สวัสดีครับผม วันนี้พามาแกะกล่อง Wiko RIDGE FAB 4G กันนะ ต้องบอกว่าแบรนด์นี้มาแรงไม่ใช่เล่น ช่วง Thailand Mobile Expo ที่ผ่านมานี่ออกรุ่นใหม่อย่างเจ้า RIDGE FAB 4G มาในราคาแค่ 6990 บาทเท่านั้นเอง เรียกว่าเป็นเครื่องสเปคคุ้มค่ากับราคาอีกรุ่นนึงในตลาดเลยล่ะครับ แน่นอนว่ารองรับ 4G ที่มีในประเทศไทยด้วย และวันนี้พามาแก้กล่องกันนะครับ
ขอบคุณ Wiko Thailand ที่ให้ยืมเครื่องทดสอบ
จริงๆ Wiko นี่ทำตลาดมาสักพักใหญ่แล้วนะครับ แน่นอนว่าคอนเซ็ปท์คือ สเปคคุ้มราคา แต่จริงๆ คำที่แบรนด์นี้ใช้คือ Game Changer เรียกว่ามาเปลี่ยนกระแสในวงการ ซึ่งผมว่าก็ได้ใจอยู่นะ ว่าแล้วก็มาดูสเปคกันก่อนเลย
อ้างอิงสเปคจากที่นี่ หากเป็นประเด็นสเปคนี่ผมว่าหลายคนก็ต้องสนใจ เพราะโดยภาพรวมที่เค้าโปรยเอาไว้กับราคา 6990 บาทนี่ คุ้มสุดๆ
จริงๆ การเลือกซื้อ สิ่งแรกๆ ที่ต้องดูก็สเปคนี่ล่ะครับ เสร็จแล้วก็มาดูเรื่องรายละเอียดตัวเครื่องและแกะกล่องดีกว่า
สำหรับ Wiko RIDGE FAB 4G มาพร้อมกับกล่องสีเขียว โดยงานนี้ออกมาพร้อมกัน 2 รุ่นนะครับ มาพร้อมกับ RIDGE ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกัน แต่ว่าขนาดตัวเครื่อง หน้าจอ สเปค และราคาต่างกันอยู่ 2000 บาท รุ่นนั้นก็น่าสนใจเหมืนอกันนะ แต่วันนี้เอา Wiko RIDGE FAB 4G มาโชว์กันก่อนเลย
ด้านหลังกล่อง มีจุดเด่นเรื่องสเปคสรุปเอาไว้ให้เรียบร้อย ไม่ต้องกลัวพลาด
ด้านข้างก็มีสรุปสเปคบอกเอาไว้เช่นกัน นี่ต้องบอกว่าได้มาแบบว่าใหม่แกะกล่องมาก แบรนด์นี้ชอบเลย ซิงๆ
แน่นอนว่า Wiko มีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมายนะครับ ไม่ต้องกังวล อีกทั้งศูนย์บริการก็มีอยู่ไม่น้อย
ว่าแล้วก็ไม่รอช้าแกะกล่องออกมาทดสอบกันดีกว่า
อุปกรณ์ภายในกล่องครับ ครบถ้วน ตัวเครื่อง หัวชาร์จ สาย USB แบบแบน ขาดยากนะแบบนี้ มีหูฟังแบบ in ear พร้อม earbud สำหรับเปลี่ยนขนาดเพื่อรับกับขนาดหูของแต่ละคน คู่มือ แบตเตอรี่ อ้อ ที่สำคัญมี sim adapter สำหรับเปลี่ยนขนาดซิมมาให้ด้วยอ่ะ อันนี้ชอบเลย แต่รู้สึกว่า จะไม่มีแผ่นฟิล์มกันรอยติดหน้าจอ กับเคสแถมมาให้นะ ดังนั้นก็อย่าลืมหาซื้อมาด้วยล่ะ
หน้าตาของ sim adapter ครับ แบบว่าครบทุกขนาดจริงๆ ใครมีขนาดไหน ยังไงก็สามารถใช้งานกับ Wiko RIDGE FAB 4G ได้แน่นอน
แบตให้มา 2820 mAh ไม่ต้องกลัวหมดระหว่างวัน เรื่องพลังงาน Wiko RIDGE FAB 4G ก็ทำได้ดีจ้า
หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว คืออารมณ์ Phablet แล้วล่ะ แต่เอาเข้าจริงๆ น่าแปลกที่มือผมเล็กๆ นี่จับใช้งานได้สบายใจ เรียกว่าการออกแบบขนาดตัวเครื่องมานี่โอเคนะ ความละเอียดแบบ HD ก็เพียงพอแล้วกับการใช้งานโดย ส่วนหน้าจอแบบ IPS ผมว่ายังไม่สว่างเท่าไหร่นะครับ รวมถึงที่เค้าไม่ปิดแผ่นกันรอยหน้าจอ หรือแถมมาให้เพราะว่า Gorilla Glass3 นี่ล่ะ เรียกว่าทนรอยขีดข่วนในระดับนึงอยู่แล้ว
