ก่อนหน้านี้ได้ทำการรีวิวแกะกล่อง Asus Zenfone 2 Laser ไปเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะมีการจัดงาน Thailand Mobile Expo 2015 มารอบนี้จะเหลือรีวิวอะไรอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากการรีวิวในส่วนของ Software และกล้องถ่ายรูปรวมไปถึงตัวอย่างภาพถ่ายว่าออกมาเป็นอย่างไรบ้างครับ ว่าแล้วก็ไปติดตามกันต่อเลย
……
สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านรีวิวแกะกล่องอ่านกันได้ที่ =>> แกะกล่อง Asus Zenfone 2 Laser (ZE550KL) อีกหนึ่งรุ่นย่อยรุ่นเล็กของนิกายเซน <<=
Asus Zenfone 2 Laser Specification:
– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD
– Snapdragon 410 Quad Core 1.2GHz
– Adreno 306
– Ram 2GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB
– รองรับ Micro SD Card
– รอบรับการใช้งาน 2 ซิม (Micro Sim)
– กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, Laser Focus และไฟแฟลช LED 2 ดวง 2 สี
– กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
– แบตเตอรี่ 3,000mAh
– ขนาดตัวเครื่อง 152.5 x 77.2 x 10.8มม.
– น้ำหนัก 170 กรัม
– Android 5.0.2 Lollipop
– ราคา 6,990 บาท
1.User Interface & Feature
Asus Launcher
User Interface ของ Zenfone นั้นมาเหมือนกันทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ครับ คือมีความเรียบง่ายและคลาสสิคมาก โดยแบ่งออกเป็นหน้า Home และ App Drawer ซึง Asus launcher นั้นบางทีก็ฉลาดมากเกิน คือมันจัดการแอพประเภทต่างๆ เข้า Folder ให้เสร็จสรรพทันทีที่เราโหลดแอพเสร็จเลย ยกตัวอย่างเช่นผมโหลดเกมส์มาเกมส์นึง พอโหลดเสร็จมันจับโยนเข้าโฟลเดอร์เกมทันที เอ๊อะ จะฉลาดไปไหนล่ะครับท่าน ซึ่งผมว่าก็ดีนะ ไม่ต้องให้แอพกระจายๆ กันเยอะๆ หลายๆ หน้า แบ่งเป็นประเภทนี่ล่ะง่ายดี หรือใครขี้เกียจหาโฟลเดอร์ประเภทต่าง ๆ อีก ก็สามารถค้นหาโดยพิมพ์ชื่อแอพเลยก็ทำได้
Notification Bar
Notification Bar ของ Zenfone 2 Laser จะเหมือนกับ Zenfone รุ่นอื่นๆ และเหมือนกับแอนดรอยด์ที่หลายๆ คนคุ้นเคยคือลากลงมาชั้นนึงเป็นแถบการแจ้งเตือนต่างๆ และถ้าลากซ้ำลงมาครั้งที่สองจะเจอกับแถบทางลัดต่างๆ ในการปรับความสว่างหน้าจอ และเปิดปิด Wi-Fi, Bluetooth, ฯลฯ ครับ
Touch Gesture
Zenfone 2 Laser แม้จะเป็นรุ่นเล็ก ราคาไม่แพง แต่ก็ไม่มีการตัดฟีเจอร์ออกกระทั่ง Touch Gesture ก็ให้มาด้วยซึ่งเป็นการจับความเคลื่อนไหวต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น หากหน้าจอดับอยู่ เราก็สามารถเคาะหน้าจอสองครั้งเพื่อให้หน้าจอติดขึ้นมาได้ หรือจะเคาะหน้าจอสองครั้งเพื่อปิดหน้าจอก็ทำได้ครับ (แต่ต้องอยู่ที่หน้าโฮมนะ) รวมถึงยังมี Gesture หลายๆ อย่างอีกที่ใช้ ณ ตอนหน้าจอดับโดยการเขียนตัวอักษรอีกดังนี้
– C เพื่อเปิดกล้องถ่ายรูป
– W เพื่อเปิดเว็บบราวเซอร์
– S เพื่อเปิดกล้องถ่ายรูป (กล้องหน้า)
– e เพื่อเปิดอีเมล
– Z เพื่อเปิด Asus Boost
– V เพื่อเปิดหน้าโทรออก
One Hand Mode
