แกะกล่อง & รีวิว Huawei Mate 8 แฟบเล็ต 6 นิ้ว จัดเต็มทั้งฟีเจอร์และราคา !!!

1

   Huawei Mate 8 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อลังการในบ้านเราเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา  สิ่งที่สร้างความฮือฮาไม่ใช่แค่ดีไซน์ ฟีเจอร์หรือสเปคทางด้าน Hardware เพียงอย่างเดียว แต่ราคาเปิดตัวก็ทำเอาบรรดาแฟนคลับและผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไป ตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน แต่จากการที่ค่าย Huawei กล้าเปิดตัวด้วยราคาไม่กลัวแบรนด์เจ้าตลาด แสดงว่า Mate 8 นั้น คงต้องมีอะไรดี ๆ อย่างแน่นอนครับ มาดูกันว่า Mate 8 นั้นจะเจ๋งสมราคาโปรโมตหรือไม่ครับ

ขอขอบคุณ Huawei Thailand สำหรับเครื่องทดสอบและใช้ในการเขียนบทความนี้ครับ

สเปคเบื้องต้นของ Huawei Mate 8

  • หน่วยประมวลผล  Kirin 950 Octa core (Quad-core 2.3 GHz Cortex-A72 + quad-core 1.8 GHz Cortex A53 )
  • หน่วยความจำภายใน 64GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card สูงสุด 128GB
  • แรม : 4GB
  • จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P,
  • การเชื่อมต่อ 2G : 850/900/1800/1900 MHz
  • การเชื่อมต่อ 3G : 850/900/1900/2100 MHz
  • การเชื่อมต่อ 4G TDD LTE Band38/39/40
  • การเชื่อมต่อ 4G TDD LTE Band/1/2/3/4/5/6/7/8/12/17/18/19/20/26
  • รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด
  • การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac , Bluetooth V. 4.2,  NFC
  • กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 ไฟแฟลชคู่ทูโทน กันสั่น OIS ระบบโฟกัสแบบ PDAF+CAF
  • กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4
  • Android 6.0 Marshmallow
  • ขนาดตัวเครื่อง 157.1 x 80.6 x 7.9 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 185 กรัม
  • แบตเตอรี่ Li-Po ความจุ 4000 mAhสีที่มีวางจำหน่าย Champagne Gold,  Mocha Brow

    ราคาวางจำหน่าย 23,990 บาท

  • Packaging & Accessoriesตัวกล่องแพกเกจมาในโทนสีดำแบบเรียบ ๆ ดูเคร่งขรึมคลาสสิค ด้านหน้าพิมพ์บอกชื่อแบรนด์และรุ่นด้วยสีทองสะดุดตา

    ส่วนด้านหลังดูโล่ง ๆ เช่นกัน สำหรับโมเดลและรายละเอียดเบื้องต้นจะแปะบอกไว้ที่ข้างกล่องครับ

    เมื่อแง้มกล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่อง Huawei Mate 8 นอนรออยู่ในถาดรอง

    และภายในกล่องจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ให้มาในกล่องย่อยอีกสามกล่อง โดยมีการสกรีนสัญลักษณ์บอกว่าในแต่ละกล่องนั้นบรรจุไว้ด้วยอุปกรณ์อะไรบ้าง

    มาดูกันว่ามีอะไรให้มาบ้างครับ

    1. อแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบขาแบน รองรับการจ่ายไฟแบบ Quick Charge มี Output ที่ 5V-2A และ 9V-2A

    2. สาย Micro USB ที่สกรีนโลโก้ Huawei ไว้ที่ด้านบน

    3. ชุดหูฟังสมอลทอร์ค ที่มาในสไตล์ ” เอียร์พอด ”

    ในกล่องสุดท้าย ด้านบนจะมีเข็มจิ้มถาดซิมเหน็บไว้ที่ด้านบน  ภายในกล่องมี Smart case แถมมาให้ด้วยครับ ตรงนี้เป็นข้อดีที่อยากให้ทุก ๆ แบรนด์ ควรจะแถมมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานไปเลย

    แต่ดูจากวัสดุแล้วน่าจะเป็นหนังเทียมนะครับ

    สุดท้ายท้ายสุดของกล่องนี้ ก็คือซองใส่คู่มือที่ออกแบบในสไตล์ย้อนยุค มีการทำตัวปิดแบบตราประทับครั่ง เข้าใจออกแบบนะครับเพราะดูคลาสสิคดีมากเลยสำหรับซองอันนี้