ด้านหน้า มีแต่ตัวกล้องที่ขนาด 5 ล้านพิกเซล ก็มีฟังก์ชั่นหน้าสวย face beauty เหมือนกับค่ายอื่นๆ เหมืนอกันนะ ปรับได้ 3 ระดับซะด้วย จะว่าไปอาจจะต้องพูดถึงตัว CPU นิดนึงคือ Snapdragon 400 รุ่นนี้รองรับ 64Bit แล้ว นั่นหมายถึงจะรองรับการอัพเกรดเป็น Andorid 5.0 Lollipop ด้วยนะครับ
ด้านหลังเป็นฝาพลาสติก แกะฝาหลังได้แน่นอน พร้อมเปลี่ยนแบตได้ด้วย แต่วัสดุที่หุ้มฝาหลัง คล้ายกำมะหยี่ แต่ไม่ใช่นะ อารมณ์คล้ายๆ แต่ทว่าข้อดีคือ วางแล้วไม่ลื่น จับแล้วอาจจะสากมือไปบ้าง แต่ก็อย่างว่าทำให้กระชับติดแน่น ไม่ลื่นตกจากมือแน่นอน
ส่วนกล้องด้านหลังนี่ก็จัดเต็มมาให้ 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช
ลำโพงนี่เห็นแค่นี้แต่ว่าพลังเสียงก็ใช่ย่อยนะ อาจจะไม่ได้ทุ้มอะไรมากนัก แต่เสียงใสใช้ได้เลยล่ะครับ
มาดูตัวเครื่องด้านบนกันบ้าง มีช่องสำหรับเสียบหูฟัง 3.5 นิ้ว อยู่ตรงด้านนี้ เสียบใช้งานได้สะดวก
ด้านล่างก็เป็นพอร์ท micro USB สำหรับเสียบชาร์จและซิงค์ พร้อมช่องแงะฝาหลังนะ เค้าซ่อนเอาไว้ได้ค่อนข้างเนียนเหมือนกัน
ส่วนทั้งสองด้าน จะเป็นสีเงินหม่นๆ หน่อย ขอบโลหะไม่สะท้อนแสงเป็นรอยยากนะผมว่า ลองใช้ดูสักพักแล้ว ก็ไม่มีรอยแต่อย่างใด แต่ตรงที่น่าเป็นห่วงคือ มุมทั้ง 4 ด้านของตัวเครื่อง ตรงส่วนของที่หุ้มฝาหลังเหมือนผ้ากำมะหยี่นั่นล่ะครับ ลอกออกทั้ง 4 ด้านเลย
ลองเปิดฝาหลังมาดู แน่นอนว่าที่กล่องก็บอกไว้ชัดเจนว่ารองรับ 2 ซิม รองรับ 4G ครับ ตอนนี้ที่ใช้ได้ก็มีค่าย dtac และ truemoveH
ถ่ายในที่แจ้ง ก็สะท้อนแสงกันนิดนึงนะครับ หน้าจอเนี่ย
ตัว unlock เข้าใช้งานสามารถเลือกได้ว่าเข้าฟังก์ชั่นกล้อง โทรศัพท์หรือ unlock เข้าหน้า Home ปกติ
คือบอร์ดภาษาไทยที่ใช้ก็คือ Touchpal รองรับภาษาอื่นๆ ด้วยนะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องพิมพ์ แน่นอนว่าเมนูไทยนี่ได้อยู่แล้วนะ
ตัวแอพพลิเคชั่น เนื่องจาก Wiko ไม่ได้ออกแบบให้มีเมนูเข้า app drawer หากจะเลือกแอพที่ลงก็เลื่อนไปทางด้านขวามือไปเรื่อยๆ และสามารถสร้างกรุ๊ปได้เพื่อประหยัดพิ้นที่และรวบเป็นหมวดหมู่ให้สะดวกกับการใช้งาน ดังนั้นไม่ต้องไปหานะครับว่าทางเข้า app drawer อยู่ตรงไหน
ส่วยของที่ว่างภายในที่ใช้งานได้เหลือให้ใช้เพียบ ให้มาทั้งหมด 16 GB ใช้งานได้ประมาณ 12 GB แน่นอนว่าถ้าไม่พอ ใส่เมมเพิ่มได้อีกต่างหาก