เนื่องด้วยคัวเครื่อง Zenfone 2 Laser มีขนาดค่อนข้างใหญ่คือหน้าจอก็ปาไป 5.5 นิ้วแล้ว ฉะนั้นคนมือเล็กอาจใช้งานมือเดียวไม่ค่อยสะดวกจึงได้ใส่ฟีเจอร์ One Hand Mode มาให้ด้วยเพื่อทำการย่อหน้าจอลงมา จะได้ใช้งานด้วยมือข้างเดียวได้สะดวกมากยิ่งขึ้นครับ
File Manager
แอพจัดการไฟล์ต่างๆ ของตัวเครื่องใช้งานเหมือนทั่วๆ ไป แบ่งออกเป็นหน่วยความจำภายในตัวเครื่องและ Micro SD Card ชัดเจน ซึ่งจะเข้าไปดูไฟล์ส่วนไหนก็กดที่แถบทางขวาออกมา รวมถึงยังเข้าดูพวก Cloud Storage ต่างๆ ในแอพนี้ได้ด้วยนะ
Instant Camera
ผมเองเป็นคนหนึ่งที่บางสถานการณ์ก็ต้องหยิบมือถือมาถ่ายรุปแบบด่วนๆ จะมานั่งกดให้จอติด ปลดล็อค แล้วเข้ากล้องถ่ายรูปก็จะช้าไปนะ หรือจะไปวาดเป็นตัวอักษรหรือการใช้ Gesture ต้องมานั่งนึกอีกว่าวาดอะไรเข้ากล้องฟะ แต่ละรุ่นไม่เหมือนกันเลย ฉะนั้นผมเลยชอบกดปุ่มบนตัวเครื่องเพื่อเรียกแอพกล้องถ่ายรูปขึ้นมามากกว่า ซึ่งโดยปกติของ Zenfone จะถูกปิดฟีเจอร์นี้เอาไว้ต้องมาเปิดใน Setting > Lock Screen > Instant Camera จากนั้นเวลาหน้าจอดับอยู่แล้วต้องการเข้ากล้องถ่ายรูป ก็แค่กดปุ่มเพิ่่มหรือลดเสียงสองครั้งตัวเครืองก็จะเปิดแอพกล้องขึ้นมาทันทีครับ
2.กล้องถ่ายรูป
Asus Zenfone 2 Laser มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี Laser Focus ช่วยให้การโฟกัสเร็วขึ้นและมีไฟแฟลช LED ให้อีกสองดวงสองสี (True Tone Flash)
โหมดการถ่ายรูปของ Zenfone 2 Laser มีมาเยอะมากเหมือนกับรุ่นพี่ที่ออกมาก่อนหน้านี้เลยล่ะ คือจะเยอะไปไหนเนี่ย รายละเอียดดังนี้
– Auto
– Manual
– HDR
– Beautification
– Super Resolution: เป็นโหมดถ่ายภาพหลายๆ ช็อตแล้วนำมารวมกันให้ได้ภาพความละเอียดที่สูงขึ้น
– Low Light
– Night
– Depth in field: เป็นการถ่ายรูปเสร็จแล้วจัดการปรับภาพให้ฉากหลังเบลอตามความสะใจของเราครับ ฮ่ะๆ ผมว่าเอาไว้ถ่ายสิ่งของมันแจ่มมากเลยนะ
– Effect: เอฟเฟคต์สีต่างๆ
– Gif Animation
– Panorama
– Miniature
– Time Rewind
– Smart Remove
– All smiles
– Slow Motion
– Time Lapse
มาดูการถ่ายรูปโหมด Manual กันดีกว่าว่าปรับค่าอะไรได้บ้าง
ปรับ ISO ได้ตั้งแต่ 50 – 800
ปรับ Speed Shutter ได้ตั้งแต่ 2 – 1,000/s
ปรับ EV ได้ตั้งแต่่ -2 ถึง +2
ปรับ White Balance ได้ระดับค่า K แต่มีแผนภาพให้ชัดเจน ง่ายดีนะ จะเอาสีฟ้าก็ปรับลงมา โทนร้อนก็ปรับขึ้นไป
ทั้งนี้หากใช้งานโหมด Auto แล้วสีสันหรือค่าแสงไม่ถูกใจก็สามารถมาปรับได้ในการตั้งค่าของกล้องนะครับ
ปรับได้ยัน Saturation, Contrast, Sharpness, Noise Reduction, Backlight
เดิมกล้องของ Zenfone 2 Laser จะถูกตั้งค่าความละเอียดมาที่ 10 ล้านพิกเซลแล้วอัตราส่วนจะพอดีกับหน้าจอตัวเครื่องพอดี (16:9) ทั้งนี้ในการรีวิวครั้งนี้ผมปรับเป็น 13 ล้านภาพจึงออกมาในอัตราส่วน 4:3 ครับ
มี Burst Mode ด้วยนะ วิธีใช้ไม่ยากครับ จิ้มค้างเวลาถ่ายรุปนั่นล่ะ เดี๋ยวมันยิงเอง
ส่วนเรื่องการถ่ายวิดีโอสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD (1080p)
Effect: โหมดสีต่างๆ
โหมดสีต่างๆ บน Zenfone 2 Laser มีให้เลือกใช้เยอะมาก ชอบแบบไหนก็ลองกันดู
กล้องหน้า
Asus Zenfone 2 Laser มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
