ASUS เปิดตัว สมาร์ทโฟน ซีรีย์ Zenfone สามรุ่นล่าสุด Zenfone 2 Deluxe, Zenfone 2 Selfie และ Zenfone 2 Laser อย่างเป็นทางการในไทย

    22 กันยายน พ.ศ. 2558 – ASUS เปิดตัวสมาร์ทโฟนในซีรีย์ Zenfone 3 รุ่นล่าสุดของทางค่าย ประกอบไปด้วย Zenfone 2 Deluxe ที่ชูจุดเด่นในด้านงานออกแบบที่หรูหราประดุจคริสตัลดุจอัญมณีล้ำค่า และมีสเปคที่จัดหนักในราคาเบา ๆ ส่วน Zenfone Selfie จะมีจุดตรงกล้องหน้าที่จัดเต็มด้วยความละเอียดถึง 13 ล้านพิกเซล และไฟแฟลชคู่ทูโทนมาให้ใช้งาน โดยมีคุณภาพที่ดีมากไม่แพ้กล้องหลักด้านหลังเลยทีเดียว สุดท้าย Zenfone Laser น้องเล็กที่มีจุดเด่นตรงพกระบบเลเซอร์โฟกัสมาให้ใช้งาน ช่วยให้การโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเก็บภาพได้ทุกสถานการณ์


ราคาวางจำหน่าย 12,990 บาท

จุดเด่นของเอซุส Zenfone 2 Deluxe ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือฝาหลังที่มีการออกแบบในลักษณะของลายเส้นตัดกัน อย่างปราณีตและลงตัว เกิดเป็นความงามแบบคริสตัลดุจอัญมณีล้ำค่า มีรอยหยักที่แสดงถึงความแตกต่างกันของระดับพื้นผิว ก่อให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ 3 มิติ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกถึงสัมผัสการใช้งานที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไป
อีก หนึ่งสิ่งที่พิเศษก็คือความจุหน่วยความจำที่สูงถึง 128GB ทำให้การเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะภาพถ่ายที่เก็บความประทับใจ วิดีโอที่บันทึกช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านมา หรือจะเก็บไฟล์งานสำคัญต่างๆ ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเนื้อที่เก็บข้อมูลจะไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำ MicroSD ลงไปได้สูงสุดอีก 128GB ทำให้ผู้ใช้งานมีพื้นที่เก็บข้อมูลได้สูงสุดกว่า 256GB นอกจากพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องที่สูงแล้ว เอซุสยังมีบริการ ASUS WebStorage ให้ใช้งานได้ฟรีถึง 5GB อีกด้วย
ด้านประสิทธิภาพ Zenfone 2 Deluxe เลือกใช้ชิปประมวลผล Intel® Atom™Z3580 Quad-Core 64 บิท ร่วมกับแรม 4GB เพื่อประสิทธิภาพที่สูง รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่มีกราฟิก 3 มิติ รับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทั้งยังสามารถสลับแอพพลิเคชันไปมาได้อย่างรวดเร็วทันใจ เพื่อการใช้งานที่ไหลลื่น ตัดปัญหาแอพพลิเคชันโหลดตัวเองใหม่ทุกครั้งเมื่อเปิดใช้งาน

การเชื่อมต่ออินเตอร์ เน็ตก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญของสมาร์ทโฟน โดย Zenfone 2 Deluxe รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE Cat.4 ที่ความเร็วสูงสุด 150Mbps รวมถึงยังใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่าน 3G ได้ทุกเครือข่าย ทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานหนักๆ อย่างรับชมวิดีโอออนไลน์ หรือจะเป็นการท่องเว็บไซต์ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการใช้งานโทรศัพท์ก็ทำได้เป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบโครงสร้างการรับสัญญาณแบบ 3D รอบตัวเครื่อง เพื่อทำให้การเชื่อมต่อไม่ติดขัด ทั้งยังสามารถใช้งานได้ 2 ซิมแบบ Dual SIM Dual Active ทำให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อ

Zenfone 2 Deluxe มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh ที่สามารถใช้งานเต็มประสิทธิภาพได้อย่างยาวนาน ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ก็ทำได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี BoostMaster ที่ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 60% ภายในระยะเวลาเพียง 39 นาทีเท่านั้น

