แกะกล่องเปรียบเทียบหน้าตา iPad 9.7 (2018) และ iPad Pro 9.7

a

วันนี้มาแกะกล่องเปรียบเทียบ “หน้าตา” ตัวเครื่องของ iPad 9.7 (2018) ที่พึ่งเปิดตัวไปกับ iPad Pro 9.7 กันครับ มันจะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ตรงจุดไหนบ้าง หรือจะเลือกตัวไหนดี

iPad ตัวใหม่ล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวไป คือ iPad 9.7 (2018) หรือ Gen6 เพื่อการศึกษารองรับ Apple Pencil ได้ด้วย โดยราคาเปิดตัวชนิดที่เรียกว่าถูกมากๆ รุ่น WiFi Only ต้นแค่ 11,500 บาทเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นนักเรียน นักษศึกษามีบัตรไปซื้อใน U Store ได้ลดลงไปอีก ด้วยความที่มันเป็น 9.7 เหมือนกับรุ่นพี่ที่เคยออกมาคือ iPad Pro 9.7 เลยต้องจับมาเปรียบเทียบกันซะหน่อย เริ่มด้วย Spec คร่าวๆกันก่อน

Screen Shot 2561-04-27 at 00.26.09 Screen Shot 2561-04-27 at 00.27.23

 

ดีไซน์:

ดีไซน์ของ iPad 9.7 (2018) รุ่นใหม่ บอดี้ทั้งหมดยังคงเป็นอลูมิเนียม มี Touch ID ปุ่มโฮม ขนาดจอแสดงผล 9.7 นิ้ว แบบ Retina Display ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซลที่ 264 ppi พร้อมเคลือบสารกันรอยนิ้วมือเหมือนเดิมเป๊ะ แต่จอ iPad Pro 9.7 จะเหนือกว่า iPad 9.7 (2018) ตรงที่ใช้เทคโนโลยีการแสดงผลแบบ True Tone ปรับสีตามสภาวะแสง ณ ขณะนั้น ให้ความอิ่มสีมากกว่า คมชัดกว่า และให้ขอบเขตสีกว้างมี ProMotion ที่ให้อัตราการรีเฟรชที่ 120Hz และ iPad 9.7 (2018) ตัวเครื่องจะมีความหนากว่าเล็กน้อย บริเวณกล้องหลังจะไม่นูนออกมา ลำโพงจะมีแค่ด้านล่าง 2 ตัวเท่านั้น ไม่มี Smart Connector ส่วนสีจะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือสีทองของตัวใหม่นี้จะเป็นทองอ่อนๆอมชมพูนิดๆคล้าย iPhone 8

ซอฟต์แวร์:

iPad 9.7 (2018) และ iPad Pro 9.7 ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 11 เวอร์ชั่นเดียวกัน รองรับ Multi-Touch รองรับ Multi-Window และท่สำคัญ iPad (2018) รองรับการใช้งาน Apple Pencil ได้แล้วครับ สามารถใช้วาดรูป ใช้กับ Keynote , Page ได้หมดแล้ว รวมถึงแรงพอที่จะตัดต่อ VDO ระดับ 4K ได้ iPad 9.7 (2018) ไม่มีพอร์ต Smart Connector ทำให้ไม่สามารถต่อกับ Smart Keyboard ได้เหมือน iPad Pro 9.7 ครับ แต่ปัญหานี้ก็แก้ได้ด้วยการใช้ Keyboard Bluetooth ได้ทั่วๆไปครับ

 

โปรเซสเซอร์ :

iPad 9.7 (2018) ใช้ชิปประมวลผล A10 Fusion ซึ่งจะแรงกว่า iPad Pro 9.7 ที่ใช้ชิป A9X  อยู่เล็กน้อยซึ่งการใช้งานจริงแทบไม่เห็นผลการแตกต่างเท่าไหร่ ส่วนความจำจะมีให้เลือกแค่ 32 และ 512GB เช่นเดิมด้านการเชื่อมต่อ รองรับทั้ง 4G LTE และ Wi-Fi เหมือนกัน แต่ iPad Pro 9.7 จะรองรับ LTE Advanced ซึ่งในทางเทคนิคมันจะมีความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่สูงกว่า iPad 9.7 (2018) แต่ก็เหมือนเดิมในการใช้งานจริงแทบไม่เห็นความแตกต่างนั่นแหละ

กล้องและเสียง:

iPad Pro 9.7 จะเหนือกว่าเห็นๆ เช่น กล้องจะละเอียดกว่า อยู่ที่ 12 ล้านพิก พร้อมไฟแฟรชแบบ True-Light สามารถถ่ายวีดีโอในระดับ 4K ได้เลย ในขณะที่ iPad 9.7 (2018) จะใช้กล้อง spec เดียวกับรุ่นก่อนๆ คือ 8 ล้าน รวมไปถึงระบบเสียงยังเป็นแค่ลำโพงล่าง 2 ตัวเหมือน iPad Air ส่วนระบบเสียงของ iPad Pro 9.7 จะมี 4 ตัวให้มิติเสียงสมจริง surround พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการวางเครื่องเพื่อปรับเสียงลำโพงให้ออกมาอย่างเหมาะสม

ราคา:

iPad 9.7 (2018) เปิดราคามาได้อย่าง อึ่ง ทึ่ง เสียว จนของขาดกันไปตามๆกัน เพราะ spec จะดีกว่า iPad 2017 แต่ราคากลับถูกลง โดยเริ่มต้นที่ 11,500 บาท ( WiFi Only 32GB ) และยิ่งถ้ามีบัตรนักเรียน นักษึกษา สามารถเข้า U-Store ซื้อยังลดราคาเหลือ 10,800 บาทด้วย อะไรจะถูกขนาดนั้น และ Apple Pencil เองก็ปรับราคาลงมาจาก 3900 เหลือ 3400 หรือถ้าแพงไปจะซื้อ Stylus ของตัวอื่นมาใช้ก็ได้เช่นกัน

