ทักทาย รายวัน

   เทคโนโลยีที่กำลังจะมาเปลี่ยนการใช้งานเราในเร็ววันนี้ก็คือการชาร์จไร้สาย เอ๊ะไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าการชาร์จไร้สายที่แท้จริงหรือที่เรียกว่า True Wireless Charge เพราะชาร์จแบบไร้สายเราวางไว้บนแท่นชาร์จแบบไม่ต้องเสียบสายบนตัวเครื่อง Smartphone นี่มีมานานแล้ว แต่งานนี้เราจะถือไปมาหรือวางไว้ตรงไหนก็ได้ แต่ Smartphone ก็ยังถูกชาร์จ จะทำให้พฤติกรรมการชาร์จของเราเปลี่ยนไป งานนี้นำโ

    มาดูกันครับว่าเมื่อปีที่ผ่านมา Smartphone ในปี 2020 ใครรุ่งใรร่วงสำหรับปี 2020 ที่มี Covid-19 ระบาดหนัก แต่สภาพตลาด Smartphone ถือว่ามีความต้องการลดลง จำนวนปีต่อปีในการขายทั้งตลาดในปี 2020 เทียบกับปี 2019  ลดลง 5.9% จาก 1372 ล้านเครื่องเหลือที่ 1292 ล้านเครื่อง แม้ว่าใน Q4 ที่ผ่านมาจะมีตัวเลขที่ดูดี มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถ้าเทียบกับ Q4 ปี 2019 ในช่วงเดียวกันถือได้ว่าเป็นข่าวดีของ Smartphone อาจจะด้วยความคุ้นชินกับ Covid-19 ข่าววัคซีนที่เริ่มมีออกมา หรือไม่ก็อาจจะมีการใช้งานมากขึ้นจากคนที่อยู่แต่บ้านไปไหนไม่ได้และต้องอาศัย Smartphone

       เป็นเรื่องที่ยังคงหวาดกลัวกับเทคโนโลยี ที่ทุกครั้งมีการตั้งเสาสัญญาณ หรือว่ามีเหตุที่ไม่ดีเกิดขึ้น ในกลุ่มชุมชน เช่นมะเร็ง การเสียชีวิต สาเหตุนึงที่มักจะคิดกันว่าอาจจะเกิดจากส่วนนี้ก็คือคลื่นที่มาจากเสาสัญญาณที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง ไม่เพียงแค่คนไทยเราที่มีความคิดแบบนี้ แม้แต่ต่างประเทศก็มีเคสแบบนี้เช่นเดียวกัน ที่ยุโรปเองก็มีเคสไม่เอา 5G เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดมีผลกระทบกับชีวิตและสุขภาพของเขาก็เป็นได้

      งานนี้มาอัพเดท และคุยกันเรื่อง LG Smartphone หน่อยครับ นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ ที่ทำตลาดมานานมาก อยู่คู่วงการโทรศัพท์ มาทุกยุคก็ว่าได้ ตั้งแต่ 2G จนถึงยุคนี้ 5G ซึ่งล่าสุด LG ประกาศปิดแผนก Smarphone ไปเรียบร้อย คงไม่ต้องบอกถึงสาเหตุ เพราะในเกาหลีเอง Samsung ก็มือหนึ่ง ส่วน LG ก็มีคนใช้งานแต่ก็คงสู้ Samsung ไม่ได้ แน่นอนว่านอกประเทศก็เคยทำตลาดมานานแต่ก็ไม่สำเร็จ ทั้งๆ ที่ LG เองมีนวัตกรรมที่เด่นไม่แพ้ Samsung เลยก็ว่าได้ มีไอเดียดีๆ แปลกๆ และไม่เหมือนใคร รวมถึงบางครั้งก็ล้ำสมัยนำหน้าทุกค่าย ค่ายอื่นๆ ก็ตามมาแต่สุดท้าย LG เองที่ไม่สำเร็จสักที จะมีบางช่วงในยุคของ Android ที่ดูดี

โดนขึ้นบัญชีดำ แต่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยตรงเหมือนที่ Huawei โดน แต่ก็มีผลคล้ายกัน เพราะหากขึ้นบัญชีดำ นั่นหมายถึง การทำธุรกรรมต่างๆ ที่ทางบริษัทในสหรัฐมีเอี่ยวด้วย ก็ล้วนแต่ส่งผลกระทบทั้งนั้น โดยที่มีตัวอย่างมาแล้วใน Huawei ดังนั้น ความเป็นไปได้ที่เราจะได้รับผลกระทบกับการใช้ Smartphone ของ Xiaomi ไม่ว่าจะเป็น Mi หรือ Redm