    และของที่อยู่ข้างในซอง ก็คือคู่มือการใช้งานอย่างย่อและใบรับประกันสินค้า สำหรับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ให้มาในกล่องของ Huawei Mate 8 ก็จะมีเพียงเท่านี้

    Design & Hardweare

ดีไซน์ของ Mate 8 ยังคงมีกลิ่นอายจากตัว Mater 7 ติดมาบ้างเล็กน้อย แต่ในภาพรวมแล้วดูดีขึ้นกว่าเดิมพอสมควร งานดีไซน์ของตัวเครื่องเป็น Metal unibody โดยใช้วัสดุอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน ด้านหลังของตัวเครื่องมีความโค้งมนเล็กน้อย และการ cutting edge ทั้งขอบด้านบน-ล่าง ก็ส่งผลให้ Mate มีความพรีเมี่ยมสมราคาค่าตัวเลยครับ และอีกหนึ่งจุดเด่นของงานออกแบบก็คือขอบจอที่บางเฉียบเพียง 1.7 มม. ทำให้ตัวเครื่องดูมีขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป แม้จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6 นิ้วก็ตาม

สำหรับ build quality อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมเช่นกัน พยายามจับผิดและหาข้อบกพร่องแบบละเอียด ๆ ก็ยังไม่พบเจอแต่อย่างใดครับ

สุดท้ายว่ากันด้วย Handle การจับถือพกพา ด้วยความใหญ่ของหน้าจอขนาด 6 นิ้ว ยังไงซะการพกพาย่อมมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ถ้าพูดถึงในแง่การจับถือนั้น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะส่วนหนึ่งมี Software ที่ช่วยในเรื่องการใช้งานมือเดียวอยู่แล้วครับ สิ่งที่จะติอย่างเดียวก็คือตัววัสดุนั้นเก็บรอยนิ้วมือได้ง่ายไปสักนิด ในการใช้งานจริงควรใส่เคสไว้จะเป็นการดีที่สุดครับ

Huawei Mate 8 มีจอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P และมาพร้อมกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4

คุณภาพจอของ Huawei Mate 8 นั้นดีมาก เพราะเป็นจอที่ทางค่าย Huawei โปรโมตว่ามีความสว่างคมชัดและให้สีสันที่ถูกต้องถึง 95% และในส่วนของ responding ของหน้าจอก็ตอบสนองได้อย่างลื่นไหล ยังไม่พบเจอปัญหาแต่อย่างใดครับ

สำรวจ Hardware และการจัดวางเลย์เอาท์ของ Mate 8 กันต่อเลยครับ โดยเริ่มจากด้านหน้า

ไฟแจ้งเตือน LED Notification จะอยู่ฝั่งทางซ้ายมือ ตัวช่องลำโพงสนทนาจะเป้นตะแกรงอะลูมิเนียมปิดทับไว้ และถัดจากช่องลำโพงก็คือกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.4 สุดท้ายคือชุดเซ็นเซอร์ต่าง ๆ

สำหรับ 3 ปุ่มควบคุมของตัวระบบแอนดรอยด์ จะเป็นแบบ On screen button ที่รวมอยู่ในหน้าจอครับ ขอบด้านล่างสุดจึงมีเพียงแค่โลโก้ HUAWEI เท่านั้น อ้อ… และถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าขอบตัวเครื่องทั้งด้านบนและล่างจะมีลวดลาย Texture ในรูปแบบวงกลมซ้อน ๆ ทำให้ดูสวยงามลงตัวดีมาก ๆ เลยครับ

ดูกันต่อครับ ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และไมค์ตัดเสียงรบกวน รวมถึงเป็นไมค์ที่ใช้ในการบันทึกเสียงอีกด้วย

สำหรับด้านล่างจะประกอบไปด้วย ไมค์สนทนาและพอร์ต Micro USB ส่วนช่องลำโพงสองฟากซ้ายขวา จริง ๆ แล้วเป็นลำโพงโมโน ไม่ใช่ระบบเสียงสเตอริโอแต่อย่างใดนะครับ โดยทางฝั่งซ้ายจะเป็นไมค์สนทนา ส่วนลำโพงหลักของตัวเครื่องจะอยู่ทางฝังขวามือครับผม

