รีวิว Vivo V11 ดีไซน์งามหยดย้อย ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ สแกนนิ้วบนจอแสดงผล และกล้องที่ถ่ายได้สวยในทุกสถานการณ์ !!

 

ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน Vivo V11

 

เป็นครั้งแรกของซีรีส์ V ที่ได้มีการนำนวัตกรรมอันล้ำสมัย In-Display Fingerprint Scanning หรือการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล นับเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจากเรือธง Vivo X21 ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าทำให้ผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีอันทันสมัยในราคาที่จับต้องได้ในง่ายขึ้นอีกด้วย

 

สำหรับการทำงานของ In-Display Fingerprint Scanning จะไม่แตกต่างไปจากเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปรกติทั่ว ๆ ไป โดยตัวเซ็นเซอร์จะแสดงผลเป็นรูปไอคอนรอยนิ้วมืออยู่ที่ด้านล่างของจอแสดงผล (จะดับไปเองเมื่อเข้าสู่โหมดสแตนบาย) การปลดล็อคเพียงแค่แตะลงไปเบา ๆ ไม่ต้องออกแรงกดลงน้ำหนักมากกว่าปรกติแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อคหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ ซึ่งช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ในแง่ของความเร็วถือว่ามีความใกล้เคียงกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปรกติ ส่วนเรื่องของความแม่นยำนั้นต้องบอกเลยว่าทำได้ดีมาก ๆ เช่นกันครับ

 

 

การเซ็ตอัพหรือการเพิ่มลายนิ้วมือเข้าไปในระบบ จะใช้วิธีเดียวกับการเพิ่มลายนิ้วมือบนเซ็นเซอร์ที่มีให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไปครับ ผู้ใช้งานไม่ต้องปรับตัวหรือต้องทำอะไรเป็นพิเศษ อธิบายแบบง่าย ๆ  เคยใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปรกติมาอย่างไร เมื่อมาใช้งาน Vivo V11 ก็ใช้งานเหมือนเดิมนั่นเองครับ

 

ในด้านระบบรักษาความปลอดภัย นอกจากเทคโนโลยี In-Display Fingerprint Scanning ที่เป็นจุดขายหลักแล้ว Vivo V11 ยังมาพร้อม face unlock ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า โดยมาพร้อมอินฟาเรดทำให้ความแม่นยำของ Face Access นั้นเพิ่มมากขึ้น  สามารถแสดงจุดต่าง ๆ บนใบหน้าได้ถึง 1,024 จุด ซึ่งส่งผลให้ให้การปลดล็อคโทรศัพท์ได้ง่ายและรวดเร็วแม่นยำ แม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา

 

Vivo V11 มาพร้อมจอแสดงผล Halo FullViewTM Display ชนิด  Super AMOLED ที่ให้สีสันสว่างสดใส มีความคมชัด สามารถแสดงขอบเขตสีได้สมจริงแม่นยำ อีกทั้งยังมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มตาถึง 6.41 นิ้ว แต่ตัวบอดี้นั้นไม่ได้ใหญ่ตามไปด้วย เพราะ Vivo V11 ออกแบบดีไซน์รอยบากในรูปทรงหยดน้ำ อีกทั้งยังมีขอบจอที่บางเฉียบเพียง 1.76 มม.  จึงส่งผลให้มีพื้นที่แสดงผลต่อตัวบอดี้สูงถึง 90.8% เลยทีเดียว  เมื่อผสานรวมกับอัตราส่วน 19.5:9  และความละเอียด Full HD+ 2340*1080 พิกเซล ทำให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง YouTube, Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น

 

ฟีเจอร์ยอดนิยมของสมาร์ทโฟนในยุคนี้ ต้องมีการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งบน Vivo V11 นั้นเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านบนขอบจอลงมาด้านล่าง ก็จะสามารถใช้งาน 2 แอปในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที อีกทั้งเรายังสามารถเรียกใช้งานมัลติทาส์กกิ้งหรือโหมดแบ่งหน้าจอ ด้วยการเข้าไปที่แผงการตั้งค่าด่วน (ปัดขอบจอจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน) โดยเลือกไปที่ไอคอน “มัลติทาส์กกิ้ง” นอกจากนี้ยังสามารถแยกหน้าจอข้อความโดยตั้งค่าให้เป็นแบบไอคอนลอยตัว ซึ่งจะสามารถเข้าถึงโหมด .มัลติทาส์กกิ้ง” ได้อย่างสะดวกรวดเร็วอีกด้วย

 

ระบบชาร์จไว Dual-Engine Fast Charging จากการทดสอบจริง เมื่อลองชาร์จเมื่อระดับแบตเตอรี่เหลือที่ 10% ไปจนถึงระดับ 53% ใช้เวลาในการชาร์จเพียง 35 นาที ถือว่าชาร์จได้ไวน่าประทับใจครับ  ทั้งนี้ควรใช้ สาย Micro USB และอแดปเตอร์ชาร์จที่ให้มาในกล่องนะเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุดครับ

 