ส่วนของอินเตอร์เฟซ ZenUI ก็ได้รับการพัฒนาให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น เปิดให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นธีม รูปแบบไอคอน ตัวอักษร รวมถึงยังมีฟังก์ชันที่ตอบสนองการใช้งานได้หลากหลาย เช่น ZenMotion ที่ช่วยให้เปิดใช้งานแอพพลิเคชันทำได้ง่ายขึ้น เพียงแค่วาดตัวอักษร C บนหน้าจอ ก็สามารถเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูปได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น

ราคาวางจำหน่าย 8,990 บาท

Zenfone 2 Selfie มาพร้อมโหมด Beautification ทำให้คุณยิ่งดูดี ไม่ว่าจะการเป็นปรับแสงให้สมดุล ทำให้ภาพนิ่มนวล ลบริ้วรอยต่างๆ ในทันที ได้ภาพสวยสมจริง มาพร้อมกับ 16 โหมดการถ่ายภาพ เทคโนโลยี PixelMaster ช่วยในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย โดยจะเพิ่มความไวแสงขึ้น 4 เท่าโดยทำให้ภาพและวิดีโอมีความสว่าง โดยไม่ต้องใช้ไฟแฟลช ด้วยเทคโนโลยีรวมแสงที่ทำให้ภาพสว่างขึ้น 400% ทำให้ภาพสวยสมจริงทุกๆ การถ่ายภาพ มาพร้อมกับไฟแฟลชแบบ 2 สีที่รวมระหว่าง สีเหลืองนวลและสีขาว เพื่อให้ภาพออกมาเป็นธรรมชาติ

ส่วนกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลเช่นกัน และมี Laser Auto-focus ที่ช่วยวัดระยะโฟกัสได้ดุจความเร็วแสง โฟกัสได้ทันทีช่วยให้การจับภาพแม่นยำขึ้น Zenfone Selfie มาพร้อม Super Resolution ให้รายละเอียดภาพมากขึ้นถึง 4 เท่า ด้วยเทคโนโลยีในการสร้างภาพอย่างน่าประหลาดใจ ช่วยเพิ่มความละเอียดภาพเพิ่มมากขึ้นจากกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ให้เห็นรายละเอียดสูงถึง 52 ล้านพิกเซล และด้วยคุณสมบัติของเลนส์แบบพิเศษ ช่วยให้คุณถ่ายภาพระยะใกล้ได้ในระยะเพียง 6 เซนติเมตร หรือ 2.3 นิ้ว เท่านั้น เผยให้เห็นรายละเอียดมากกว่าที่เคย ทุกรอยยิ้ม ท่าทาง ความสนุกสนาน และความประทับใจของคุณ

นอกจากนี้ หน้าจอกระจกกันรอยขีดข่วนใหม่ล่าสุด นั่นคือ Corning® Gorillla® Glass 4 ทำให้หน้าจอมีความทนทานมากกว่ารุ่นที่แล้วถึง 2.5 เท่าและยังลดโอกาสที่จะแตกหักในการใช้งานทั่วไปถึง 85%ให้ความคมชัดสีสันสดใส และหน้าจอ Full-screen lamination พร้อมทั้ง เทคโนโลยี ASUS TruVivid ที่ลดชั้นหน้าจอ ให้เหลือเพียง 2 ชั้นทำให้ Zenfone Selfie มีความชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม สว่างและตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีเยี่ยม

ขณะเดียวกันดีไซน์ของ Zenfone Selfie ก็มอบความสวยงามในสไตล์ Zen ที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความพรีเมียม มีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีชมพูนม สีฟ้าพาสเทล สีขาว สีแดง สีเงิน และสีทอง ตอบสนองทุกๆ ความต้องการของผู้ใช้งาน

Zenfone Selfie มาพร้อมความละเอียดของหน้าจอแสดงผลที่ Full HD 1920×1080 พาเนลหน้าจอแบบ IPS และหน้าจอมีขนาด5.5 นิ้ว แต่ด้วยการออกแบบพิเศษเพื่อลดขอบของหน้าจอเครื่องเหลือเพียง 3.3 มม เมื่อเทียบกันแล้ว ขนาดตัวเครื่องจึงไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนขนาด 5 นิ้วทั่วไป พร้อมทั้งหน้าจอแสดงผลที่แบบมุมกว้าง 178 องศา ความสว่างหน้าจอ400 nitsและความหนาแน่นของพิกเซลถึง 403 ppi ระบบสีของภาพแบบ NTSC 72% ทำให้ภาพและวิดีโอมีความสว่างและสมจริงมากยิ่งขึ้น

