Microsoft ยังคงต่อยอด Surface Hybrid Laptop และ Tablet ต่อไป ส่ง Microsoft Surface Pro 4 ออกมาสู่ตลาดเป็นที่เรียบร้อย โดยมีรุ่นให้เลือกมากมายราคาเริ่มต้นกันตั้งแต่ 33,900 บาท ซึ่งรุ่นที่ได้มารีวิวนั้นเป็นตัว Core i5 Ram 8GB ที่มีค่าตัว 49,900 บาท ซึ่งในส่วนของประสิทธิภาพนั้นถือว่าแรงเหลือเฟือเลยล่ะครับ ซึ่งใช้งานจริงจะตอบโจทย์ใครได้ต้องลองดูกัน
ขอขอบคุณ Microsoft ประเทศไทย ที่ให้ยืมเครื่องมาทดสอบครับ……
Microsoft Surface Pro 4 Specifications:
– หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2736 x 1824 (267 PPI)
– มีสเปคและราคาหลากหลายรุ่น
Microsoft Surface Pro 4 (SU3-00012) Core M3 แรม 4GB หน่วยความจำ 128GB ราคา 33,900บาท
Microsoft Surface Pro 4 (CR5-00012) Core i5 แรม 4GB หน่วยความจำ 128GB ราคา 39,900บาท
Microsoft Surface Pro 4 (CR3-00012) Core i5 แรม 8GB หน่วยความจำ 256GB ราคา 49,900บาท
Microsoft Surface Pro 4 CQ9-00012) Core i7 แรม 8GB หน่วยความจำ 256GB ราคา 59,900บาท
Microsoft Surface Pro 4 (TH2-00012) Core i7 แรม 16GB หน่วยความจำ 256GB ราคา 67,900บาท
Microsoft Surface Pro 4 (TH4-00012) Core i7 แรม 16GB หน่วยความจำ 512GB ราคา 82,900บาท
– ระบบปฏิบัติการ Windows 10
– กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
– กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
– USB 3.0 1 Port
– ขนาด 292.10mm x 201.42mm x 8.45mm
– น้ำหนัก 786 กรัม สำหรับรุ่น i5, i7 ส่วนรุ่น m3 หนัก 766 กรัม
กล่องของ Microsoft Surface Pro 4 เป็นสีขาวครับ พร้อมโชว์หน้าตาตัวเครื่องด้านหลังกันหน่อยว่าตัวเครื่องสามารถตั้งบนโต๊ะได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
อุปกรณ์ในกล่องที่ได้มีดังนี้
– Microsoft Surface Pro 4
– Surface Pen
– Adapter สำหรับชาร์จ Surface โดยเฉพาะ หัวแม่เหล็ก ใช้กะใครอื่นไม่ได้แน่นอน
Surface Pen จะมีขนาดเท่าปากกาจริงๆ เลยก็ว่าได้ ฉะนั้นเวลาจับก็ถือว่าถนัดมือดีมากครับ
ส่วน Adapter ที่บอกว่าไม่ต้องไปใช้กะคนอื่นก็เพราะหัวจ่ายไฟนี่แหละ เป็นแบบแม่เหล็กละขนาดแบบนี้เลย
Microsoft Surface 4 Pro มีขนาดหน้าจอ 12.3 นิ้ว ฉะนั้นขนาดมันใหญ่มากแน่นอน และด้วยน้ำหนัก 786 กรัม คงยกเล่นนานๆ ไม่ไหวนะ
ด้านหน้าก็โล่งๆ ครับมีแต่หน้าจอและในส่วนเหนือจอก็จะมีกล้องถ่ายรูปตามสไตล์คอมพิวเตอร์ตรงกลางเลย
ด้านหลังทำจากโลหะ เวลาเครื่องเย็นก็เย็นสบายมือดี เวลาร้อนก็ร้อนเฉพาะส่วนเท่านั้น ตัวเครื่องประกอบแข็งแรงมาก ด้านบนด้านหลังมีกล้องหลังนั่นเอง
รอยตรงกลางนั่นจริงๆ คือขาตั้งที่สามารถนำมาพับได้หลากหลายองศา ตามนี้ สูงสุดก็ประมาณ 90 องศาได้นะ ไม่ใช่เป็นแบบระดับด้วย คือจะลากองศายังไงก็ทำได้ อันนี้แจ่มดี