      วันนี้ขอเข้าเรื่องวิทยาศาสตร์ที่เป็นวาระแห่งชาติ ณ ตอนนี้ เกี่ยวกับ Covid-19 ก็แล้วกันครับ ในขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นตลอดในช่วงนี้ และสถานการณ์ดูทีท่าว่าจะไม่หยุดง่ายๆ ความกังวลและการใช้ชีวิตก็เริ่มจะกลับไปในช่วงแรกของปีที่แล้ว แน่นอนว่ามีผลกระทบโดยภาพรวมกับเศรษฐกิจและสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ งานนี้คนไทยของเรานี่ล่ะครับ ที่มีนักพัฒนาและวิจัยได้พัฒนาชุดตรวจ Covid-19 สำเร็จ และเริ่มจำหน่ายชุดตรวจแล้ว ในราคาหลักร้อย โดยราคาชุดตรวจอยู่ที่ 350 บาทเท่านั้น และการไปตรวจที่ รพ. ที่มีชุดตรวจนี้ ก็อาจจะบวกค่าบริการและค่าอุปกรณ์ทางการแพย์ ก็ว่ากันไปแล้วแต่สถานที่ที่ให้บริการ

    ปัจจุบันการวางโครงสร้างพื้นฐานเรื่องเน็ตในบ้านก็สำคัญนะ จะเห็นว่าบรรดาผู้ให้บริการต่างก็ออกมาขับเคี่ยวกันสนุกเมื่อปีที่ผ่านมา ส่วนปีนี้ ล่าสุดก็จะมีรายใหม่ที่มีการควบรวม และเตรียมลุยเรียบร้อยแล้ว กับ NTPCL หรือ Nation Telecom หรือเรียกสั้นๆว่า NT งานนี้ก็เป็นการควบรวมทั้งสองค่ายรัฐวิสาหกิจ ทั้ง TOT และ CAT มาอยู่ภายใต้การขับเคลื่อนเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ค่อนข้างชัดเจนว่า ผ่านมากี่ G ก็ยังไม่สามารถสู้เอกชนได้ แม้ว่าจะมีความได้เปรียบมาตั้งแต่ยุค 3G นี่เข้า 5G แล้ว ก็หวังว่าโครงสร้างพื้นฐานของอินเตอร์เน็ตในไทย โดยการควบรวมครั้งนี้ จะดีขึ้น

        คงเคยโดนกันบ้างใช่ไหมครับ กรณีที่ใครไม่รู้อยู่ดีๆ ก็แฮ็คเฟสบุ๊กเราได้เฉย ทั้งๆ ที่ใช้งานอยู่ตามปกติ พอดีไปอ่านเจอมา มีคนมาแชร์เลยคิดว่าน่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของคนใช้งาน อาจจะไม่ใช่แค่ เฟสบุ๊กอย่างเดียว ทั้งบริการอื่นๆ ที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ คงเคยใช้งานกันบ้างนะครับ กับการยืนยันเบอร์กับเฟสบุ๊กหรือบริการอื่นๆ ซึ่งในบางครั้งการกู้แอคเค้าท์หรือการรีเซ็ทพาสเวิร์ด ก็อาจจะใช้รหัสที่ส่งกลับมาทาง SMS ตามเบอร์โทรศัพท์ที่เราลงทะเบียนเอาไว้ หรือไม่บางคนก็ใช้เบอร์โทรศัพท์ในการ log in เสียด้วยซ้ำ แล้วมันจะโดนได้ยังไง? เริ่มจะเห็นลางๆ แล้วใช่ไหม

      สวัสดีปีใหม่ 2021 เข้าปีใหม่แล้ว พร้อมกับ Covid-19 ที่กำลังเพิ่มในระลอกสอง งานนี้ป้องกันตัวดีๆ นะครับ มาเร็วและใกล้ตัวเรากว่าที่คิด ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเทรนด์รักษ์โลกที่จะเปิดประเด็น เริ่มต้นคุยกันในปี 2021 เพราะปีที่แล้ว Apple เปิดเทรนด์รักษ์โลกเอาไว้เรียบร้อย กับการลดการแถมอุปกรณ์เสริม หากอยากใช้งานเพิ่มก็ซื้อกันเอาเอง ซึ่งบอกได้เลยว่า ธุรกิจล้วนๆ รักษ์โลกเป็นแค่ส่วนนึงในการทำตลาดให้ดูดี และสวยหรู ซึ่ง Apple เปิดประเด็นและควบรวมให้มันดูดีนั่นเอง หากคำนึงถึงลูกค้ามากกว่าผลกำไร น่าจะมีทางเลือกมากกว่านี้ หากคิดเอาสะดวกเราคนใช้งานก็คือ ให้ออกมา 2 เวอร์ชั่น