กล้องหลังมีโหมดถ่ายรูปอะไรกล้องหน้ามีเกือบหมดครับ แต่ที่จะมีเพิ่มเข้ามาคือ Selfie panorama เผื่อเก็บภาพเป็นหมู่คนเยอะๆ ทั้งนี้เดิมๆ ของกล้องหน้านั้นจะมาในโหมด Beautification หรือโหมดหน้าสวยนั่นเอง
โหมด Beautification นั้นสามารถปรับแต่งได้หลากหลายมากครับ ตั้งแต่เติม Brush ว่าอยากได้สีอะไร, ทำหน้าเนียน 10 ระดับ, ทำหน้าขาวได้อีก 10 ระดับ, ตาโตก็ทำได้ 10 ระดับ และสุดท้ายทำหน้าเรียวได้อีกด้วย 10 ระดับ โอ้ เรียกว่าใช้กันหมดนี่ออกมาสวยหล่อทุกคนแน่นอน แต่ตัวจริงจะเป็นไงนี่…ก็ไม่รู้นะครับ ฮ่าๆ
ส่วนของซอฟต์แวร์จบลงเรียบร้อย ต่อไปก็ไปขอเชิญชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Zenfone 2 Laser กันครับ
ซึ่งแน่นอนว่าภาพเกือบทั้งหมดถ่ายด้วยโหมด Auto และไม่ได้มีการปรับแต่งใดๆ ทำเพียงย่อขนาดและใส่ลายน้ำเท่านั้นครับ
ภาพนี้ลองเปรียบเทียบโหมด Auto กับ HDR ดูครับ ภาพบน Auto ภาพล่าง HDR
ภาพนี้ก็เปรียบเทียบโหมด Auto กับ HDR เช่นกัน บน Auto ล่าง HDR
ภาพยามค่ำคืนก็ยังถ่ายออกมาได้ดีนะเนี่ย
ลองถ่ายรูปในตึกกันบ้าง
ดอกไม้บ้างล่ะ
มาโครหุ่นตัวเล็กๆ ดูก็ทำได้ดีครับ
และสุดท้ายเป็นตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ชัดเลยทีเดียว ดีนะแค่ 5 ล้านพิกเซลยังไม่ทำร้ายผมมากเท่าไหร่ >_<
3.การเล่นเกมส์
ทดสอบเล่นเกมส์บน Asus Zenfone 2 Laser ด้วยเกมส์ Line Cookie Run พบว่าเล่นได้ไม่มีปัญหา แม้จริงๆ Snapdragon 410 อาจจะไม่ได้แรงอะไรมาก แต่รอมของทาง Asus ปรุงมาดี ผสานกับ Ram 2GB ด้วยทำให้หมดกังวลไปได้เลย เพราะก่อนหน้านี้เคยลองรีวิวบนบางรุ่นที่ใช้ S410 มีอาการกระตุก แต่รุ่นนี้ไม่มีอาการนั้นแฮะ
อีกเกมส์ที่ทดสอบคือ Implosion เกมส์เดินๆ ตีๆ ตัวเกมส์ภาพสวยงามและเป็น 3D ซึ่งกินแรงเครื่องพอตัว แต่เล่นบน Zenfone 2 Laser ก็ลื่นดี เดินตี ไม่พบอาการหน่วงแต่อย่างใด
สรุป: Asus Zenfone 2 Laser เป็นอีกหนึ่ง Phablet ราคาไม่แพง ที่มีสเปคเหลือกินเหลือใช้ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเล็กแต่ความสามารถต่างๆ ที่ Zenfone 2 รุ่นอื่นมีเจ้าตัวนี้ก็มีหมด แถมยังมี Laser Focus ตามชื่อรุ่นมาให้เพื่อช่วยในการโฟกัสภาพถ่ายให้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก รวมทั้งแบตเตอรี่ก้มีขนาดใหญ่ตามขนาดหน้าจอคือ 3,000mAh ทำให้การใช้งานทั้งวันถ้าไม่ติดมือถือหนักจริงๆ ยังไงก็หายห่วง
ข้อดี
– หน้าจอใหญ่ สีสันสวยงาม ธรรมชาติ
– กล้องหลังความละเอียดสูงพร้อม Laser Focus ถ่ายภาพได้ไว
– แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ อึดพอตัว
– ลูกเล่นเยอะ รุ่นใหญ่มี รุ่นนี้มีหมด
ข้อเสีย
– มีแอพบางตัวติดเครื่องมาเลย ซึ่งบางแอพอาจไม่ได้ใช้งานเลยและไม่สามารถถอนการติดตั้งไม่ได้ทำให้เสียพื้นที่บางส่วนไป
– แอพติดเครื่องของทาง Asus เองบางตัวไม่สามารถใช้งานได้เพราะไม่รองรับบ้านเรา
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง Asus Thailand ที่ให้ยืมเครื่องมาทดสอบครับ
==>เพื่อนๆสมาชิกสามารถแสดงความคิดเห็นกันที่เว็บบอร์ดเดิมได้โดยคลิกที่นี่<==
You must be logged in to post a comment.