Mio เปิดตัวนวัตกรรมกล้องติดรถยนต์อัจฉริยะ MiVue 7 Series

(ประเทศไทย – 10 กันยายน 2561) “มีโอ้” ผู้ผลิตกล้องติดรถยนต์ชั้นนำในยุโรปและเอเชียแปซิฟิก ประกาศเปิดตัวกล้องติดรถยนต์แบบมี WiFi ในตระกูล Mio MiVue 7 Series (มีโอ้ ไมวิว ซีรี่ส์ 7) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย Mio มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ที่คำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริงตามแนวคิดที่เป็นหัวใจหลัก “All About You” ล่าสุดประกาศเปิดตัวกล้องติดรถยนต์แบบมี WiFi และระบบนำทาง GPS ในตัว รุ่นใหม่จากตระกูล Mio MiVue 7 Series ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการบันทึกวิดีโอคุณภาพความคมชัดสูง พร้อมคุณสมบัติการสำรองข้อมูลแบบเรียลไทม์ ที่ผู้ใช้สามารถอัพโหลดและดูคลิปวิดีโอในโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวกสบายผ่านแอพพลิเคชัน MiVue

 

ความคมชัดระดับ Full HD จับภาพความละเอียดสูง สว่างชัดเจนแม้ในเวลากลางคืน

กล้องติดรถยนต์รุ่น MiVue792 (ไมวิว 792) โดดเด่นด้วยสุดยอดเซ็นเซอร์ STARVIS™ ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์รับภาพความไวสูงแบบ CMOS จากโซนี่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกวิดีโอในสภาวะแสงน้อย หรือเวลากลางคืนได้สว่างชัดเจน อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีปรับแต่งภาพซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Mio สามารถปรับความสว่างของภาพได้ถึง 4 ระดับ เพิ่มคุณภาพของภาพให้ดียิ่งขึ้น กล้องสามารถบันทึกวิดีโอที่มีความละเอียดคมชัดสูงในทุกช่วงเวลาด้วยความคมชัดระดับ Full HD 1080p ภาพไหลลื่นด้วยความเร็วเฟรมเรท 60 FPS ต่อวินาที

ถ่ายโอนไฟล์วิดีโออัตโนมัติ สามารถดูได้แบบเรียลไทม์

 

กล้องติดรถยนต์รุ่น Mio MiVue 792 (มีโอ้ ไมวิว 792) และรุ่น MiVue786 (ไมวิว 786) เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการรองรับการเชื่อมต่อผ่าน WiFi ให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายโอนและดูคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือได้ทันที ซึ่งแตกต่างจากกล้องติดรถยนต์ทั่วไปในท้องตลาดที่ผู้ใช้ต้องเสียเวลาถอดเมมโมรี่การ์ดออกมาเพื่อดูวิดีโอย้อนหลังในคอมพิวเตอร์ ขั้นตอนยุ่งยากและอาจทำให้ล่าช้าเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

กล้องติดรถยนต์ Mio แบบมี WiFi ในตัวมาพร้อมฟีเจอร์เก็บสำรอง (Backup) ไฟล์วิดีโอแบบอัตโนมัติ ดังนี้

1. เก็บสำรองไฟล์วิดีโอแบบเรียลไทม์: ตัวกล้องจะทำการบันทึกเหตุการณ์และเก็บสำรองไฟล์โดยอัตโนมัติ สามารถเข้าดูคลิปวิดีโอต่างๆ ได้ทันทีอย่างง่ายดาย

2. บันทึกวิดีโอต่อเนื่อง: ตัวกล้องจะทำการบันทึกวิดีโออย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะที่ผู้ใช้งานกำลังเชื่อมต่อผ่าน WiFi กับโทรศัพท์มือถือ