ด้านบนลามไปถึงด้านข้างตัวเครื่องมีพัดลมระบายอากาศ (ที่เป็นรูๆ น่ะ) ด้านซ้ายมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. ส่วนทางขวามีพอร์ท USB 3.0, ที่ชาร์จไฟแบบแม่เหล็ก (จริงๆ เห็นแว้บแรกนี่นึกว่าช่องอ่าน SD Card ฮ่าๆ) ส่วนด้านล่างก็เป็นพอร์ทไว้ต่อกับ Type Cover (ซึ่งเจ้า Type Cover เนี่ยไม่ได้แถมพร้อมซื้อนะครับ ต้องซื้อแยกต่างหาก ราคา 5,190 บาท -_-‘ เอ๊อะ)
หน้าตา Type Cover ครับ ก็คือ keyboard dock นี่ล่ะ มีสีดำ มี Touchpad เหมือน keyboard notebook, ปุ่ม FN ทางลัดต่างๆ บลาๆ ครบ (เว้นแต่ปุ่มปรับระดับแสงหน้าจอที่ไม่มี กลายเป็นปุ่มเพิ่มลดแสงคีบอร์ดแทน)
ตัวแป้นพิมพ์นูนขึ้นมาระดับนึง ทำให้เวลาพิมพ์สัมผัสไปได้ความรู้สึกเมามันส์พอตัว ไม่ใช่แบบแตะไปแล้วไม่มีอะไรเด้งกลับมาเลย
ส่วนความหนาของ Type Cover ก็ ต้องบอกว่าบางมากเลยล่ะครับ
จับประกอบกับ Surface Pro 4 แล้วเปิดแสงไฟตรงแป้นพิมพ์ให้ดูว่ามันมีจริงๆ นะ
ทั้งนี้หากนำ Type Cover ไปเชื่อมต่อกับ Surface Pro 4 จะสามารถตั้งได้ 2 ระดับครับ เป็นแบบติดกับหน้าจอและไม่ติดหน้าจอ ตามภาพบนและล่างนี่ล่ะ
ส่วน Surface Pen นั้นต้องบอกว่าทำมาได้ค่อนข้างดี โดยทาง Microsoft บอกว่ารองรับแรงกดได้ถึง 1,024 ระดับ ทำให้การเขียนค่อนข้างเสมือนปากกาจริงอยู่ แต่ถ้าจะเขียนบน Surface 4 คงยกเขียนลำบากนิดนึง ทางที่ดีหาโต๊ะวางละค่อยเขียนจะดีกว่า ฮ่าๆๆ
สำหรับใครที่ไม่รู้จะเก็บปากกาไว้ไหนเวลาพกจะหนีบกับช่องเสียบชาร์จก็ได้ แต่แนะนำว่าอย่าเลยครับ มันไม่ได้ติดแน่นขนาดนั้น หายมาทีจะเศร้าเปล่าๆ
ลองถือ Surface Pro 4 ดู อืมหนักเอาการ
ลองดูความคมชัดของหน้าจอกันบ้าง หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2736 x 1824 (267 PPI) นี่ต้องบอกว่าโคตรชัดเลยล่ะครับ เวลาเปิดวิดีโอถ้าความละเอียดสูงๆ ระดับ HD ขึ้นไปนี่ฟินกันเลยล่ะ
ทดสอบสเปคจาก CPU-Z อีกที ตามที่บอกครับว่าทางเว็บได้เครื่องรีวิวรุ่น Core i5 gen 6 และ Ram 8GB ซึ่งจากการที่ได้ทดสอบใช้งานมาประมาณ 2 สัปดาห์คงบอกได้เพียงว่าตัวเครื่องนั้นแรงมากเลยล่ะครับ คือบูทนี่กระพริบตาแปปๆ ก็เสร็จแล้ว ด้วยพลังแห่ง SSD ด้วยล่ะมั้ง เลยยิ่งทำให้ตัวเครื่องประมวลผลได้เร็วเข้าไปอีก การเข้าเว็บหรือเปิดโปรแกรมต่างๆ ก็ทำได้รวดเร็วทันใจ สมราคาดี และจากที่ทดสอบมาก็เจอปัญหาแค่ 2 เรื่องเองล่ะ คือบางทีเปิดเว็บมันจะเกิดอาการประมวลผลกราฟฟิคผิดพลาด ละจะทำการรีโหลดเว็บอีกครั้งนึง ซึ่งเจอแทบทุกวันที่ทดสอบ ก็งงเหมือนกันว่าเพราะอะไร อีกปัญหาคือเวลาเปลี่ยนภาษาเมื่อใช้ type cover ค่อนข้างช้าคือกดไปแล้วบางทีไม่เปลี่ยนต้องมานั่งมองตรงมุมขวาเครื่องตลอดว่าภาษาเปลี่ยนรึยัง
สรุป:
ข้อดี
– สะดวกพกพาไปไหนมาไหนได้ สเปคแรงเหลือเฟือ
– แบตเตอรี่ค่อนข้างอึด อยู่ได้ราว 5-6 ชม.
– มีปากกาให้ขีดเขียนได้ สำหรับคนชอบจด
– ตัวเครื่องแข็งแรง ทนทาน ผลิตโดย Magnesium Alloy
ข้อเสีย
– ต้องซื้อ Type Cover แยกซึ่งราคาแรงมาก
– ไม่สามารถใส่ซิมการ์ดได้ ฉะนั้นหากจะต่อเน็ตต้องหา Wi-Fi ใช้
You must be logged in to post a comment.