ด้านขวามือของตัวเครื่อง เริ่มจากด้านบนจะเป็นที่อยู่ของปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง ถัดลงมาจะเป็นปุ่ม Power โดยวัสดุและสีสันจะเป็นเช่นเดียวกันกับตัวบอดี้ครับ

ด้านซ้ายมือของตัวเครื่อง ช่องถาดซิมการ์ดและ Micro SD Card จะอยู่ที่มุมด้านบนของตัวเครื่องครับ

รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยรองรับซิมชนิด nano sim ทั้งซิม 1-2 สำหรับตัวถาดซิมจะเป็นแบบไฮบริดที่ให้เลือกใช้งานระหว่าง 2 ซิม หรือ 1 ซิม + Micro SD Card

ดูกันต่อที่ด้านหลังครับ ตามที่เกริ่นไว้ด้านหลังตัวบอดี้จะมีความโค้งมนเล็กน้อย ส่วนที่เป็นไฮไลท์จริง ๆ ก็คือ cutting edge ทั้งขอบด้านบน-ล่าง ที่ทำให้ตัวเครื่องดูสวยงามและมีความพรีเมี่ยมสมราคาค่าตัว และอีกส่วนหนึ่งที่ผมลืมบอกไปในตอนต้นก็คือ  ระบบระบายความร้อนของ Mate 8 ได้รับการออกแบบให้มีกลไกจัดการกับความร้อนถึง 6 ระดับ ทำให้สามารถกระจายความร้อนระหว่างการใช้งานได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป

อีกหนึ่งจุดขายของ Mate 8 ก็คือ Camera ครับ

  • สำหรับ Mate 8 จะมาพร้อมกล้องหลักด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX298 มีค่ารูรับแสง f /2.0 และเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.8 นิ้ว ใหญ่ขึ้นจาก Mate 7 จึงทำให้ได้ Dynamic Range ของภาพดีขึ้นไปอีกถึง 20% นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกันสั่น OIS แบบ 3 แกน ในส่วนของระบบโฟกัสจะเป็นแบบไฮบริด (Hybrid Auto Focus) ที่ผสานระหว่าง Phase detection Auto Focus และ Contrast Auto Focus เข้าด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลให้กล้องสามารถโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

    สำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่เปลี่ยนงานดีไซน์มาเป็นแบบวงกลม ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือรุ่นใหม่และระบบปกป้องข้อมูลสำคัญที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยเซ็นเซอร์รุ่นใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการระบุลักษณะบนพื้นที่สแกนมากกว่าเดิม 10% นอกจากนี้ การแมตช์แรงเสียดทานจากลายนิ้วมือยังทำงานบนระบบรักษาความปลอดภัยถึง 3 ชั้น ผู้ใช้จึงมั่นใจในการรักษาข้อมูลได้มากกว่า อีกทั้งเซ็นเซอร์ยังสามารถปลดล็อคสำหรับผู้ใช้งานได้เร็วขึ้นถึง 100%

    ด้านล่างของส่วนหลัง รวมไปถึงขอบที่ด้านบนจะมีการตัดขอบด้วยสีแบบทูโทน ก็ดูสวยโดดเด่นสะดุดตาดีเช่นกัน ในส่วนของการแกะกล่องสำรวจตัวเครื่องและอุปกรณ์ภายในกล่องของ Huawei Mate 8 ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ


    Software & Featere

    Screenshot_2016-02-16-16-18-25Screenshot_2016-02-16-16-18-40 Screenshot_2016-02-16-16-18-48

    Screenshot_2016-02-16-16-21-08Screenshot_2016-02-16-16-21-21 Screenshot_2016-02-16-16-22-52

    Huawei Mate 8 เปิดตัวมาพร้อมกับ Android 6.0 Marshmallow และครอบทับด้วย EMUI 4.0 ซึ่งได้ความสดใหม่ทั้งตัว Core หลัก และ User Interface ที่พัฒนาโดยค่ายหัวเหว่ย ส่วนการใช้งานนั้นก็ตามสไตล์รอมจีนทั่ว ๆ ไปเลยครับ คือไม่มีหน้า App drawer เหมือนกับ iOS นั่นเอง

    Screenshot_2016-02-16-17-01-26Screenshot_2016-02-16-17-01-41 Screenshot_2016-02-16-17-01-48