โหมดเกม นอกจากการปรับแต่งทางด้านสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นแล้ว ยังมาพร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกในด้านการแจ้งเตือนอีกด้วย อาทิการปฏิเสธสาย/การรับสายในแบบเบื้องหลัง / การบล็อคการแจ้งเตือน / สามารถแสดงคีย์บอร์ดในขนาดย่อส่วน เพื่อให้การเล่นเกมบน Vivo V11 มีความราบลื่นต่อเนื่อง โดยไม่มีอาการสะดุดติดขัดมารบกวนใจในขณะเล่นเกม ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถตอบโจทย์คอเกมหรือผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมอย่างจริงจังได้เป็นอย่างดีเลยครับ

 

Software & Feature

เปิดตัวมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 4.5 (บนพื้นฐาน Android 8.1) ในด้านยูสเซอร์ อินเทอเฟซ ภาพรวมยังให้ฟิลลิ่งไม่ต่างไปจากสมาร์ทโฟนร่วมค่าย ที่เน้นความเรียบง่าย ใช้งานสะดวก แต่ก็สามารถปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่นจากธีมที่มีให้เลือกใช้งานมากมาย ซึ้งพร้อมตอบกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์การใช้งานในสไตล์ที่ชื่นชอบได้อย่างลงตัว

 

Vivo V11 มาพร้อม Jovi AI Engine ผู้ช่วยอันชาญฉลาด โดย Jovi Smart Scene จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวันยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถในการอัพเดตสภาพอากาศพร้อมการแจ้งเตือนการเดินทาง, การออกกำลังกายที่มีการเก็บสถิติครบถ้วน การแจ้งเตือนสิ่งที่ต้องทำ และการแจ้งเตือนในกีฬาที่เราชื่นชอบ เช่นแมตช์การแข่งขันในสัปดาห์นี้เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ผู้ช่วยที่เราน่าจะคุ้นเคยกันมาบ้างแล้ว นั่นก็คือ Google Lens  ที่ช่วยเชื่อมโยงความสามารถในด้านการค้นหาร่วมกับกล้องถ่ายรูปได้อย่างลงตัว เช่นเรายกกล้องไปที่วัตถุ อย่างเช่นผลไม้หรือตึกอาคารต่าง ๆ ตัว Google Lens  สามารถที่จะระบุสถานที่ หรือรายละเอียดของวัตถุนั้น ๆ ออกมาทำให้เราได้รับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นต้น

สำหรับอีกหนึ่งผู้ช่วยก็คือ Google Assistant ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายให้กับชีวิตของเราผ่านคำสั่งเสียง ซึ่งรองรับการทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการเล่นเพลงหรือวีดีโอ การโทร/การส่งข้อความ การนำทาง ช้อปปิ้งหรือกระทั้งการจองตั๋วเครื่องบินก็ยังทำได้เช่นกัน ถือว่า Vivo V11 มาพร้อมผู้ช่วยที่ทำให้ชีวิตเราความสะดวกสบายได้อย่างแท้จริงเลยครับ

 

ฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรของ Vivo V11  มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G  มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย

ฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด

 

สำหรับปุ่มนำทาง เราสามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%

สำหรับ Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเองครับ

 

โหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ทโฟนของค่ายวีโว่ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่นปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ, การแจ้งเตือน, การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ

 

โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของทางค่ายวีโว่ โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล  รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาว ๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กัน ถึง 2 แอคเคานท์ในเครื่องเดียว

 

โหมดมอเตอร์ไซค์และโหมดสำหรับเด็ก เป็นโหมดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจาก Vivo ไปยังลูกค้าหรือผู้ใช้งานอย่างแท้จริง  ยกตัวอย่างโหมดเด็กเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมทุกวันนี้ ที่เด็กเล็กบางกลุ่มสุ่มเสียงที่จะมีสมาธิสั้น อารมณ์ร้อนและมีพฤติกรรมก้าวร้าวจากการติดเกม ติดโทรศัพท์, Tablet ของผู้ปกครองนั่นเอง ส่วนโหมดมอเตอร์ไซค์ตรงนี้แม้จะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลักที่จะเลือกปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของความปลอดภัยหรือไม่ ทั้งการสวมใส่หมวกกันน็อค การปฏิบัติตามกฎจราจร ฯลฯ  แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์ในเชิงบวกที่น่าชื่นชมมาก ๆ ครับ

 

ปิดท้ายกันไปด้วยการจัดสรรพลังงานบน Vivo V11 ครับ

ในภาพรวมต้องบอกว่า Vivo V11 นั้นมีแบตที่อึดอย่างน่าประทับใจ หากเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไปไม่ได้เน้นเล่นเกม สามารถใช้งามได้ครบ 1 วันแบบสบาย ๆ ตรงนี้นอกจากแบตเตอรี่ที่ให้ความจุมาสูงถึง 3400mAh แล้ว ต้องบอกว่า Vivo V11 ปรับแต่ง Firmware มาได้ดีมาก ทำให้การจัดสรรพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดูหน้าถัดไป… คลิ๊กที่นี่ >>> Pages 3

 



ถูกใจบทความนี้  124