ด้านของประสิทธิภาพเพื่อความบันเทิงและการ ประหยัดพลังงานก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ Zenfone Selfie ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 615 Octa-Core 64 บิต และแรมแบบความเร็วสูงถึง 3 GB ทำให้ Zenfone Selfie มีความเร็ว ประหยัดพลังงาน และพร้อมสำหรับการใช้งานในทุกรูปแบบ

นอกเหนือจากประสิทธิภาพการทำงานแล้ว การเชื่อมต่อก็เป็นสิ่งที่ Zenfone Selfie มีความโดดเด่น ด้วยการมาพร้อมกับ Wi-Fi แบบ 802.11ac ทั้งยังเลือกใช้การออกแบบการรับส่งสัญญาณด้วยเทคโนโลยี ‘Beamforming’ ที่มีความเร็วการรับส่งข้อมูลสูงสุดถึง 433 Mbit/s แต่ประหยัดพลังงานมากกว่าที่เคย ส่วนการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ก็รองรับในระดับ 4G LTE ที่มีครอบคลุมถึง 31 ประเทศทั่วโลกด้วยความเร็วสูงสุดถึง  150 Mbit/s ทำให้ Zenfone Selfie เป็นสมาร์ทโฟนที่จะมาตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างเต็ม ประสิทธิภาพ

สำหรับการใช้งานด้านความบันเทิง ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงของ ASUS ได้เลือกใส่เทคโนโลยี Sonic Master ให้กับ Zenfone Selfie ทำให้เสียงที่ออกมานั้นมีความลึกด้วยมิติ และมีความใสของเสียง ทุกๆ ครั้งที่ฟัง และนอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ Smart ASUS AudioWizard รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อให้เหมาะสำหรับการฟังจากสื่อทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการรับชมภาพยนตร์ การฟังเพลง รวมถึงการเล่นเกม ทำให้ได้เสียงมีมิติที่สมจริง ตอบสนองได้ทุกรูปแบบการใช้งาน
Zenfone Selfie มาพร้อมกับความอิสระในการแสดงตัวตนของผู้ใช้ และมอบความสะดวกในการใช้งานด้วย ASUS ZenUI แบบใหม่ ซึ่งได้รับออกแบบมาให้ใช้งานง่าย พร้อมด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น ZenMotion, SnapView, Trend Micro™ Security และ ZenUI Instant Updates ที่ทำให้การใช้งานไม่มีสะดุด ทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยของระบบด้วย ZenUI แบบใหม่ที่ ASUS พัฒนาเสริมประสิทธิภาพขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 1,000 ฟังก์ชั่น นอกจากนี้ยังอัพเดตแอพพลิเคชั่นเสริมของ ZenUI ได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ได้จาก Google Play Store คุณจึงสามารถใช้งาน Android ได้อย่างลงตัวกว่าที่เคย

ในส่วน ZenUI Launcher มาพร้อมกับความสามารถที่หลากหลาย เพียงปาดนิ้วขึ้นในขณะที่อยู่หน้า Home เพื่อเข้าสู่โหมดปรับแต่ง ซึ่งสามารถเปลี่ยน Wallpaper เปลี่ยน ธีม รวมถึงเลือกรูปไอคอนที่คุณต้องการ เพื่อทำให้ Zenfone Selfie เป็นเครื่องที่มีลักษณะเฉพาะตัว สำหรับเก็บภาพความประทับใจด้วยกล้องหน้า หากจะเปิดหน้าจอขึ้นมาใช้งานก็เพียงแตะหน้าจอ 2 ครั้ง หรือจะแตะปุ่ม Home 2 ครั้งเพื่อเปิดโหมดการใช้งานมือเดียว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุม สั่งงานสมาร์ทโฟนได้ด้วยมือเดียว ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เอซุสพัฒนาขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานใน ปัจจุบันอย่างลงตัวที่สุด

 