    ฝั่งแอพพลิเคชั่น นอกจากชุด Google Service ที่ต้องมีการติดตั้งมาให้เป็นค่ามาตรฐานอยู่แล้ว ในฝั่งแอพบันเดิลและแอพที่ทางค่ายหัวเหว่ยพัฒนาออกมา ก็ถือว่ามีไม่มากเท่าไหร่ครับ ส่วนใหญ่จะเป็น Tools ที่มีประโยชน์ และแอพที่โดดเด่นที่สุดก็คือ  Phone Manager ที่ช่วยบริหารและจัดการมือถือของเราให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่นการเคลียร์แรม, ลบไฟล์ขยะ, เปิด-ปิดโหมดประหยัดพลังงานเป็นต้น

    Screenshot_2016-02-16-16-38-26Screenshot_2016-02-16-16-38-41 Screenshot_2016-02-16-17-04-13

    Motions control ฟีเจอร์มหาชนที่เห็นได้บ่อยในหลาย ๆ แบรนด์ คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก สิ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลต์จริง ๆ ก็คือ knuckles โหมดเคาะข้อนิ้วอันลือลั่นที่เคยสร้างความฮือฮามาแล้วบน P8 และโหมดนี้ถูกพัฒนาความสามารถเพิ่มขึ้นเมื่อนำมาใช้งานบน Mate 8 อีกด้วยนะครับ เช่นการจับภาพหน้าจอในรูปแบบวีดีโอ หรือการจับภาพหน้าจอในแบบ Long screen เป็นต้น

    สำหรับฟีเจอร์อื่น ๆ จะไม่แตกต่างไปจาก Device ภายในค่ายที่รัน EMUI เหมือน ๆ กัน เช่นระบบสแกนลายนิ้วมือ การจัดการด้านซิมการ์ดเป็นต้น สามารถอ่านจากบทความเก่าได้ที่นี่ครับ http://goo.gl/UfEIo6

    Multimedia

    Screenshot_2016-02-16-17-01-58Screenshot_2016-02-16-17-02-05Screenshot_2016-02-16-17-02-39

    มี FM มาให้ใช้งาน โดยรองรับทศนิมแบบ 1 จุด ภาครับสัญญาณอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ เพียงแต่ฟีเจอร์ของตัว Software นั้นธรรมดาไปหน่อย

    Screenshot_2016-02-16-16-56-45Screenshot_2016-02-16-16-57-30Screenshot_2016-02-16-16-57-48

    Music Player หน้าตาค่อนข้างเรียบง่าย ไม่มีฟีเจอร์ที่โดดเด่น และปรับ EQ ไม่ได้นะ แต่ปรกติถ้าฟังผ่านชุดหูฟังก็จะสามารถใช้งานโหมดเสียง DTS ซึ่งพอช่วยในเรื่องคุณภาพได้ขึ้นมาอีกนิดหน่อย

    Screenshot_2016-02-16-16-59-37

    VDO Player ก็เช่นกัน คือไม่มีได้ฟีเจอร์โดดเด่นอะไรครับ  จะมีเพียงการรองรับโหมดเสียง DTS และสามารถการล็อคหน้าจอขณะเล่นวีดีโอ การใช้งานทั่ว ๆ ไปจะเน้นไปที่ Playback เป็นหลัก


    Performance

    B_5B_6B_7B_8

    B_2B_4B_3B_1

    สำหรับผลคะแนนอยู่ในเกณฑ์ที่แรงเอาเรื่อง และชิปเซ็ต Kirin 950 ตัวนี้ค่อนข้างสดใหม่ แต่ก็ไม่มีปัญหาในการใช้งานอย่างใดครับ ภาค Software หรือ ROM ที่มาพร้อมกับ Mate 8 ถูกปรับแต่งมาได้ค่อนข้างดี ในการใช้งานทั่ว ๆ ไป หรือใช้งานอย่างหนักหน่วงก็ยังไม่พบเจอ Bug ร้ายแรงแต่อย่างใด

     

    Camera & Sample

    Mate 8 จะมาพร้อมกล้องหลักด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX298 มีค่ารูรับแสง f /2.0 และเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.8 นิ้ว ใหญ่ขึ้นจาก Mate 7 จึงทำให้ได้ Dynamic Range ของภาพดีขึ้นไปอีกถึง 20% นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกันสั่น OIS แบบ 3 แกน ในส่วนของระบบโฟกัสจะเป็นแบบไฮบริด (Hybrid Auto Focus) ที่ผสานระหว่าง Phase detection Auto Focus และ Contrast Auto Focus เข้าด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลให้กล้องสามารถโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น