    คงเป็นทักทายสุดท้ายของปีนี้แล้วนะครับ สรุปรวมๆ ปีนี้ ด้าน Smartphone ก็ยังมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งด้าน CPU GPU ที่เป็นของตายต้องเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความร้อน ลดพลังงาน แต่สุดท้ายตัวแรง ก็ยังร้อนอยู่ดีถ้าเปิดใช้งานแบบสุด เพราะ% การลดลงเมื่อเทียบกับความรู้สึกเมื่อได้ใช้งานจริง มันก็ไม่ได้ต่างกันแบบเห็นผลมากนัก จนช่วงหลังมีบรรดาอุปกรณ์เสริมที่เป็นตัวระบายความร้อนออกมาให้เลือกอยู่มากมาย แน่นอนว่าเรื่องกล้องก็ยังพัฒนามากขึ้น จะเห็นว่าความละเอียดสูงจากประมาณปีสองปีที่แล้ว ราคาลงมาต่ำกว่าหมื่น คุณภาพก็ถือว่ารับได้ เหลือแค่เพียงพวกฟีเจอร์ ที่

     วันนี้เริ่มแล้วกับเทศกาล Covid-19 ที่คาดว่าจะระบาดระลอก 2 ซึ่งก็จริง ซึ่งผมเชื่อว่าก่อนหน้านี้ ลดการ์ดลง ไทยชนะ เริ่ม กลายเป็นไทยไม่ชนะซะแล้ว ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นในสถานที่ทั่วไปไม่สแกนกันเลย มีแค่ห้างหรือบางจุดที่เน้นหน่อยอะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่เข้มข้น มีปล่อยกันไป ส่วนตัวก็พยายามสแกนเท่าที่ทำได้ พยายามทำไว้ แม้ว่ามันอาจจะดูไร้ประโยชน์ แต่วันนี้ เมื่อระบาดระลอกใหม่ ไม่ใช่แค่ ไทยชนะ ซะแล้ว แต่งานนี้เรามี หมอชนะซึ่งก็เป็นแอปตัวนึงที่มีประโยชน์ หากใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ใช้งานกันเป็นวงกว้าง เพราะแอปตัวนี้ คุณหมอชนะ จะมีคำถามประเมินความเสี่ยงของเราเอาไว้ ซึ่งหากตอบคำถามครบเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้ QR ประจำตัวมา 1 อัน เอาไว้สำหรับให้เพื่อสแกน หรือให้คุณหมอหรือ จนท. สแกนเวลาไปตรวจตาม รพ. ว่าเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็มีประโยชน์ดีนะครับ คำถามคัดกรองก็จะประมาณว่าเราเสี่ยงติดโควิด19 มากน้อยแค่ไหน และตัวแอปมีการขออนุญาตการเปิดใช้งาน Bluetooth และ Loacation ซึ่งก็จะแทรคข้อมูลการไปมาของเราว่าไปไหนมาบ้าง ส่วน bluetooth ก็จะเปิดไว้สำหรับการแจ้งเตือนกรณีที่เราเข้าใกล้คนที่เสี่ยงนั่นเอง ตอนนี้ยังไม่ได้เจอคนที่เสี่ยงก็ยังไม่รู้ว่าจะเตือนขึ้นมาลักษณะไหน แต่น่าจะมี POP UP เป็นข้อความแจ้งเตือนปกตินั่นล่ะครับ ก็ต้องสังเกตุเอาหน่อย