สำหรับ Zenfone 2 Laser มีการเพิ่มเลเซอร์โฟกัสเข้ามา ทำให้การจับโฟกัสขณะถ่ายภาพเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้เรายังมีการพัฒนาในส่วนอื่นๆ เพื่อให้ Zenfone 2 Laser เป็นสมาร์ทโฟนพรีเมียมสำหรับทุกท่าน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เอซุสยึดถือในการออกแบบผลิตภัณฑ์เสมอมา”

 จุดที่เด่นสุดก็คือระบบเลเซอร์ออโต้โฟกัส ที่เลือกใช้แสงเลเซอร์ในการช่วยจับโฟกัส ทำให้การจับภาพใช้เวลาเพียง 0.2 วินาที สามารถเก็บภาพประทับใจได้ทันทุกสถานการณ์ แม้ในที่แสงน้อยก็ตาม ส่วนเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพเป็นการต่อยอดมาจาก Zenfone 2 ไม่ว่าจะเป็น PixelMaster 2.0 รวมถึงชุดเลนส์ Largan 5 ชิ้น รูรับแสงขนาด f/2.0 ให้ภาพสว่าง มีมิติชัดลึก ทั้งยังมีแฟลชสองสี Real Tone Flash ส่วนกล้องหน้าก็สามารถเก็บภาพได้มุมกว้างถึง 85 องศา ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เป็นเรื่องง่าย ได้ภาพออกมาสวยงาม

 โหมดการถ่ายภาพของกล้องก็มีให้เลือกใช้งานได้ถึง 16 โหมด เช่น Low Light Mode สำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อย ให้ภาพมีความสว่างขึ้นกว่าปกติถึง 400% ทำ หรือโหมด Super HDR ที่ช่วยให้สามารถเก็บรายละเอียดภาพได้ครบถ้วน แม้จะถ่ายย้อนแสง นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพสำหรับมืออาชีพอย่างโหมด Manual ที่ผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งค่าก่อนถ่ายภาพได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นค่าความไวแสง (ISO) ค่าความเร็วชัตเตอร์ ค่าสมดุลแสงขาว รวมถึงสามารถปรับระยะโฟกัสได้ ทำให้ผู้ใช้งานมีอิสระในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายในสไตล์ของตนเองได้อย่างไม่ สิ้นสุด
สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องของ ASUS Zenfone 2 Laser ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Zen ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นขนาดจอแสดงผลที่กว้างกว่า 70% ของหน้าจอ ทำให้มองเห็นภาพชัดเจนในขณะที่ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป ประกอบกับการเลือกใช้กระจกหน้าจอเป็นกระจก Gorilla® Glass 4 ที่แข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า จึงมั่นใจได้ในเรื่องของความทนทาน และออกแบบให้ปุ่มกดอยู่ด้านหลัง เพื่อทำให้ตัวเครื่องบาง โดยส่วนที่บางสุดเพียงแค่ 3.5 มิลลิเมตรเท่านั้น ได้รับการการันตีด้วยรางวัลด้านการออกแบบระดับสากลอย่าง iF Design Award 2015
ทางด้านประสิทธิภาพ Zenfone 2 Laser มาพร้อมกับความลงตัวระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม ด้วยชิปประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 410 ร่วมกับแรมขนาด 2 GB และ Android L 64 บิท ทำให้การทำงานไหลลื่น ตอบสนองได้ทุกรูปแบบการใช้งาน
นอก จากนี้ยังมาพร้อมระบบเสียง SonicMaster 2.0 ให้เสียงเต็มพลัง คมชัดในทุกอณู ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชัน AudioWizard 2.0 ที่ใช้สำหรับปรับแต่งเสียงได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น ตามรูปแบบเสียงที่โปรดปราน

Zenfone 2 Laser มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ด้วยกัน ได้แก่ ZE550KL, ZE500KL และ ZE500KG

ราคาวางจำหน่าย 4,990 บาท

ราคาวางจำหน่าย 5,990 บาท

ราคาวางจำหน่าย 6,990 บาท

สำหรับรีวิวในรุ่น Zenfone 2 Deluxe และ Zenfon 2 Laser รอติดตามกันได้ในเร็ว ๆ นี้ครับ

สามารถพูดคุยเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่หน้าเว็บบอร์ดเดิมครับ pdamobiz.come

 



ถูกใจบทความนี้  0