เวอร์ชั่น Android ก็ล่าสุดแล้ว รอลุ้นแค่ว่าจะอัพเดทกันเป็น Android 5.0 ได้หรือไม่ แต่เท่าที่สอบถามกับคนขายในงาน Thailand Mobile Expo ที่ผ่านมาเค้าว่าได้นะ ยังไงคงต้องรอกันอีกทีล่ะ
เช็คสเปคด้วย CPU-Z อีกที
สามารถใช้งานได้สูงสุด 5 นิ้วพร้อมกันนะ
ว่าแล้วก็ทดสอบพลังซะหน่อย เอาคะแนนจาก Antutu Geekbench และ 3D Marks มาลองกันสักนิด คำตอบอยู่ตามรูปเลย
ส่วนของ software ก็มีประมาณนี้ครับ
จริงๆ เค้าก็ให้มาครบแล้วล่ะ แต่อย่างว่าเราก็สามารถหาลงเองได้ ตัว UI ของ Wiko ก็ทำมาเป็นเอกลักษณ์ดีนะ พวกไอคอนต่างๆ รวมถึงเสียงตอนกดปุ่ม home ด้วย
คีย์บอร์ดภาษาอังกฤษนี่สามารถเดาคำศัพท์ได้นะครับ
เอาพื้นที่เหลือการใช้งานและเวอร์ชั่นของ Android มาดูกันอีกทีนึง
สำหรับเรื่อง Software ในเครื่อง ผมว่ามีไม่มากไม่น้อยไป ไม่ต้องลงเพิ่มก็ใช้งานได้สบายใจแล้วล่ะ ว่าแล้วก็ไปดูส่วนของกล้องบ้าง
ฟังก์ชั่นกล้องหลักๆ ก็จะมี face beauty, HDR และ โหมดปกติ ซึ่งแนะนำให้ถ่าย face beauty ไม่ว่าจะถ่ายคนหรือไม่นะครับ เพราะเท่าที่ทดสอบมา หากไม่เปิดโหมดนี้แล้วถ่ายภาพทั่วๆ ไปล่ะก็ ภาพออกมาไม่แจ่มนะ ลองมาดูภาพหลายๆ แนวจากกล้อ Wiko RIDGE FAB 4G กันหน่อย เอาเป็นว่าไม่ได้ทำอะไรกับภาพเลยก็แล้วกัน สดๆ อ้อ คลิ้กที่ภาพเพื่อดูภาพใหญ่สุดๆ นะครับ
ด้านล่างนี้เป็นภาพเปรียบเทียบการเปิด HDR โหมด
และปิดท้ายด้วย Face Beauty 3 ระดับ ไม่ขอลงออริจินอลนะครับ ฮ่าๆ
สรุปภาพรวมกันสักหน่อย
จะว่าไปข้อดีผมว่าเจ้า Wiko RIDGE FAB 4G นี่ สเปคกับราคาคุ้มค่าครับ แต่ผมว่าของแถมเช่นฟิล์มกันรอยอาจจะต้องให้มาหน่อยนะ ถึงแม้ว่าเป็น Gorilla Glass3 ก็จริง แต่ว่าก็กันรอยไว้ดีกว่า หน้าจอเป็นรอยแล้วเปลี่ยนก็หลายตังค์อยู่ ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องผมว่าก็ทำออกมาได้ดี วัสดุที่ใช้ดูดี ไม่ลื่นด้วย แต่ข้อเสียนิดนึงก็คือ ตรงมุมตัวเครื่องทั้ง 4 ด้านเลยลอกออกง่ายไปนิด เห็นเนื้อพลาสติกด้านใน อื่นๆ ก็มีเรื่องกล้อง ถ้าไม่เปิดโหมดหน้าสวยล่ะก็ ภาพที่ออกมาไม่แจ่มเท่าสเปคที่ให้มา ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ที่ใช้ดีแค่ไหน แต่ผมว่าต้องไปปรับตัว firmware ให้กล้องแจ่มกว่านี้หน่อย แต่ถ้าเปิดโหมดหน้าสวย แล้วไปถ่ายภาพล่ะก็ ได้อยู่นะครับ ส่วนเรื่องซอฟท์แวร์ภาพรวมก็เร็วดีไม่มีปัญหาใดๆ เกมส์ต่างๆ ก็โหลดมาเล่นได้ตามปกติ แน่นอนว่าใช้ชิปเซ็ทของ Snapdragon เรื่องพวกนี้ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว อ้อ รองรับ 64bit นี่ผมว่ารองรับอนาคตได้เลย ก็ใช้ได้อีกสักสองสามปีล่ะรุ่นนี้ ถ้าได้อัพเดทเป็น Android 5.0 Lollipop ล่ะนะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ
You must be logged in to post a comment.