       คนละครึ่ง ที่อาจจะเรียกว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่คนจำนวนมากก็ใช้สิทธิ์กันแบบว่าเต็มทุกรอบ เห็นว่าจะมีเปิดรอบเก็บตกอีก ก็รอกันไปแต่รอบล่าสุดที่เปิดให้ลงทะเบียนก็เต็มเช่นเคย และแน่นอนว่าก็โดนถล่ม ตอนแรกก็นึกว่าเครือข่ายล่ม แต่จริงๆ แล้วเป็นระบบ SMS ล่ม ประจวบเหมาะกับการลงบนคนละครึ่งเองก็คนแห่กันเข้าไปใช้สิทธิ์ก็มีจำนวนที่เข้าได้จำกัด ก็จะมีบางคนที่ต้องรอ กดรีเฟรชกันไปซึ่ง งานนี้ก็ต้องเรียกว่าโชคไม่ดีก็ได้ จริงๆ มีหลายครั้งที่มีการลงทะเบียนจำนวนมากในช่วงก่อน ก็มีการยืนยัน OTP ผ่านทาง SMS แต่ทว่าก็ยังไม่เคยเหตุการณ์แบบนี้ คืออาจจะเกิดขึ้นนะ ที่ไม่ได้รับ SMS แต่จำนวนอาจะน้อยหรือไม่ก็ ไม่ได้โดนหยิบมาเป็นกระแสข่าว และอีกเหตุนึงเพราะครั้งนี้กระทบกับคนส่วนใหญ่ เป็นวงกว้าง เพราะมีความต้องการสูงนั่นเอง ใครพลาดคราวนี้ถือว่าตกขบวนนะ เพราะอย่างที่รู้ว่าทั้งคนใช้และคนขายต่างก็ต้องการใช้งานทั้งนั้น

ทักทายรายวัน

     มาแล้วจ้า ทักทายกันสักหน่อย ช่วงนี้ผมว่าเรื่องของ “คนละครึ่ง” อันนี้โดนใจหลายคนเลย เพราะมันกระทบกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันโดยตรง คอนเซ็ปท์นี้ซื้อใจได้ แต่ส่วนตัวผมเลือกคืนภาษีนะ แต่ทว่าโครงการนี้มีคนในบ้านร่วมด้วย และได้ใช้และเห็นประโยชน์จริงจัง เพราะนอกจากคนซื้ออย่างเราๆ ท่านๆ ได้ประโยชน์แล้ว รู้สึกได้ว่าซื้อของแล้วคุ้ม ประหยัดขึ้น เพราะจ่ายแค่ครึ่งเดียว คนขายก็เช่นกันได้รับสนุนอีกครึ่งนึง แต่ก็เหมือนลดราคาให้ลูกค้า แต่ได้รายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้ว่าจะมีข้อจำกัดจำนวนเงินอยู่บ้างก็ตามที ซึ่งนี่คือ wave แรกเท่านั้น หมายถึงอะไร?

     ใครเป็นแฟน Huawei อย่าลืมนะ ได้เวลาเปลี่ยนเครื่องแล้ว? เพราะ Huawei Mate 40 Pro วางแผงเรียบร้อยแล้ว งานนี้เป็นอีกรุ่นเรือธงของ Huawei ที่มาในปลายปี และเช่นเคยครับ มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android ที่มาพร้อมกับ Huawei Mobile Service ที่ทุกคนเริ่มจะคุ้นชินกันแล้ว สำหรับใครที่ใช้ค่ายนี้ไม่ต้องกังวลเพราะมี AppGellerry ติดตัวมาให้มีแอพเด็ดๆ ที่ใช้งานประจำอยู่มากมาย อาจจะยังไม่ครบความต้องการทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้งานได้แล้วล่ะนะ ถามถึงข้อจำกัดก็อาจจะยังมีอยู่บ้าง แต่ทว่าหากมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปและไปที่สเปคและราคาล่ะก็ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นของ Huawei ที่น่าสนใจไม่น้อย

      ปัจจุบัน เราจะเห็นว่าสเปคของ SoC หรือ chipset ที่มากับมือถือนั้น เพิ่มขึ้นตลอดทุกปีไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ ที่ช่วงหลังเริ่มตัน เพราะยิ่งปั่นให้เร็ว ก็ยิ่งร้อน ยิ่งปั่นให้เล็กลง ดีขึ้น เหมือนกับว่า performace จะดีขึ้นก็จริง แต่ความร้อนก็ไม่ได้ลดลงเป็นสัดส่วนเหมือนความเร็วหรือประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ก็คงเป็นเทคโนโลยีที่ทางผู้ผลิต chipset ต่างๆ ก็พัฒนากันไป แต่ทว่าเรามาไกลเกินไปหรือไม่? ส่วนตัวถ้าว่ากันด้วยเรื่องของการใช้งานในปัจจุบัน เครื่องระดับกลางที่เป็น Snapdragon 7xx ซีรีส์ก็เหลือเฟือแล้ว แต่ถ้าจะเล่นเกมหรือจัดหนักก็ไปที่ซีรีส์ 8XX ก็จะไปเจอปัญหาเรื่องความร้อน ที่มักจะโฆษณาว่าร้อนน้อยแต่ใช้จริงก็รู้สึกว่าไม่ได้น้อยกว่า chipset รุ่นก่อนหน้าเท่าใดนัก และทำให้มีการผลิตออกมาทุกปี จนตอนนี้ผู้ใช้งานบางกลุ่ม ใช้เครื่องระดับไม่เกิน 5,000 บาทก็เหลือเฟือแล้ว สำหรับคนกลุ่มใหญ่แล้วเพียงพออย่างแน่นอน