 

แกะกล่อง:

DSC03977

ขนาดการวาง Graphic บนกล่องยังเหมือนกันเลย

(ให้ทายอันไหน iPad 9.7 (2018) อันไหน iPad Pro 9.7 )

DSC03978

ด้านหลังกล่อง แยกกันไม่ออก

DSC03983

ดูขนาดกล่องก็ได้ iPad 9.7. (2018) จะกล่องหนากว่า ขนาดเท่าๆกล่อง iPad Air ส่วน iPad Pro จะบาง พร้อมเขียน iPad Pro ไว้ด้านข้าง

DSC03979DSC03980

ต้องอ่านข้างหลังกล่องให้ดีๆจะเขียนไว้ชัดเจน iPad (6th Generation)

DSC03981

การวางเลย์เอาท์ของอุปกรณ์ภายในจะเป็นแบบใหม่ สังเกตุการขดของสายไฟ หลังๆมา Product Apple จะใช้การขดสายไฟแบบกลมๆแทนแบบยาวๆ

DSC03982

อุปกรณ์ที่ให้มาก็เหมือนดิมคือ Adapter , Lighting Cable และคู่มือ

DSC03984

พลาสติกที่ห่อเครื่อง ตัว iPad 9.7 (2018) จะเป็นพลาสติกใส ส่วน iPad Pro 9.7 จะเป็นพลาสติกด้านๆ

( ซ้าย Space Grey iPad 9.7 (2018) ขวา Rose Gold iPad Pro 9.7 )

DSC03986

แกะพลาสติกแล้วมองเผินๆดูแทบไม่ออกเนอะ

DSC03985

ด้านหน้านี่ยิ่งแยกไม่ออกแน่นอน เหมือนกันเป๊ะ

DSC03987

ขนาด iPad 9.7 (2018) จะหนากว่าอยู่หน่อยนึง ทำให้ไม่สามารถใส่เคสร่วมกับ iPad Pro 9.7 ได้แน่นอนครับ (ลองหมดแล้ว) ต้องใส่ของ iPad Air2 บางรุ่นหรือเคสเฉพาะรุ่น

DSC03996

ขอบที่เรียกว่า Diamond Cut ถ้าเป็นตัว iPad Pro 9.7 จะเงาสะท้อนแสง ถ้าเป็น iPad 9.7 (2018) ตัวใหม่จะไม่มีการปัดเงา สีจะเป็นสีเดียวกันทั้งตัว

DSC03998

Port Smart Connector ที่มีมาเฉพาะรุ่น iPad Pro 9.7 เท่านั้น สำหรับต่อ Smart Keyboard

DSC03989

การวางตำแหน่งปุ่มปรับเสียงอยู่ที่เดียวกัน ต่างกันตรง iPad Pro 9.7 จะมีช่องไมค์ตัวที่ 2 ด้านข้างด้วย

DSC03993

ส่วน iPad 9.7 (2018) ก็จะมีไมค์ 2 ตัวเช่นกัน แต่เอาไปวางไว้ด้านบน เหมือน iPad Air , iPad mini

DSC03988

ตำแหน่ง Lighting Port เกือบเหมือนกัน แต่ลำโพงอยู่คนละตำแหน่งเลย

DSC03990

ด้านบนจะมี Jack 3.5mm คล้ายๆกัน แต่เนื่องจาก iPad Pro 9.7 มันบางมาก Port เลยดูเฉียงๆ

และ iPad 9.7 (2018) จะไม่มีลำโพงด้านบนนะครับ

DSC03992

กล้องและ True แฟรชจะมีเฉพาะใน iPad Pro 9.7 ความละเอียดกล้องก็จะต่างกัน โดยใน iPad Pro 9.7 จะมีความละเอียดที่ 12 ล้านพิก ถ่าย VDO ที่ 4K ได้เลย ในขณะที่ iPad 9.7 (2018) จะมีความละเอียดแค่ 8 ล้านพิกเท่านั้นไม่มีไฟแฟรชมาให้

DSC03994

กล้งของ iPad Pro 9.7 จะนูนออกมาพร้อมวงแหวนอลูมิเนียม เพราะตัวเลนส์มีความซับซ้อนกว่า แต่ใช้งานจริงแล้วผมใช้ iPhone X ถ่ายซะมากกว่า จะแบก iPad ไปถ่ายก็ใช่เรื่องนะ

DSC03995

ฟร้อนต์ตัวอักษรด้านหลังจะตางกัน iPad Pro 9.7 จะบางๆ ยาวๆ ส่วน iPad 9.7 (2018) จะป้อมๆหนาๆ

DSC03997

ใช้ Apple Pencil ได้เหมือนกัน สะดวกสบายในการจดเล็คเชอร์ หรือจดงาน วาดรูป ทำได้สารพัด แต่ถ้า Apple Pencil แพงไปก็ลองหาตัวอื่นมาทดแทนได้เช่นกัน ส่วน Keyboard ถ้าใครเน้นพิมพ์เยอะๆก็หาเคสคีย์บอร์ดที่เชื่อมต่อแบบ Bluetooth มาใช้แทนก็ได้ครับ

ก็เป็นอีกทางเลือกที่ผมมองว่าคุ้มกับราคาดีนะครับ ไม่แพงมาก ทำงานได้เยอะ



ถูกใจบทความนี้  192