edition

ถึงแม้ว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยกับสมาร์ทว๊อชตัวแรกจากทาง Apple อย่าง Apple Watch แต่ถึงกระนั้นเหล่าสาวกก็ต้องรอจนปีหน้าเลยทีเดียวกว่าที่จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ระหว่างนี้มาเจาะลึกกันในประเด็นที่เหล่าสาวกจำนวนไม่น้อยสงสัยกันดีกว่านะครับ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า Apple Watch นั้นรองรับการใช้งาน Apple Pay เหมือนกันกับใน iPhone แต่บน iPhone นั้นจะใช้ Touch ID เป็นการยืนยันตัวตนเพื่อความปลอดภัย แล้ว Apple Watch จะใช้อะไรยืนยัน วันนี้มีคำตอบมาฝากกันครับ

iw19-600x393

ตามที่ได้เกริ่นไปแล้วข้างต้น Apple Watch สมาร์ทว๊อชตัวแรกจากทาง Apple นั้น นอกจากฟีเจอร์มากมายที่สร้างเสียงฮือฮาเมื่องานเปิดตัวที่ผ่านมาแล้ว อีกหนึ่งฟีเจอร์อย่าง Apple Pay ก็สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกันไม่ต่างกับใน iPhone โดยในเรื่องของความปลอดภัยนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มี Touch ID เพื่อใช้ยืนยันตัวตนเหมือนบน iPhone ก็ตาม แต่ล่าสุด Apple ได้เปิดเผยข้อมูลให้ได้ทราบกันแล้วว่า Apple Watch จะใช้การสัมผัสผิวหนังของผู้ใช้งานเป็นการยืนยันตัวตน

applepay_applewatch

เพื่อนๆสมาชิกเริ่มงงกันแล้วใช่ไหมครับว่าการสัมผัสผิวหนังที่ว่าคือยังไง Apple เปิดเผยว่า Apple Watch จะใช้งาน Apple Pay เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการได้ก็ต่อเมื่อเซ็นเซอร์ใน Apple Watch ทำการวัดว่าตัวเรือนของ Apple Watch นั้นยังสัมผัสกับผิวหนังและถูกใส่ไว้บนข้อมือของผู้ใช้งานหรือไม่ ซึ่งหากใส่อยู่ก็จะสามารถชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน Apple Pay ได้ แต่หากเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ว่า Apple Watch ไม่ได้ถูกสวมใส่ไว้ที่ข้อมือ Apple Watch ก็จะถามรหัสผ่านเพื่อยืนยันการชำระสินค้าและบริการ และจะไม่มีการถามรหัสผ่านจนกว่าเซ็นเซอร์จะตรวจจับได้ว่ามีการถอด Apple Watch อีกครั้ง

applewatch_1

ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่า Apple Watch รองรับการใช้งานกับ iPhone 5 ,iPhone5c และ iPhone 5s ซึ่งทั้ง 3 รุ่นไม่มี NFC เหมือนกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แต่ถ้าเชื่อมต่อกับ Apple Watch ก็จะสามารถใช้งาน Apple Pay ได้ด้วยเช่นเดียวกันนะครับ เรียกได้ว่างานนี้ใครที่ยังไม่อยากเปลี่ยนเครื่องเป็นรุ่นใหม่ รอ Apple Watch ก็จะสามารถใช้งานฟีเจอร์ Apple Pay ได้ไม่ต่างกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ด้วยเช่นกันครับ

EyWwB5WU_6FF6Z

 

 

 

 

ที่มา : 9TO5Mac



ถูกใจบทความนี้  2