3. สามารถตัดแบ่งไฟล์วิดีโอได้: เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา ผู้ใช้สามารถตัดแบ่งคลิปวิดีโอ ณ เวลาที่เกิดเหตุได้ความยาว 20 วินาที (โดยตัวกล้องถูกตั้งค่าไว้ให้บันทึก 5 วินาทีก่อนเกิดเหตุและ 15 วินาทีหลังเวลาที่เกิดเหตุ) ทำให้ได้ไฟล์ขนาดเล็กที่เป็นช่วงเวลาที่เกิดเหตุจริงๆ

4. สามารถดาวน์โหลดต่อจากที่ดาวน์โหลดค้างไว้ได้ (Download Resume): ใช้งานง่ายสุดๆ ด้วยการกดคลิกเพียงครั้งเดียวเพื่อเริ่มดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอต่อทันทีจากที่ดาวน์โหลดค้างไว้

5. ไม่รบกวนสายเรียกเข้า: ผู้ใช้ยังคงสามารถรับสายที่โทรเข้ามาได้ แม้ในขณะที่ทำการเก็บสำรองไฟล์วิดีโอลงในมือถือ

6. รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง: รองรับการเก็บสำรองข้อมูลทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

 

กล้องติดรถยนต์ในตระกูล Mio MiVue 7 Series ทุกรุ่นสามารถใช้งานร่วมกับกล้องมองหลังติดรถยนต์ MiVue A30 (ไมวิว เอ30) ได้ โดยกล้องมองหลัง MiVue A30 ใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ CMOS จากโซนี่ ให้ความคมชัดระดับ Full HD 1080p ใช้เลนส์กระจกคุณภาพสูง เลนส์กล้องมุมมองกว้าง 130 องศา รูรับแสงกว้าง F1.8 และรองรับโหมดบันทึกวิดีโอในเวลากลางคืน

นอกเหนือจากการเปิดตัวกล้องติดรถยนต์รุ่นใหม่ในตระกูล MiVue 7 Series แล้ว ทาง Mio ยังเปิดตัวกล้องติดรถยนต์ Mio MiVue C380D (มีโอ้ ไมวิว ซี380ดี) สามารถบันทึกวิดีโอคุณภาพความคมชัดระดับ Full HD 1080p ที่เฟรมเรท 30 FPS ต่อวินาที ตัวกล้องทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ CMOS ของโซนี่ มอบความปลอดภัยขณะขับขี่ครอบคลุมในทุกๆ มุมมอง พร้อมมีระบบนำทาง GPS ในตัว ที่นอกจากจะแสดงตำแหน่งของรถแล้ว ยังสามารถบอกความเร็วรถ ระบุพิกัดละติจูดและลองติจูด และบันทึกเส้นทางที่เดินทางไปได้อย่างครบถ้วนทุกการเดินทาง

กล้องติดรถยนต์ทุกรุ่นมีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และร้านค้าออนไลน์บนเว็บไซต์ของลาซาด้าและช้อปปี้ สำหรับรุ่น Mivue 792 และ Mivue C380D ราคาเริ่มต้น 8,900 บาท สำหรับรุ่น Mivue 786 ราคาเริ่มต้นที่ 7,900 บาท และสำหรับรุ่น MiVue A30 ราคาเริ่มต้นที่ 4,900 บาท

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

· เว็บไซต์: www.mio.com/th/

· Facebook: www.facebook.com/mio.dvr

· Line ID: @miothailand

# # #

เกี่ยวกับ Mio

Mio หนึ่งในแบรนด์ของ MiTAC Digital Technology Corporation เป็นผู้ผลิตระบบนำทางในรถยนต์ Mio มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ที่คำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริงตามแนวคิดที่เป็นหัวใจหลักของเรา “All About You” เพื่อพัฒนาโซลูชั่นสำหรับใช้งานภายในบ้านและที่ทำงาน โดยผสานรวมการออกแบบดีไซน์ผลิตภัณฑ์เข้ากับนวัตกรรมใหม่ ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ Mio หวังเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นในด้านความปลอดภัยและคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีในทุกรูปแบบให้กับทุกคน



ถูกใจบทความนี้  3