ยังวนอยู่กับ iPhone 12 ล่ะครับ หลังจากใช้ไปสักอาทิตย์นึงได้ แบตอึดขึ้น ตั้งค่าปรับหลายๆ อย่างก็พออยู่ได้ ไม่ลดฮวบเหมือนช่วงแรก ก็ถือว่าโอเคนะ แต่ทว่าบรรดาผู้ใช้ก็ทยอยเจอปัญหาจากค่ายต่างๆ อย่างแรกก็คือ เครื่องเสียหายระหว่างการส่ง กรณีจองในช่วงแรกและได้รับเวลาเที่ยงคืนวันที่ 27 พย. ที่ผ่านมา นั้นคือว่าเราจะได้รับเครื่องโดยไม่ต้องออกจากบ้าน แต่เคสก็เกิดขึ้นจนได้ มีคนได้รับเครื่อง iPhone 12 ที่ส่งถึงหน้าบ้านแต่เปิดกล่องออกมาปรากฎว่าแตกสิครับ งานนี้เป็น defect ตั้งแต่ยังไม่ได้ active ตัวเครื่องเลย แล้วจะยังไง สุดท้ายก็ต้องเข้าลูปเงื่อนไขของ Apple ในกรณีที่ซื้อจากตัวแทนต่างๆ ที่ไม่ใช่ Apple Stroe คือต้องส่งไปที่ iCare ไปตรวจสอบละเอียดอีกที หรือจะส่งผ่านตัวแทนหรือโอเปอเรเตอร์ก็ได้ แต่ไม่ได้มีเครื่องใหม่เปลี่ยนให้ทันที ก็แล้วแต่นะอันนี้ นี่คือความเสี่ยงที่ อาจจะดีหน่อยถ้าไปเข้าแถวซื้อที่ shop เพราะยังไงเครื่องไม่ Active ก็ยังมีสิทธิ์เรียกร้องเปลี่ยนเครื่องได้ กรณีเรารับเครื่องมาแล้วมา unbox เองนี่ล่ะ แจ็คพ็อตก็จะประมาณนี้เลย 

      ยังวนอยู่กับ iPhone 12 ครับ เพิ่งจัดกันไป แต่ล่าสุด กระแสของ Huawei Mate 40 ก็มาแล้วนะ อาทิตย์หน้าได้รู้กันว่า จะสู้ราคา หรือสู้โปรโมชั่นแค่ไหน เพราะยังไงซะก็ยังใช้ Google Service ไม่ได้ยาวไป และ Huawei เองก็รู้ดี และเดินเกมของตัวเองเต็มที่เช่นกัน กลับมาที่ iPhone 12 แน่นอนว่าก็โดนกับเขาบ้าง เหมือนคนทั่วไปนี่ล่ะ ซึ่งเหตุผลเดิมๆ ที่ให้กับตัวเองไว้ก็คือ 5G ซึ่งมันก็แจ่มจริง รับ 5G ได้ แต่ประเด็นคือ แบตไหลเป็นน้ำเลยจ้า เนื่องจากเครือข่าย 5G เป็นคลื่นความถี่สูงดังนั้นการส่งสัญญาณความถี่ออกมาจึงไม่ได้กว้างเท่ากับคลื่นที่ผ่านมาเหมือนดังเช่น 4G ซึ่งนอกจากเรื่องคลื่น

      วันแรกของการรับเครื่องทั่วไป เมื่อช่วงกลางคืน ก็มีการรับเครื่องแต่ละค่ายก็ว่ากันไป แต่ค่ายนึงที่เพิ่งเห็นก็คือทรู ที่ให้ขับรถไปรับเครื่องได้ นี่ก็อเมซซิ่งเหมือนกันนะ ไม่ค่อยเจออะไรที่แบบ อืม ปกติเราต้องไปเข้าคิวแบบยืนบ้าง นั่งบ้าง แต่อันนี้นั่งรอในรถแล้ว drive thru เข้าไปลงทะเบียนจ่ายตังค์รับเครื่อง พอดีไม่ได้ไปรับเครื่องที่นี่เลยไม่รู้ว่า เวลาตรวจสอบเครื่องก็ต้องลงจากรถ หรือว่ามาบริการถึงที่ แต่ก็น่าจะจบจนถึงบนรถเลย