    Screenshot_2016-02-16-16-34-32

    เมนู Interface เริ่มต้นของ Camera การจัดวางเลย์เอาท์ต่าง ๆ ดูเรียบง่ายสบายตา หลาย ๆ คนที่เคยใช้งานค่ายนี้มาก่อนจะคุ้นตากันดีอยู่แล้ว

    Screenshot_2016-02-16-16-34-45

    โหมดการใช้งานอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

     

    Screenshot_2016-02-16-16-34-56 Screenshot_2016-02-16-16-35-02

    สำหรับโหมด Setting การเรียกใช้งานต้องเข้าถึงลึกไปนิด แต่การปรับตั้งค่าต่าง ๆ มีความยืดหยุ่นและช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดีครับ

     

    จากนี้มาดูคุณภาพกล้องของ Huawei Mate 8 กันได้เลยครับ และเหมือนเช่นเคยที่ผมจะให้ความสำคัญไปที่โหมด Auto เป็นหลัก เพราะการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันส่วนใหญ่เราจะใช้โหมดนี้กันอยู่แล้ว และเป็นการวัดคุณภาพจากฝั่ง Software ได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ

     

  • ปล. คลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ครับ

    dav

    dav

    Normal Mode

    hdr

    HDR Mode

    dav

    Normal Mode

    dav

    HDR Mode

    dav dav

    dav

    dav

    dav

    sdr

    dav

    dav

    dav

    dav

    mde

    dav

    dav

    dav

    mde

    mde

    mde

    ทดสอบกล้องหน้ากันต่อเลยนะครับ

    bty bty

    Normal mode & Beauty mode  สำหรับบิวตี้โหมดสามารถปรับตั้งค่าได้ถึง 10 ระดับ

    bty bty

    เซลฟีในสภาพแสง In door ดูบ้าง และไม่ทำให้ผิดหวังครับ

    สรุปกล้องหน้าและหลัง คุณภาพกล้องทั้งหน้าและหลังทำได้ดีมาก ๆ  ทั้งการโฟกัสและความไวในการบันทึก ลูกเล่นอาจจะไม่หวือหวา แต่เนื้อไฟล์และคุณภาพต้องบอกว่าสู้เจ้าตลาดแบรนด์อื่น ๆ ได้อย่างไม่อาย ที่จะติเพียงอย่างเดียวคือ ในที่แสงน้อยยังทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ ทั้งเรื่องไวท์บาลานซ์และการจัดการนอยส์ คาดว่าน่าจะเป็นปัญหาในฝั่งของตัว Software ถ้าแก้ตรงนี้ได้ มันจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นเลยครับ

     
    สรุป Huawei Mate 8

    ข้อดี

    1. ตัวเครื่องหรูหราด้วยวัสดุพรีเมี่ยม และงานประกอบเรียบร้อยแข็งแรงดีมาก ๆ
    2. ขอบจอแคบทำให้เครื่องดูไม่ใหญ่ แม้จะมีหน้าจอขนาด 6 นิ้วก็ตาม
    3. คุณภาพกล้องอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ทั้งกล้องหน้าและหลัง
    4. ระบบสแกนลายนิ้วมือสุดเจ๋งทั้งความไวและฟีเจอร์
    4. แบตอึดและ ระบบระบายความร้อนก็ทำงานได้ค่อนข้างดี แม้จะใช้งานอย่างหนักหน่วงก็ไม่รู้สึกว่าตัวเครื่องนั้นร้อนจนเกินไป

    สิ่งที่ต้องพิจารณา

    1. เปิดตัวมาในราคาที่ค่อนข้างสูงไปนิด
    2. วัสดุตัวเครื่องเก็บรอยนิ้วมือและน่าจะเป็นรอยได้ง่าย ต้องหาเคสมาใส่ป้องกัน

    ก็คงจะฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับรีวิว Huawei Mate 8 แล้วพบกันใหม่ในรีวิวทดสอบด้านเอนเตอร์เทนครับ

    สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ ^^

    สามารถพูดคุยเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่หน้าเว็บบอร์ดเดิมครับ โดยคลิ๊กที่ลิงก์นี้ครับ >>> pdamobiz.com

 

 



ถูกใจบทความนี้  0